แนะนำ 10 ปากกาเขียนโทรศัพท์ (Stylus) วางมือได้เขียนลื่นยี่ห้อไหนดี สำหรับ Android, iOS ในปี 2021
อุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน Smart Phone หรือว่าแท็ปเล็ต นอกจากจะมีเคสหรือขาตั้งต่างๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับการใช้งานก็คือ “ปากกาเขียนโทรศัพท์” หรือปากกา Stylus ที่เอาไว้ช่วยในการจดบันทึก, วาดรูป, แก้ไขงาน, ออกแบบ หรืออะไรก็ตามที่จำเป็นต้องขีดเขียนลงไปบนหน้าจอ และการใช้นิ้วเพียงอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะเหมาะเสมอไป ถ้าได้ตัวช่วยเป็นรูปแบบของปากกา ที่เหมือนกับเราเขียนลงบนหน้ากระดาษก็จะเหมาะกับการใช้งานมากกว่า โดยส่วนใหญ่แล้วการใช้งานปากกา Stylus นั้นก็มักจะใช้ร่วมกับแท็ปเล็ตเป็นหลัก แต่สำหรับมือถือสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอใหญ่ หรือว่าใครที่ต้องการจดบันทึกต่างๆ ลงบนมือถือ ก็สามารถใช้งานปากกา Stylus ได้ด้วยเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนนั้นจะเอาไปใช้งานในรูปแบบไหน วันนี้ทาง Specphone ก็เลยจะมาแนะนำ 10 ปากกาเขียนโทรศัพท์ (Stylus) ที่วางมือได้ เขียนลงหน้าจอได้แบบลื่นๆ ยี่ห้อไหนดีสำหรับ Android, iOS ในปี 2021 นี้กันว่ามีตัวไหนน่าสนใจบ้าง
10 ปากกาเขียนโทรศัพท์ (Stylus) วางมือได้เขียนลื่นยี่ห้อไหนดี สำหรับ Android, iOS
สำหรับปากกาเขียนโทรศัพท์ หรือว่าเขียนแท็ปเล็ตที่เราจะเอามาแนะนำกันทั้ง 10 รุ่นนี้ จะมีทั้งที่เป็นของ Official หรือว่าสินค้าจากแบรนด์หลักๆ อย่าง Apple, Microsoft และของเทียบยี่ห้ออื่นๆ ที่มีราคาตั้งแต่หลักร้อย จนไปถึงราคาหลักพันกันเลย ซึ่งแต่ละรูปแบบนั้นก็จะมีการใช้งานและฟีเจอร์ต่างๆ รวมไปถึงรูปแบบของหัวปากกาที่ต่างกันออกไปตามรูปแบบของแต่ละยี่ห้อด้วย ควรอ่านรายละเอียดว่าสามารถใช้กับโทรศัพท์ของเราได้หรือไม่ เพราะว่าบางรุ่นก็ไม่สามารถรองรับการใช้งานปากกา หรือมีหน้าจอที่ออกแบบบมาสำหรับใช้นิ้ว และไม่ทนต่อการใช้แรงกดได้
ที่สำคัญก็คือการใช้งานปากกา Stylus ที่บางรุ่นนั้นเป็นรูปแบบเฉพาะของแบรนด์แต่ละแบรนด์อยู่แล้ว ก็อาจจะใช้งานข้ามแบรนด์กันไม่ได้ อันนี้ควรอ่านรายละเอียดก่อนการซื้อมาใช้งานทุกครั้งด้วย แนะนำว่าให้ลองเลือกดูอันที่มีหัวเป็นยาง หรือว่าที่สามารถใช้ร่วมกันได้หลายยี่ห้อแทน ส่วนเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันอีกเรื่อง ก็คือเรื่องของแบตเตอรี่ ที่บางรุ่นนั้นจะสามารถซื้อใหม่มาเปลี่ยนได้เมื่อแบตหมด กับแบบที่เป็นแบตในตัวสามารถชาร์จด้วยสาย USB ได้เลย ทั้งสองแบบนี้นอกจากจะแตกต่างกันเรื่องรูปแบบของแบตแล้ว ก็ยังมีความแตกต่างในเรื่องของอายุการใช้งาน ที่แบบชาร์จในตัวอาจมีการแบตเสื่อมได้ด้วยเหมือนกัน อันนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความสะดวกในการใช้งานเลย ส่วนปากกาเขียนโทรศัพท์ทั้ง 10 รุ่นจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
1. Fonken 2 in 1: ราคาประมาณ 250-300 บาท
เริ่มต้นกันด้วยปากกาเขียนโทรศัพท์ (Stylus) ตัวแรกกันเลยกับปากกาของ Fonken ที่มีรุ่นตั้งแต่ราคาหลักสิบจนถึงหลักร้อย ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะฟีเจอร์การใช้งานแบบไหน อยากได้แบบที่มีแบตหรือว่าแบบไม่จำเป็นต้องใช้แบตก็ได้ โดยรูปแบบของรุ่น 2 in 1 ที่เรานำมาแนะนำนี้จะเป็นรุ่นที่มีแบตในตัว เมื่อชาร์จแบตเต็มแล้ว (หัว Micro USB) สามารถใช้งานได้ประมาณ 8-10 ชั่วโมงเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ได้ด้วยการกดปุ่มที่ตัวปากกา ตัวปากกานั้นจะเป็นอลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบา ส่วนหัวปากกาจะเป็นทองแดง ใช้การสัมผัสแบบ Capacitive ที่เคลือบฟิล์มป้องกันหน้าจอเอาไว้ให้แล้ว ไม่ต้องกังวงว่าจะทำให้หน้าจอเป็นรอย ส่วนปลายปากกาจะเป็นหัวถักที่สามารถขีดเขียนได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออะไรทั้งสิ้น ปากกาตัวนี้จะเหมาะกับการใช้งานได้หลายแบบ ทั้งการอ่านหนังสือ หรือว่างานออกแบบที่ต้องใช้การตัดเส้นแบบละเอียดๆ และใช้ได้ทั้งบนระบบ Android หรือ iOS เลยด้วย หาซื้อได้ที่ Lazada
2. Adonit Pro 3: ราคา 774-1,290 บาท
ปากกา Stylus ยี่ห้อต่อมานี้เป็นตัวที่ได้รับความนิยมอยู่หลายรุ่นเหมือนกัน ถึงแม้ว่าแต่ละรุ่นจะมีราคาที่ค่อนข้างแรงนิดหน่อย แต่ด้วยการใช้งานที่แม่นยำ และสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องใช้แบตใดๆ ทั้งสิ้น จึงทำให้ปากกาตัวนี้น่าสนใจมากๆ โดยหัวปากกาของรุ่นนี้จะเป็นแบบ Precision Disc หรือแบบจานใส กับข้อต่อที่เป็นแม่เหล็กแข็งแรง ที่เหมาะกับการใช้งานแบบละเอียด ใช้ความแม่นยำสูง หรือว่าจะใช้ตัดเส้นออกแบบงานก็ทำได้สบายๆ แถมยังลดรอบขีดข่วนบนหน้าจออีกด้วย ส่วนตัวด้ามและคลิปหนีบจะเป็นอลูมิเนียมน้ำหนักเบา และออกแบบมาเพื่อให้จับได้ถนัดมือไม่ลื่นไหล ที่สำคัญเลยก็คือการใช้งานที่รองรับกับหน้าจอที่เป็น Touch Screen ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น iOS หรือ Android มือถือหรือแท็ปเล็ตก็ใช้ได้เหมือนกันไม่มีปัญหา แต่รุ่นนี้จะยังไม่สามารถวางมือเขียนได้ ซื้อได้ที่ Shopee
3. Lamy AL-Star Black EMR: ราคาประมาณ 1,850-3,000 บาท
ปากกาเขียนโทรศัพท์แบบที่ไม่ต้องแบตเตอรี่อีกหนึ่งรุ่น ที่ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว โดยปากกานี้ได้ออกแบบและผลิตจากประเทศเยอรมัน และมีเทคโนโลยี EMR จาก Wacom จึงไม่จำเป็นต้องใช้แบต จะเน้นไปที่ความรู้สึกที่สมจริง เหมือนกับว่าเรากำลังใช้ปากกาวาดเขียนลงไปบนกระดาษจริงๆ เลย รวมไปถึงรูปแบบการดีไซน์ด้ามปากกาที่ดูจากภายนอก ก็ต้องบอกได้เลยว่าเหมือนปากกาจริงๆ มาก และยังมีระบบป้องกันการสัมผัสของมือระหว่างการเขียนอีกด้วย ส่วนอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นทางฝั่งของ Android มากกว่า และยังมีหัวมาให้เลือกใช้งานถึง 2 แบบคือ Smooth Surface เป็นหัวแหลมใช้กับฟิล์มแบบมัน กับอีกหัวคือ Matt Surface เป็นหัวมนเอาไว้ใช้งานกับฟิล์มด้านนั่นเอง เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกการใช้งานจริงๆ ซื้อได้ที่ Shopee
4. GOOJODOQ: ราคาประมาณ 350-800 บาท
ปากกา Stylus ยี่ห้อ GOOJODOQ ที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ โดยจะมีรุ่นที่ทำออกมาอยู่หลายรุ่น ส่วนใหญ่แล้วจะไปฮิตกันที่รุ่น Gen 10-15 เนื่องจากเป็นปากกาที่เน้นเอาไว้ใช้งานกับ iPad โดยเฉพาะ แต่ว่าในรุ่น Gen เก่าๆ นั้นจะสามารถเปลี่ยนสลับระหว่างการใช้งานบน iOS หรือว่า Android ได้ด้วยเหมือนกัน และด้วยราคาที่ไม่แพงมาก แต่ได้คุณภาพที่ดีสามารถเขียนได้ลื่นๆ แถมในบางรุ่นยังสามารถวางมือเขียนลงไปได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะเขียนไม่ติด และเขียนแรเงาได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ปากกาของ GOOJODOQ นั้นเป็นที่สนใจของใครหลายคนตามไปด้วย ส่วนเรื่องของแบตนั้น จะมีแบตในตัวอยู่เกือบทุกรุ่น แต่ว่าการเชื่อมต่อหรือหัวชาร์จนั้นจะต่างกันออกไป ใครที่สนใจปากกา Stylus ราคาไม่แพงมาก แต่ใช้งานได้หลากหลาย ก็ลองเข้าไปเลือกดูกันได้เลย ว่าต้องการใช้งานกับระบบไหน และต้องการใช้งานกับอุปกรณ์อะไร หาซื้อได้ที่ Shopee, Lazada
5. UGREEN 80135/50678: ราคาประมาณ 950-1,050 บาท
ปากกา Stylus ยี่ห้อ UGREEN ที่จะบอกว่าเป็นปากกาเขียนโทรศัพท์ก็ไม่เชิง แต่เอาไว้ให้ใช้งานกับ iPad เป็นหลักมากกว่า โดยจะรองรับตั้งแต่ iPad mini 5 จนถึง iPad Pro 4 กันเลย ตัวปากกาจะใช้เป็นวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยที่มีความเบา กับสีสันที่ดูเรียบหรูคล้ายกับ iPad ที่มีสีด้านเหมือนกันเลย และยังมีแบตเตอรี่ในตัวอีกด้วย เพียงชาร์จให้เต็มในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยพอร์ตแบบ USB-C ก็สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 12-18 ชั่วโมง เนื่องจากมีไมโครโปรเซสเซอร์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน หากว่าเราวางทิ้งเอาไว้โดยที่ไม่ได้ใช้งาน 5 นาที ตัวปากกาก็จะปิดให้เองอัตโนมัติ จะใช้งานใหม่ก็กดปุ่มเปิดขึ้นมาแค่นั้นเอง ที่สำคัญคือสามารถวางมือเขียนได้เลยแบบลื่น ไม่ต้องกลัวว่าจะเขียนไม่ติด เหมาะสำหรับงานจดบันทึกหรือวาดเขียนก็ได้ทั้งหมด ซื้อได้ที่ Shopee
6. Ankndo Universal 2 In 1: ราคาประมาณ 50-200 บาท
ปากกาเขียนโทรศัพท์ยี่ห้อต่อมานี้ ก็ค่อนข้างได้รับความนิยมเหมือนกัน เนื่องจากมีราคาที่ถูกมากๆ แต่ว่าสามารถใช้งานได้ทั้งระบบ Android และ iOS เลย เรียกได้ว่าอะไรที่เป็นหน้าจอ Touch Screen ก็คือใช้งานได้หมดเลย เนื่องจากเป็นปากกา Stylus ที่ไม่ต้องใช้แบตและไม่ต้องเชื่อมต่อเพื่อใช้งาน เพียงแค่ถอดปลอกออกมาก็ใช้งานได้ทันที แถมยังมาในรูปแบบของ 2 in 1 ที่มีหัวเป็นแบบ Silicone Disc หมุนได้ 360 องศา ใช้งานได้โดยที่ไม่ทำให้หน้าจอเป็นรอยขีดข่วน เหมาะสำหรับการวาดเขียน หรือว่าการออกแบบที่ต้องใช้ความละเอียดสูง ส่วนด้านปลายจะเป็นแบบยาง ที่เอาไว้ระบายสีบนหน้าจอ หรือว่าการอ่านหนังสือก็ได้ ตรงด้ามจับจะเป็นสิลิโคนกันลื่น ทำให้จับได้ถนัดไม่หลุดมือได้ง่ายๆ นั่นเอง ส่วนการวางมือต้องใช้ถุงมือ Anti-Mistouch ซื้อได้ที่ Shopee
7. YX Multi-function 2 in 1: ราคา 90-300 บาท
อีกหนึ่งปากกาเขียนโทรศัพท์ราคาประหยัด ที่มีฟังก์ชันแบบ 2 in 1 ที่ไม่ได้เป็นแบบ Touch ได้ทั้งสองด้าน แต่เป็นแบบหัว Silicone Disc ที่สามารถขีดเขียนบนหน้าจอ Touch Screen ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นของ Android หรือ iOS ก็ตาม ส่วนอีกหนึ่งด้านจะเป็นปากกาหมึก ที่เอาไว้เขียนบนหน้ากระดาษได้จริงๆ (อย่าใช้สลับกันนะ) เหมาะสำหรับการทำงานในออฟฟิศ ที่จำเป็นต้องใช้ทั้งการจดหรือเขียนบนกระดาษ และใช้ร่วมไปกับมือถือหรือแท็ปเล็ตไปด้วย และยังมีปลอกป้องกันการกระแทก เอาไว้เก็บหลังใช้งานเสร็จทั้งสองด้านอีกด้วย วัสดุของด้ามจะใช้เป็นทองแดงที่มีน้ำหนักเพียง 26 กรัมเท่านั้น ถือขีดเขียนได้ยาวนานไม่เมื่อยมือ แต่ตัวนี้จะไม่สามารถวางมือบนหน้าจอได้นะ ซื้อได้ที่ Shopee, Lazada
8. Joyroom JR-K12: ราคา 700-1,500 บาท
ปากกา Stylus ยี่ห้อต่อมานี้เป็นของ Joyroom ซึ่งความจริงแล้วยังมีรุ่นที่ไม่ต้องใช้แบตอยู่ด้วยในรุ่น JR-BP560 แต่ว่ารุ่นนี้จะดีขึ้นมาหน่อย ตรงที่สามารถใช้งานได้ทั้งกับ iPad หรือว่าใช้ร่วมกับ Smart Phone ที่มี Touch Screen ได้ทุกรุ่นเลย การดีไซน์ส่วนหัวของตัวนี้จะทำออกมาคล้ายกับ Apple Pencil จึงไม่ทำให้หน้าจอเป็นรอยเมื่อใช้งานวาด หรือขีดเขียนอะไรก็ตาม เหมาะสำหรับการจดบันทึก วาดภาพ หรือออกแบบได้เหมือนจับปากกาจริงๆ เลย โดยในโหมดของ iPad นั้นสามารถใช้งานแบบวางมือลงไปได้ด้วย (ต้องเป็นรุ่นที่รองรับ Apple Pencil ด้วยนะ) ส่วนอีกโหมดคือ Common ที่สามารถใช้งานร่วมกับมือถือสมาร์ทโฟน หรือว่า iPad ตัวเก่าๆ ที่ไม่ได้รองรับ Apple Pencil ได้เหมือนกัน ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อจะเป็น USB-C ชาร์จได้เร็วกว่าปกติด้วย ซื้อได้ที่ Shopee, Lazada
9. BASEUS Smooth writing capacitive Stylus: ราคา 700-820 บาท
ปากกา Stylus ของ BASEUS ที่เรียกได้ว่าครอบคลุมการใช้งานมากที่สุดรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าในรุ่นอื่นๆ นั้นจะทำออกมาเพื่อใช้งานสำหรับ iPad โดยเฉพาะ แต่ว่ารุ่นนี้นั้นสามารถใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น iPad หรือแท็บเล็ตและโทรศัพท์ระบบ iOS, Android ก็สามารถเปลี่ยนฟีเจอร์เพื่อใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมด การออกแบบนั้นจะมีการออกแบบที่คล้ายกับ Apple Pencil เช่นกัน สามารถแปะกับแม่เหล็กของ iPad ได้ และก็สามารถเปลี่ยนหัวได้ด้วย โดย BASEUS รุ่นนี้จะมีรุ่นแยกย่อยอีก 3 รุ่นคือรุ่นที่ไม่มี Tilt Sensor, รุ่นที่มี Tilt Sensor และรุ่น Tilt Sensor + Passive ที่ตรงปลายจะเป็นสายถักเอาไว้ใช้งานได้ด้วย ที่สำคัญก็คือตัวนี้วางมือใช้งานได้เลยไม่มีปัญหา และสามารถใช้งานได้ยาวๆ ต่อเนื่อง 8-9 ชั่วโมง ซื้อได้ที่ Shopee
10. Active Stylus Pencil 2: ราคา 490 บาท
ปิดท้ายกันด้วยปากกาเขียนโทรศัพท์ที่สามารถใช้งานได้ทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ตหรือว่ามือถือ iOS, Android ก็สามารถใช้งานได้ โดยรุ่นนี้จะมีหัวมาให้ใช้งาน 2 แบบคือแบบที่มีพลาสติกรองรับที่ส่วนหัว ซึ่งแบบนี้จะเหมาะกับการงานบนระบบ iOS หรือแท็บเล็ตมากกว่ามือถือ ส่วนอีกแบบคือการถอดพลาสติกที่หัวออกมา และใช้งานเป็นส่วนทองแดงเคลือบฟิล์มเอาไว้ แบบนี้จะมีความแม่นยำ และสามารถใช้งานได้กับมือถือ Android ทุกรุ่น ปากการุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่มีแบตในตัว สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 12 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และสามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วเมื่อกดเปิดเครื่อง โดยรวมแล้วเป็นปากกา Stylus อีกหนึ่งรุ่นที่น่าใช้งานและใช้งานได้ดีไม่แพ้รุ่นอื่นๆ เลย ซื้อได้ที่ Lazada
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลของปากกาเขียนโทรศัพท์ทั้ง 10 ยี่ห้อที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ ถ้าดูจากร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee หรือ Lazada นั้นความจริงแล้วก็ยังมีปากกา Stylus อีกหลายแบบหลายรุ่นมากๆ บางอันก็ไม่มียี่ห้ออะไรเลย แต่ก็มีราคาถูกและสามารถใช้งานได้ดีไม่แพ้รุ่นใหญ่ๆ เลย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปากกาแบบหัว Disc พร้อมกับปลายแท่งที่เป็นสายถักหรือยาง เพื่อให้สามารถใช้งานได้ครอบคลุมและคุ้มค่ามากกว่า แต่รูปแบบนี้ก็จะไม่สามารถวางมือเพื่อใช้งานได้ จึงไม่เหมาะกับการใช้งานออกแบบหรือต้องวาดรูปนานๆ จะเหมาะกับการจดบันทึกเร่งด่วน หรือว่าการเซ็นชื่อมากกว่า ถ้าอยากได้แบบวาดรูปและออกแบบด้วย ก็ควรใช้แบบที่วางมือได้ จะได้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งานไปด้วย แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ