ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ยังมีคนที่ไม่รู้ว่าเบสิคโฟน (Basic Phones) คืออะไร แต่ถ้าพูดว่ามือถือที่พ่อแม่หรือคนแก่ๆใช้ ก็จะร้องอ๋อขึ้นมาทันที ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่จำเป็นหรอกครับว่าจะต้องเป็นคนแก่เพียงกลุ่มเดียวที่ใช้เบสิคโฟน ไม่ว่าจะวัยไหนก็สามารถใช้งานเบสิคโฟนได้ ซึ่งเพื่อนของผมหลายคนก็ยังใช้เบสิคโฟนอยู่เช่นกัน และส่วนใหญ่ก็แค่ใช้งานเป็นเครื่องสำรองเฉยๆ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่แปลกเพราะทุกวันนี้เราอยู่ในยุคของสมาร์ทโฟนที่ทำอะไรได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง,ฟังเพลง,เล่นเกม หรือแม้กระทั่งทำงานในบางครั้งเราก็ยังทำงานบนมือถือ นี่ขนาดผมยังไม่นับการเล่นโซเชี่ยล การถ่ายภาพ และอื่นๆอีกนะ
แต่วันนี้ผมไม่ได้จะมาพูดถึงเรื่องของสมาร์ทโฟนเพราะว่าวันนี้ผมจะมาพูดถึงประเด็นข้อสงสัยส่วนตัวว่าทำไมคนแก่หรือผู้สูงอายุส่วนใหญ่ถึงยังใช้เบสิคโฟนกันอยู่ ทั้งๆที่หากใช้งานสมาร์ทโฟนการใช้ชีวิตนั้นอาจจะง่ายมากกว่านี้ ยกตัวอย่างเช่นเวลาพ่อแม่ฝากซื้อของที่เราไม่รู้จักก็ต้องมาโทรถามว่าหน้าตาเป็นยังไง หรือไม่ก็ต้องเสียเวลามายืน Search ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่ามันใช่หรือเปล่า? แทนที่จะถ่ายรูปแล้วส่งผ่าน Line ไปให้ดู แล้วรอคำตอบใช้เวลาเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง และวันนี้ผมจะมาพูดถึงปัจจัยที่ทำให้พ่อแม่หรือผู้สูงอายุส่วนใหญ่นั้นเลือกใช้งานเบสิคโฟนแทนที่จะใช้งานสมาร์ทโฟน และมาดูกันเลยดีกว่าว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
1.ความเคยชิน
อันดับแรกนั้นผมยกให้กับความเคยชิน เพราะมือถือเบสิคโฟนนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่พ่อแม่เรายังเป็นหนุ่มสาว เด็กรุ่นหลังๆ นี่ไม่เชื่อเลยว่าโทรศัพท์ที่ทำอะไรแทบไม่ได้เลยนั้นราคาเป็นหมื่นๆ เลยนะ และที่สำคัญเป็นช่วงแรกๆที่พ่อแม่นั้นเริ่มเรียนรู้ที่จะใช้มือถือ และเมื่อใช้งานเป็นแล้วก็ไม่อยากเปลี่ยน เพราะมองว่าตัวเองนั้นไม่ได้ลำบากอะไร แต่เมื่อมองกลับกันก็พบว่ายังมีพ่อแม่หรือผู้สูงอายุอีกหลายๆ คนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนยุคใหม่ๆ อย่าง iPhone เป็น จึงสรุปได้ว่าจะต้องมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
2.กลัวเทคโนโลยี
และปัจจัยต่อมานั่นก็คือการปิดกั้นที่จะรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต จึงทำให้คนกลุ่มนี้นั้นเลือกที่จะอยู่กับอะไรเดิมๆ ใช้เทคโนโลยีเดิมๆ และเป็นโรคกลัวเทคโนโลยีซึ่งเชื่อมั้ยครับว่ามันมีโรคแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆนะ ซึ่งก็คือโรค Technophobia หรือโรคกลัวเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆนั่นเอง สังเกตได้เลยว่าคนแก่หรือผู้สูงอายุบางคนนั้นจะกลัวในสิ่งที่ไม่น่ากลัว หรือไม่กล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างเช่น ผู้สูงอายุบางคนไม่กล้าที่จะกดตู้ ATM ต้องให้คนอื่นคอยกดให้ ,ไม่กล้าเติมเงินมือถือเพราะกลัวกดเลขผิด รวมไปถึงไม่กล้าใช้งานสมาร์ทโฟนเพราะความกลัวดังกล่าว และสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้มาจากปัจจัยข้อต่อไปนั่นก็คือ
3.ไม่มีใครสอนใช้
และปัจจัยข้อต่อมานั้นอยู่ที่ตัวเรา ซึ่งก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคนแก่นั้นก็เหมือนกับไม้แก่ที่ดัดยาก การจะให้ท่านทำอะไรใหม่ๆ เป็นทุกอย่างในช่วงเวลาแค่ 1-2 วันมันเป็นไปได้ยากครับ หากเราอยากให้พ่อแม่หรือคนเฒ่าคนแก่ในครอบครัวใช้มือถือแบบสมาร์ทโฟนเป็น ให้เริ่มจากค่อยๆ สอนเล็กๆน้อย ไปเรื่อยๆ และจะต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะหากเราใจร้อนหรืออารมณ์เสียพ่อแม่หรือคนแก่ก็จะเลิกเรียนรู้ในทันที หากสอนแล้วหลายครั้งก็ยังจำไม่ได้สักที ก็ยังมีวิธีอื่นอย่างเช่นการจดบันทึกขั้นตอนวิธีการใช้งานเบื้องต้นเอาไว้แบบง่ายๆ เชื่อเถอะครับว่าพ่อแม่หรือผู้สูงวัยจะดีใจมากหากใช้สมาร์ทโฟนติดต่อกับลูกหลานของตัวเองได้ เผลอๆวันดีคืนดีจะวีดีโอคอลมาหาเราด้วยซ้ำไป
4.ราคาก็มีผล!!
และปัจจัยต่อมานั่นก็คือราคาของมือถือที่พ่อแม่มักจะบอกว่ามือถือเดี๋ยวนี้นั้นแพงอย่างงั้นแพงอย่างงี้ ทั้งๆที่เบสิคโฟนในช่วงแรกๆ นั้นมีราคาที่สูงเทียบได้กับ iPhone รุ่นใหม่ๆ ในสมัยนี้ด้วยซ้ำไป แถมเมื่อก่อนโทรหากันทีเสียเงินเยอะกว่าเดี๋ยวนี้ตั้งหลายเท่าตัว บางรุ่นนั้นวางไว้เฉยๆ ยังเสียเงินก็มี หรือแม้แต่รับสายก็ยังเสียเงิน เห็นไหมล่ะครับว่าเรื่องราคานั้นมีส่วนแต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าพ่อแม่หรือผู้สูงอายุในบ้านนั้นเกรงใจที่จะขอให้เราซื้อมือถือรุ่นใหม่ๆ ให้มากกว่า เพราะกลัวจะรบกวนการเงินของเรา ยิ่งถ้าอายุมากรายได้ไม่มีก็ยิ่งเป็นไปได้ยากสำหรับการซื้อมือถือเครื่องใหม่ และก็ต้องใช้มือถือเครื่องเก่าๆ ต่อไป
5.สายตาไม่ดี
เรื่องของปัญหาสายตานั้นก็เป็นปัญหายอดฮิตของผู้สูงอายุที่จะต้องพบเจอกันทุกคน และปัญหาที่พ่อแม่มักจะพูดกับเรานั่นคือมองหน้าจอหรือแป้นพิมพ์ไม่เห็น ซึ่งมือถือส่วนใหญ่นั้นมาพร้อมกับแป้นพิมพ์ที่สามารถปรับขนาดได้ ยกตัวอย่างเช่นมือถือ Android นั้นสามารถดาวน์โหลดคีย์บอร์ดแบบต่างๆ ใน Play Store ได้ซึ่งแอพที่ผมแนะนำนั้นได้แก่ Keyboard Man Man คีย์บอร์ดยอดนิยมที่สามารถปรับขนาดของแป้นพิมพ์ให้ผูัสูงอายุนั้นใช้งานได้ง่ายมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นพ่อของผมเองที่อายุ 67 ปีแล้วก็ยังเพิ่มเบอร์ผู้ติดต่อในสมาร์ทโฟนได้นั่นเอง ส่วนเรื่องของการใช้งานในส่วนอื่นๆ ก็ให้ค่อยๆ สอนไปเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าวันนึงคุณจะรู้สึกภูมิในอย่างแน่นอน และถ้ามีโอกาสก็หาซื้อมือถือดีๆให้ผู้ใหญ่ในบ้านของเราใช้กันสักเครื่องสองเครื่อง เรื่องเล็กๆแค่นี้ผมเชื่อว่าทำได้ทุกคนแน่นอน