ในที่สุด Qualcomm ก็ได้ประกาศเปิดตัวชิปเซ็ตเรือธงรุ่นล่าสุด สำหรับสมาร์ทโฟน Android นั่นก็คือ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ซึ่งถือเป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญทั้งในด้านประสิทธิภาพ, การประหยัดพลังงาน และความสามารถในด้าน AI ที่จะเข้ามาเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานของมือถือรุ่นใหม่ๆ ในยุคถัดไป โดยรุ่นแรกที่จะประเดิมก่อนใครก็คือ Xiaomi ที่ได้ยืนยันแล้วว่าจะเป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำชิปรุ่นนี้ไปใช้ในรุ่นเรือธงอย่าง Xiaomi 17 Series
เปิดตัวชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5

หลายคนอาจสงสัยกับการที่ Qualcomm ข้ามจาก “Snapdragon 8 Elite” ของปีที่แล้ว มาเป็น “Gen 5” ในปีนี้ ซึ่งทางบริษัทได้อธิบายว่าชื่อ “Gen 5” คือการเป็นชิปเซ็ตเรือธงในตระกูล 8-series รุ่นที่ 5 นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนระบบการตั้งชื่อเป็นเลขหลักเดียว (เริ่มจาก Snapdragon 8 Gen 1 ในปี 2021) การกลับมาใช้ชื่อ Gen อีกครั้งจึงเป็นการจัดระเบียบไลน์อัป และทำให้เข้าใจชื่อได้ง่ายขึ้นด้วย

ตัวหลักของ Snapdragon 8 Elite Gen 5 คือ CPU Oryon เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ Qualcomm พัฒนาขึ้นเอง โดยในรุ่นนี้มาพร้อมโครงสร้างแบบใหม่ที่ประกอบด้วย 2 Prime cores ความเร็วสูงสุด 4.6GHz และ 6 Performance cores ความเร็วสูงสุด 3.62GHz ทั้งหมดนี้ผลิตบนสถาปัตยกรรม 3 นาโนเมตร ทำให้มีประสิทธิภาพ CPU สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 20% แต่ในขณะเดียวกันก็ประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 35% เลยทีเดียว
ในด้านกราฟิกมาพร้อมกับ GPU Adreno GPU เจเนอเรชันใหม่ ที่ทรงพลังขึ้น 23% และใช้พลังงานน้อยลง 20% นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม Adreno High Performance Memory (HPM) ซึ่งเป็นแคชหน่วยความจำเฉพาะขนาด 18MB ที่ช่วยเพิ่มแบนด์วิดท์ และลดความหน่วงในการดึงข้อมูล ทำให้การเล่นเกมได้ไวยิ่งขึ้น และประหยัดพลังงานโดยรวมได้อีก 10%
AI และการถ่ายวิดีโอระดับโปร

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในชิปรุ่นนี้คือการยกระดับ AI อย่าง Hexagon NPU ที่เร็วขึ้น 37% และมีประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้น 16% โดย Qualcomm มุ่งเน้นไปที่การนำ Agentic AI หรือ AI ที่สามารถทำงานเป็นผู้ช่วยส่วนตัวบนอุปกรณ์ได้โดยตรง
ความสามารถด้าน AI นี้ยังถูกนำมาใช้กับวิดีโอบนที่เป็นรุ่นแรกที่รองรับ Advanced Professional Video (APV) มาตรฐานใหม่บน Android 16 ที่ช่วยให้บันทึกวิดีโอคุณภาพสูงใกล้เคียงไฟล์ RAW ได้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Dragon Fusion ที่พัฒนาร่วมกับ ArcSoft ซึ่งเป็นระบบประมวลผล Computational Video เต็มรูปแบบ
ส่งผลให้ทุกเฟรมของวิดีโอมีคุณภาพ และความคมชัดเทียบเท่ากับการถ่ายภาพนิ่ง สามารถเก็บรายละเอียดสีสัน, แสงเงา และคอนทราสต์ได้ดีเยี่ยม ทั้งหมดนี้ก็เกิดจากการทำงานร่วมกันของ Hexagon NPU และชิปประมวลผลภาพ (ISP) รุ่นล่าสุดอย่าง Spectra ที่อัปเกรดไปใช้ Pipeline ขนาด 20-bit ทำให้มี Dynamic Range กว้างขึ้นถึง 4 เท่า
นอกจากนี้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ยังมี Snapdragon Audio Sense ที่ช่วยยกระดับคุณภาพเสียงให้เทียบเท่าระดับโปร สามารถตัดเสียงรบกวน ซูมเสียง และบันทึกเสียงแบบ HDR ได้ในทุกสภาพแวดล้อม ชิปใหม่อย่าง Snapdragon 8 Elite Gen 5 จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มความแรง แต่เป็นการเปิดสเปคความสามารถใหม่ๆ ของสมาร์ทโฟน Android ที่มีการใช้ AI ทรงพลังและตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีขึ้นด้วย
ที่มา: 9to5google/ qualcomm