เปิดตัว Redmi Note 15 Series ใหม่ล่าสุดในประเทศจีน โดยมีสองรุ่นในซีรีส์ที่เปิดตัวออกมาก็คือ Redmi Note 15 Pro และ Redmi Note 15 Pro+ ทั้งสองรุ่นนี้เป็นมือถือที่อยู่ในระดับกลางไปถึงสูง สเปคและฟีเจอร์ครบ มีความทนทานสูง และแบตเตอรี่อึดที่สุดในซีรีส์ Note เท่าที่เคยมีมา ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพ และการถ่ายภาพ ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ก็มีสเปคที่เหมือนและต่างกันอยู่เล็กน้อย ในราคาเปิดตัวเริ่มต้นมาไม่เกินหมื่น มีรายละเอียดของแต่ละรุ่นดังนี้
สเปคเปิดตัว Redmi Note 15 Pro/ Redmi Note 15 Pro+


สำหรับดีไซน์ของ Redmi Note 15 Pro และ Note 15 Pro+ จะเป็นขอบแบน โมดูลกล้องหลังเป็นสีเหลี่ยมเหมือนกัน แต่จะต่างกันที่รุ่น Pro+ จะมีขอบโค้งนูนขึ้นมาเล็กน้อยทั้งฝาหลังและหน้าจอ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.83 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2772 × 1280 พิกเซล) รองรับอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และมีความสว่างสูงสุดถึง 3200 นิต รองรับ HDR10+, HDR Vivid, Dolby Vision และยังมีเทคโนโลยี PWM dimming ความถี่สูง 3840Hz กับอัตราการตอบสนองสัมผัส 480Hz และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2560Hz ในการเล่นเกมในบางเกมอีกด้วย

ด้านประสิทธิภาพ Redmi Note 15 Pro ใช้ชิป MediaTek Dimensity 7400 Ultra (4nm) มีความเร็วสูงสุด 2.6GHz พร้อม GPU Mali-G615 MC2 ส่วนรุ่น Redmi Note 15 Pro+ มาพร้อมชิป Snapdragon 7s Gen 4 คู่กับ GPU Adreno 810 และถือว่าเป็นครั้งแรกที่มือถือในตระกูล Note ใช้ชิปจาก Qualcomm รุ่นนี้อีกด้วย

นอกจากนี้รุ่น Redmi Note 15 Pro+ ยังมีระบบระบายความร้อน Ice-Sealed Circulating Cooling Pump และพื้นที่กราไฟต์ขนาดใหญ่ จัดการความร้อนได้ดีขึ้นในระหว่างการเล่นเกมหนักๆ ทั้งสองรุ่นทำงานบนระบบ HyperOS 2 พื้นฐานของ Android 15 พร้อมฟีเจอร์ AI และ Wet Touch 2.0 ใช้งานได้แม้หน้าจอเปียกน้ำ
ด้านการถ่ายภาพ Redmi Note 15 Pro มาพร้อมกล้องหลังสามตัว ได้แก่ กล้องหลักความละเอียด 50MP (f/1.5) เซ็นเซอร์ Sony LYT-600 ที่มีกันสั่น OIS กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP และกล้องมาโคร 2MP ส่วนกล้องหน้ามี 20MP รองรับการถ่ายภาพพอร์เทรตและอื่นๆ ได้สวยงาม

ส่วนรุ่น Redmi Note 15 Pro+ อัปเกรดด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP ใช้เซ็นเซอร์ Light Fusion 800 และมีกันสั่น OIS กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP และกล้องเทเลโฟโต้ 50MP ซูม 2.5 เท่า พร้อมกล้องหน้า 32MP ทั้งสองรุ่นรองรับการถ่ายวิดีโอได้ 4K และมีฟีเจอร์ AI เช่น Magic Eraser และ AI Portrait เพื่อการถ่ายภาพและแต่งภาพได้แบบครบเครื่อง
จุดเด่นของทั้งสองรุ่นนี้ก็คือแบตเตอรี่ ที่ทั้งสองรุ่นใช้แบตเตอรี่ความจุ 7000mAh ใหญ่ที่สุดในตระกูล Note เท่าที่ทำออกมาแล้วในตอนนี้ ถถึงแม้ว่าทั้งสองรุ่นจะมีแบตเท่ากัน แต่การชาร์จเร็วก็ต่างกันเยอะ เพราะว่า Note 15 Pro รองรับชาร์จเร็ว 45W ส่วน Note 15 Pro+ รองรับชาร์จเร็วได้ถึง 90W แต่ทั้งคู่สามารถชาร์จย้อนกลับแบบมีสายได้ที่ 22.5W ทำให้สามารถชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ ได้

ด้านความทนทาน Redmi Note 15 Pro และ Note 15 Pro+ มาพร้อมกระจก Xiaomi Dragon Crystal Glass ที่ด้านหน้าและแผงหลังไฟเบอร์กลาสที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ผ่านการทดสอบการตกจากความสูง 2 เมตร และสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ที่ระดับ IP66, IP68, IP69 และ IP69K ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดสำหรับการกันน้ำและฝุ่นแล้ว รวมถึงการรับรองคุณภาพจาก TÜV SÜD อีกด้วย และที่พิเศษก็คือรุ่น Redmi Note 15 Pro+ มีรุ่น Satellite Messaging Edition ที่รองรับการส่งข้อความผ่านดาวเทียม Beidou สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณได้ด้วย
ทั้งสองรุ่นรองรับ 5G SA/NSA, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC และ GPS โดยรุ่น Redmi Note 15 Pro+ มีชิป Pascal T1S ที่เพิ่มความเร็ว Wi-Fi และ Bluetooth สูงสุด 26% รวมถึงยกระดับความแม่นยำของ GPS ระบบเสียงใช้ลำโพงคู่สเตอริโอที่ให้เสียงดังถึง 400% รองรับ Dolby Atmos และ Hi-Res Audio ครบ
สรุปสเปค Redmi Note 15 Pro และ Redmi Note 15 Pro+
สเปค\ รุ่น | Redmi Note 15 Pro | Redmi Note 15 Pro+ |
ขนาดและน้ำหนัก | 163.61 × 78.09 × 7.78 มม. 210.6 กรัม | 163.34 × 78.31 × 7.91 มม. | 8.08 มม. รุ่นสีขาว 211.2 กรัม |
หน้าจอ | AMOLED 6.83 นิ้ว 1.5K (2772 × 1280) 120Hz / สว่างสูงสุดถึง 3200nits | AMOLED 6.83 นิ้ว 1.5K (2772 × 1280) 120Hz / สว่างสูงสุดถึง 3200nits |
ชิปประมวลผล | Dimensity 7400 Ultra | Snapdragon 7s Gen 4 |
GPU | Mali-G615 MC2 | Adreno 810 |
RAM | 8GB / 12GB (LPDDR4X) | 8GB / 12GB / 16GB (LPDDR4X) |
ROM | 256GB / 512GB (UFS 2.2) | 256GB / 512GB (UFS 2.2) |
กล้องหลัง | หลัก: 50MP (Sony LYT-600) อัลตร้าไวด์: 8MP (Sony IMX355) มาโคร: 2MP | หลัก: 50MP (Light Fusion 800) อัลตร้าไวด์: 8MP (Sony IMX355) เทเลโฟโต้: 50MP (Samsung S5KJN1) |
กล้องหน้า | 20MP | 32MP |
การเชื่อมต่อ | 5G, Wi-Fi (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.4, GPS, USB Type-C, NFC | 5G, Wi-Fi (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5.4, GPS, USB Type-C, NFC | Satellite Messaging |
กันน้ำกันฝุ่น | IP66/ IP68/ IP69/ IP69K | IP66/ IP68/ IP69/ IP69K |
ระบบปฏิบัติการ | Xiaomi Hyper OS 2 (Android 15) | Xiaomi Hyper OS 2 (Android 15) |
แบตเตอรี่ / ชาร์จไว | 7000mAh/ 45W | 7000mAh/ 90W |
ราคาและการวางจำหน่าย

สำหรับ Redmi Note 15 Pro และรุ่น เปิดตัวที่ประเทศจีนก่อนเป็นที่แรก และเริ่มวางขายเลยตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป โดยมีราคาของแต่ละรุ่นดังนี้
- Redmi Note 15 Pro: มีสีให้เลือก 4 สีคือ สีดำ Midnight Black, สีขาว Cedar White, สีฟ้า Sky blue และสีม่วง Cloud Purple
- รุ่น RAM 8GB/ 256GB: 1499 หยวน หรือประมาณ 6,900 บาท
- รุ่น RAM 12GB/ 256GB: 1699 หยวน หรือประมาณ 7,800 บาท
- รุ่น RAM 12GB/ 512GB: 1899 หยวน หรือประมาณ 8,700 บาท
- Redmi Note 15 Pro+: มีสีให้เลือก 4 สีคือ สีดำ Midnight Black, สีขาว Cedar White, สีฟ้า Sky blue และสีม่วง Smoky Purple
- รุ่น RAM 12GB/ 256GB: 1999 หยวน หรือประมาณ 9,100 บาท
- รุ่น RAM 12GB/ 512GB: 2199 หยวน หรือประมาณ 10,000 บาท
- รุ่น RAM 16GB/ 512GB: 2399 หยวน หรือประมาณ 11,000 บาท
- รุ่น Satellite Messaging Edition RAM 16GB/ 512GB: 2499 หยวน หรือประมาณ 11,400 บาท
ที่มา: gizmochina
ส่วนรุ่นที่วางขายอยู่ล่าสุดในประเทศไทยจะมีทั้งหมด 4 รุ่นที่เป็น Redmi Note 14 Series ได้แก่