Xiaomi กำลังเตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนตระกูล T รุ่นใหม่อย่าง Xiaomi 15T Pro จากข้อมูลล่าสุดที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงาน กสทช. ของไทยเราเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมระบุหมายเลขรุ่นนี้ออกมาด้วย คือหมายเลข 2506BPN68G โดยตัวอักษร “G” ท้ายรหัสมักหมายถึงรุ่นที่เตรียมวางขายในตลาดโลก จึงมีแนวโน้มว่า Xiaomi 15T Pro จะวางจำหน่ายในตลาด Global เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้าใน T Series ที่ผ่านมาด้วย
รายละเอียดสเปค Xiaomi 15T Pro

สำหรับรุ่นใหม่นี้จะเป็นรุ่นต่อยอดมาจาก Xiaomi 14T และ 14T Pro ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งรุ่นล่าสุดที่จะเปิดตัวอย่าง Xiaomi 15T Pro ได้เผยรหัสรุ่นบน กสทช. หมายเลข 2506BPN68G นอกจากนี้หมายเลขรุ่นเดียวกันนี้ยังปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลการทดสอบประสิทธิภาพของ Geekbench เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
โดยอุปกรณ์ที่คาดว่าเป็น Xiaomi 15T Pro ตัวนี้สามารถทำคะแนนแบบ single-core ได้ 1,057 คะแนน และแบบ multi-core ได้ 4,009 คะแนน บน Geekbench เวอร์ชัน 6.4.0 สำหรับ Android โดยตัวคะแนนจากการทดสอบเบื้องต้นแบบนี้ ยังไม่สามารถบอกได้เต็มๆ ว่าสเปคที่ออกมาจะมีความเร็วแค่นี้ หรือว่าประสิทธิภาพที่แท้จริงของรุ่นนี้ตอนวางจำหน่ายจะมีคะแนนเร็วแรงแค่ไหน
ข้อมูลจาก Geekbench ยังยืนยันด้วยว่า Xiaomi 15T Pro จะใช้ชิปเซ็ตจาก MediaTek ซึ่งตรงกับข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ว่า Xiaomi 15T Pro จะพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของ Redmi K80 Ultra ซึ่งเปิดตัวในประเทศจีนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยรุ่นนั้นใช้ชิป Dimensity 9400+ รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งนี้รุ่นใหม่ๆ ของ T Series มักไม่ได้รีแบรนด์ตรงตัว 100% ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีพื้นฐานสเปคที่คล้ายๆ กัน แต่ก็จะมีความต่างอย่างอื่นอยู่ด้วย โดยเฉพาะในส่วนของกล้อง และแบตเตอรี่
โดยแบตเตอรี่ Xiaomi 15T Pro คาดว่าจะลดความจุลงจากแบตเตอรี่ขนาด 7,410mAh ของ Redmi K80 Ultra เหลือ 5,500mAh แต่จะรองรับระบบชาร์จไวสูงสุดที่ 90W ผ่านสาย USB-C ก็ถือว่ายังมีความจุที่เยอะอยู่ดี สามารถใช้งานได้ยาวนานระดับเรือธงได้เลย

นอกจากนี้ Xiaomi 15T Pro ยังได้รับการรับรองจากหน่วยงาน FCC ของสหรัฐฯ ด้วย โดยเปิดเผยว่าอุปกรณ์รุ่นนี้จะวางจำหน่ายในสามตัวเลือกความจุ ได้แก่ 256GB, 512GB และสูงสุดที่ 1TB โดยทุกรุ่นจะมาพร้อม RAM ขนาด 12GB เหมือนกันหมด
หากดูจากข้อมูลทั้งหมดที่เปิดเผยในตอนนี้ Xiaomi 15T Pro น่าจะเปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกับ Xiaomi 14T และ 14T Pro ที่เคยเปิดตัวเมื่อปลายเดือนกันยายนของปีที่ผ่านมา และจะเป็นหนึ่งในรุ่นเรือธงความคุ้มค่าที่น่าจับตามองในครึ่งหลังของปี 2025 อย่างแน่นอน