นี่เป็นผลจากการรายงานของทาง Apple ประจำเดือน เมษายน เกี่ยวกับยอดของระบบปฏิบัติการที่ผู้ใช้ ใช้เข้าสู่ระบบ iTune พบว่าในตอนนี้ 87% ได้เปลี่ยนเป็น iOS7 แล้ว โดยคงเหลือผู้ใช้ iOS6 เพียง 11% และที่เก่ากว่านั้นแค่ 2% ซึ่งถือว่าโตเร็วมากในช่วง 6 เดือนนับตั้งแต่วันเปิดตัวออกมา
ตรงกันข้ามกับ Android 4.4 KitKat ที่ผลล่าสุดออกมาก็ยังคงถูกใช้อยู่เพียง 5.3% ทั้งๆที่ก็ออกมาหลัง iOS7 ได้ไม่นานนัก โดย 33.3% ของผู้ใช้ Android จะใช้ Android เวอร์ชั่นเก่าตั้งแต่สมัยก่อนที่จะเปิดตัว iOS6 และ 61.4% จะเป็นเวอร์ชั่นที่ออกในสมัยที่ใช้ iOS6 กันอยู่นั่นเอง
ซึ่งถ้าพูดกันถึงสาเหตุจริงๆแล้วคงจะมาจากการทีผู้ใช้สามารถที่จะเข้าถึง iOS7 ได้ง่ายกว่ามากๆเมื่อเทียบกับ Android เพราะ ทาง Apple มีอุปกรณ์ที่ไม่เยอะมากทำให้การเขียน iOS7 สามารถทำงานด้วยได้นั้นเป็นไปได้ง่ายกว่า จึงสามารถเข้าถึงได้มากกว่า ต่างกับ Android ที่มีจำนวนอุปกรณ์ที่หลากหลายมากๆ จนทาง Google ไม่สามารถซัพพอร์ตได้โดยตรง จึงเป็นหน้าที่ของผู้ผลิตมือถือที่ต้องเป็นคนเอาตัว Android เวอร์ชั่นใหม่ไปใส่ลงในอุปกรณ์ของตน ซึ่งก็เสียเวลาไปอีกมากอีกทั้งยังทำลงเฉพาะตัวใหม่ๆอีกตะหาก
ยิ่งถ้าพูดถึงทางด้าน แอพพลิเคชั่นในมุมมองของนักพัฒนา การพัฒนาแอพพลิเคชั่นของทางฝั่ง Apple สามารถทำได้ง่าย มีเครื่องมือสำหรับพัฒนาที่มีประสิทธิภาพดี แถมการที่มีผู้ใช้ iOS7 เยอะทำให้ผู้พัฒนาสามารถนำความสามารถใหม่ของ iOS7 มาใช้ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่จะไม่สามารถเข้าถึงได้
ต่างกับลิบลับกับทาง Android ที่ทางผู้พัฒนายังคงต้องปวดหัวกับการเขียนแอพพลิเคชั่นให้รองรับสารพัดอุปกรณ์และไม่สามารถละทิ้ง Android รุ่นเก่าๆได้เนื่องจากถือเป็นตลาดที่ใหญ่พอสมควรเลย จึงไม่สามารถใช้ความสามารถใหม่ๆที่มากับ Android เวอร์ชั่นใหม่ๆได้เลย และเครื่องมือที่ใช่พัฒนาแอพพลิเคชั่นนั้นประสิทธิภาพยังค่อนข้างแย่เอาการอยู่ พัฒนาได้ยาก แถมเมื่อเอาลงเครื่องจริงปัญหาที่เกิดในแต่ละรุ่นนั้นมักจะต่างกันออกไปอีก ทำให้ผู้พัฒนาต้องตามแก้กันไม่หยุดไม่หย่อน
และในทางด้านความปลอดภัย Android ยังคงมีช่องโหว่อยู่อีกจำนวนมาก และตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่ iOS กลับมีช่องโหว่ที่น้อยกว่ามาก และจำนวนผู้โจมตีก็มีน้อยกว่าเช่นกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่อาจสรุปได้ว่า Android นั้นไม่ดีได้ เนื่องจากถ้าดูกันจริงๆแล้ว การที่ Android เป็น Open Source จึงทำให้ถูกใช้ได้อย่างแพร่หลาย จึงเป็นเรื่องยากที่ทาง Google จะตามดูแลได้ทั้งหมด อีกทั้งความหลากหลายของอุปกรณ์ทำให้เป็นการยากที่จะทำให้แอพพลิเคชั่นสามารถทำงานได้โดยไม่มีปัญหาเลย
ที่มา : AppleInsider