เปิดตัว Redmi Note 14 SE 5G มือถือรุ่นระดับกลางในประเทศอินเดีย โดยรุ่นนี้มาพร้อมสเปคที่เหมือนกับ Redmi Note 14 5G ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในประเทศไทยเราเองก็นำเข้ามาขายในช่วงต้นปีที่ผ่านมาแล้วด้วย แต่รุ่นใหม่นี้เพิ่มสีใหม่ Crimson Art เข้ามาเพิ่ม พร้อมคุณสมบัติฟีเจอร์แบบครบๆ ในราคาที่เข้าถึงได้ ส่วนจะเข้าไทยหรือไม่ก็ต้องมารอลุ้นกัน
เปิดตัว Redmi Note 14 SE 5G

สำหรับ Redmi Note 14 SE 5G รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080×2400 พิกเซล) รองรับอัตรารีเฟรชเรทที่ปรับได้สามระดับคือ 60Hz, 90Hz และสูงสุด 120Hz เพื่อความลื่นไหลและประหยัดพลังงานตามการใช้งาน หน้าจอมีอัตราการตอบสนองสัมผัสที่ 2160Hz ทำความสว่างได้สูงสุดถึง 2100 นิต และแสดงสีแบบ 10-bit ให้สีสันที่คมชัดสมจริง นอกจากนี้ยังป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและการตกกระแทก

ด้านประสิทธิภาพ Redmi Note 14 SE 5G ขับเคลื่อนด้วยชิป Dimensity 7025 Ultra เทคโนโลยี 6nm มาพร้อม CPU แบบ octa-core (2 x 2.5GHz Cortex-A78 + 6 x 2GHz Cortex-A55) และ GPU IMG BXM-8-256 ใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมได้หมด มาพร้อมกับแรม 6GB แบบ LPDDR4X และความจุ 128GB แบบ UFS 2.2 สามารถเพิ่มพื้นได้ด้วย microSD Card รันบนระบบ HyperOS พื้นฐาน Android 15
รองรับ 5G , 4G VoLTE สามารถใส่ได้สองซิม และการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11ac ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz, Bluetooth 5.3, GPS, GLONASS และพอร์ต USB C โดยมีแบตเตอรี่มีความจุ 5110mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W

สำหรับกล้อง Redmi Note 14 SE 5G รุ่นนี้มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 50MP (f/1.5) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony LYT-600 ขนาด 1/1.95″ ถ่ายภาพได้คมชัดแม้ในสภาพแสงน้อย กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP (f/2.2) และกล้องมาโคร 2MP (f/2.4) ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 20MP สำหรับการถ่ายเซลฟี่และวิดีโอคอลได้คมชัด
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, เซ็นเซอร์อินฟราเรด, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม., ลำโพงสเตอริโอที่รองรับ Dolby Atmos และได้รับการรับรอง Hi-Res Audio รวมถึงการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP64 น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 190 กรัม ขนาด 162.4×75.7×7.99 มม. ทำให้พกพาสะดวกและจับถนัดมือ

ราคาและการวางจำหน่าย
Redmi Note 14 SE 5G มีราคาอยู่ที่ 14,999 รูปี (ประมาณ 5,600 บาท) สำหรับรุ่น RAM 6GB/ 128GB และจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมเป็นต้นไป ผ่านช่องทาง Flipkart, เว็บไซต์ mi.com และร้านค้าทั่วไปในอินเดีย ส่วนในบ้านเราก็ต้องรอลุ้นกันหน่อยว่าจะนำเข้ามาขายด้วยหรือไม่หลังจากนี้\
ที่มา: gizmochina