วิธีเพิ่มความเร็ว Mobile Data ของผู้ให้บริการเครือข่ายที่คุณควรรู้

พบกับวิธีเพิ่มความอินเทอร์เน็ตเครือข่ายหรือ Mobile Data ที่คุณสามารถทำเองได้ง่ายๆ กับสมาร์ทโฟนของคุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนความเร็วเน็ตก็เปลี่ยนไปได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

วิธีเพิ่มความเร็ว Mobile Data ของผู้ให้บริการเครือข่ายที่คุณควรรู้
วิธีเพิ่มความเร็ว Mobile Data ของผู้ให้บริการเครือข่ายที่คุณควรรู้

ข้อมูลมือถือหรือ Mobile Data คือข้อมูลทั้งหมดที่โทรศัพท์ของคุณส่งและรับ (หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อื่นๆ เช่น แท็บเล็ตหรือโน๊ตบุ๊คที่สามารถใส่ SIM Card ได้) โดยใช้การเชื่อมต่อมือถือ โดยปกติคุณจะต้องใช้อินเทอร์เน็ตผ่านข้อมูลมือถือทุกครั้งที่คุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์ของคุณโดยไม่ต้องใช้เครือข่าย Wi-Fi เพื่อทำอะไรสักอย่างเช่นเล่นเกมออนไลน์, การสตรีมเพลงหรือวิดีโอหรือกระทั่งการท่องเว็บเป็นต้น

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจวิธีการทำงานของข้อมูลมือถือเพื่อให้สามารถบอกได้ว่าการเชื่อมต่อของคุณมาจากที่ใด เช่น Wi-Fi หรือเครือข่ายเซลลูลาร์ นอกจากนี้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มักเสนอแผนสองประเภทที่แตกต่างกันคือข้อมูลแบบจำกัดและข้อมูลแบบไม่จำกัด โดยทั่วไปแผนไม่จำกัดจะมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยและแม้แต่แผนไม่จำกัดบางแผนก็มี data caps ให้เลือก(ปริมาณการใช้ข้อมูลมือถือมากที่สุดตามโปรโมชั่นที่คุณจ่ายเพื่อใช้งาน) ดังนั้นคุณจะต้องทราบพฤติกรรมการใช้ข้อมูลมือถือของคุณเพื่อเลือกแผนบริการโทรศัพท์มือถือได้อย่างเหมาะสม

นอกเหนือจากขีดจำกัดของข้อมูลแล้วให้พิจารณาความเร็วของข้อมูลมือถือของคุณด้วย ความเร็วสูงสุด 4G LTE จากผู้ให้บริการรายใหญ่มักจะอยู่ที่ 35–60Mbps ส่วนเครือข่ายแบบ 5G จะให้ความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลดที่เร็วกว่า 4G LTE โดยมีอัตราข้อมูลเฉลี่ย 100Mbps ขึ้นไป(แต่ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่การให้บริการด้วย)

แม้ว่าผู้ให้บริการเครือข่ายเสมือนบนมือถือ (MVNO เช่นแพนกวินหรือ GOMO) จะทำงานบนเครือข่ายผู้ให้บริการหลัก แต่คุณอาจเห็นความเร็วข้อมูลมือถือช้าลงบ้างสำหรับผู้ให้บริการเหล่านี้ โดยทั่วไปแล้วผู้ให้บริการรายใหญ่จะสงวนความเร็วสูงสุดไว้สำหรับลูกค้าบนเครือข่ายโดยตรงของตน(แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะบาง MVNO ก็ให้บริการข้อมูลระดับพรีเมียมความเร็วสูงพร้อมแผนไม่จำกัดที่ดีที่สุดบ้างเหมือนกันตามโปรโมชั่นที่คุณเสียไป)

อย่างไรก็ตามหากคุณพบว่าข้อมูลมือถือของคุณช้าแล้วล่ะก็ลองทำตามข้อมูลในบทความนี้ดูเพื่อว่าจะแก้ปัญหาเบื้องต้นได้โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องติดต่อกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ จะมีวิธีการอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย



รีสตาร์ทโทรศัพท์ของคุณ

Restart your Android Phone

ดูเหมือนว่าวิธีการรีสตาร์ทนี้จะเป็นวิธีการแก้ไขที่ซ้ำซากจำเจเพราะในทุกๆ การแก้ไขปัญหานั้นเรามักจะแนะนำให้คุณทำการรีสตาร์ทเครื่องก่อนเสมอ ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ในบางครั้งการรีสตาร์ทก็มักจะได้ผลโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่ได้ปิดเครื่องมาสักระยะแล้ว หากคุณกำลังเร่งรีบก่อนที่จะรีสตาร์ทเครื่องคุณสามารถลองทำให้โทรศัพท์อยู่ในโหมดเครื่องบินก่อนดูก็ได้ แต่การรีสตาร์ทแบบเต็มตัวนั้นก็เป็นความคิดที่ดีมากกว่า การรีสตาร์ทโทรศัพท์ของคุณเป็นเรื่องง่าย โดยให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้กับอุปกรณ์ของคุณ

  • บน iPhone ที่ไม่มีปุ่มโฮม ให้กดปุ่มด้านข้างค้างไว้บวกกับปุ่มเพิ่มระดับเสียงหรือลดระดับเสียง จนกระทั่ง Slide to Power Off ปรากฏขึ้น หลังจากที่คุณปิด iPhone แล้ว ให้กดปุ่มด้านข้างค้างไว้อีกครั้งเพื่อเปิดเครื่องอีกครั้ง
  • หากคุณมี iPhone ที่มีปุ่มโฮมเพียงกดปุ่มด้านข้างค้างไว้ (โดยปกติจะอยู่ทางด้านขวาของโทรศัพท์หรือที่ด้านบนของอุปกรณ์รุ่นเก่า) จนกระทั่ง Slide to Power Off ปรากฏบนหน้าจอ
  • สำหรับโทรศัพท์ Android ส่วนใหญ่ คุณเพียงแค่ต้องกดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้จนกว่าตัวเลือกพลังงานจะปรากฏบนหน้าจอ จากนั้นแตะรีสตาร์ทหากคุณไม่เห็นรีสตาร์ทให้เลือกปิดเครื่อง จากนั้นกดเปิด/ปิดค้างไว้อีกครั้งเพื่อเริ่มต้นโทรศัพท์มือถือของคุณใหม่

ไม่ว่าอุปกรณ์ของคุณจะเป็นอย่างไร วิธีที่ดีที่สุดคือคุณควรลองปิดโทรศัพท์ทิ้งไว้สักครู่ก่อนที่จะเปิดขึ้นมาใหม่เพื่อดูว่าปัญหานั้นได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง


ย้ายที่เล่นโทรศัพท์เป็นที่อื่น

ปัจจัยทางกายภาพหลายประการอาจส่งผลให้เครือข่าย LTE หรือ 5G ช้า ซึ่งรวมถึงสภาพอากาศ, ความแออัดของเครือข่ายและแม้กระทั่งกิจกรรมกลางแจ้งที่ทำให้มือถือของคุณมีความร้อนสะสมมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญที่สุดคือสภาพภูมิศาสตร์ของจุดที่คุณใช้งานรวมไปถึงอาคารต่างๆ เช่นหากคุณอยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือมีสิ่งกีดขวางทางธรรมชาติอยู่รอบๆ ตัวคุณ(อย่างเช่น เนินเขา, ภูเขาและหุบเขา) คุณอาจจะประสบปัญหาสัญญาณไม่ดี ให้คุณลองพยายามย้ายไปยังตำแหน่งที่มีระดับเท่ากันเพื่อดูว่าข้อมูลมือถือมีความเร็วดีขึ้นหรือไม่

การอยู่ภายในอาคารปิดหรืออยู่กลางเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่นและถึงจะมีแถบเครือข่ายเต็มบนอุปกรณ์ของคุณ แต่ข้อมูลอินเทอร์เน็ตของคุณช้ามากเมื่อคุณเข้าสู่สถานที่บางสถานที่อย่างการอยู่ใต้ดินหรือล้อมรอบด้วยคอนกรีตในโครงสร้างเช่นชั้นใต้ดินอาจส่งผลเสียต่อสัญญาณข้อมูลของคุณได้

หากคุณประสบปัญหาความเร็วข้อมูลซึ่งเริ่มต้นช้าในบางตำแหน่งเท่านั้น ให้คุณลองย้ายไปที่อื่น คุณอาจต้องออกจากอาคารที่คุณอยู่หรือขับรถออกไปสองสามกิโลเมตร แม้ว่าการดำเนินการนี้อาจไม่สะดวกแต่ก็เป็นวิธีที่ดีในการแก้ไขปัญหาความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายของคุณได้

ขั้นตอนนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ฝ่ายสนับสนุนด้านเทคนิคจะขอให้คุณทำเป็นสิ่งแรกหากคุณติดต่อเข้าไปเพื่อขอความช่วยเหลือผ่านทาง Call Center น่าเสียดายที่เทคโนโลยีเครือข่ายในปัจจุบันไม่ได้ให้การครอบคลุมที่สมบูรณ์แบบในทุกพื้นที่ดังนั้นสถานที่ตั้งจึงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากเครือข่าย 5G ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นยังมีการติดตั้งเสาสัญญาณไม่มากพอ(อันที่จริงเสาสัญญาณแบบ 4G หรือ 3G ในบางพื้นที่ก็อาจจะยังไม่ได้รับการติดตั้งอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลมากๆ)


อัปเดตและปิดใช้งานแอปที่มีการใช้เครือข่ายหนาแน่น

Screenshot 2013 10 08 12 02 59

บางครั้งแอปที่มีปัญหาอาจทำให้เกิดปัญหาโดยการเชื่อมต่อข้อมูลของคุณได้ซึ่งนั่นจะทำให้แบนด์วิธอินเทอร์เน็ตของคุณเหลือน้อยลงสำหรับแอปอื่นๆ และทำให้ทุกอย่างช้าลง ในกรณีเช่นนี้คุณจะต้องตรวจสอบเล็กน้อยเพื่อดูว่ามีแอปอะไรที่ใช้แบนด์วิดท์ของคุณบ้าง หากมีบางอย่างผิดปกติคุณสามารถปิดใช้งานการเข้าถึงการเชื่อมต่อข้อมูลมือถือของแอปหรือถอนการติดตั้งแอปดังกล่าวเพื่อทดสอบการใช้งานดูก่อนได้

เมื่ออินเทอร์เน็ต iPhone ของคุณช้า คุณสามารถไปที่การตั้งค่า > เซลลูลาร์(Settings > Cellular) และใช้รายการเพื่อปิดการเข้าถึงการเชื่อมต่อข้อมูลเซลลูลาร์ของแอปใดๆ ก็ได้(โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแอปที่ใช้ปริมาณเครือข่ายมากผิดปกติ)

บน Android คุณไปที่การตั้งค่า > เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต > เครือข่ายมือถือ (หรือซิมบน Android 12 ขึ้นไป) > การใช้ข้อมูลแอป (Settings > Network & internet > Mobile network (SIMs) > App data usage) แตะแอปจากนั้นเลื่อนแถบเลื่อนข้อมูลพื้นหลังออกเพื่อป้องกันไม่ให้แอปนั้นใช้ข้อมูลในพื้นหลัง

คุณควรตรวจสอบการอัปเดตแอปด้วย ต้องไม่ลืมว่านักพัฒนาแอปเผยแพร่การอัปเดตเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องตลอดเวลาซึ่งนั่นอาจรวมถึงการแก้ไขประสิทธิภาพเครือข่ายที่ช้าหรือการใช้แบนด์วิธมากเกินไปด้วยก็เป็นได้


ปิดการใช้งาน Data Saver หรือ Low Data Mode

Turn off data saver in android Pie 9

ทั้ง Android และ iPhone มีโหมดที่ออกแบบมาเพื่อลดการใช้ข้อมูลของคุณ สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์หากคุณมีข้อมูลจำนวนจำกัด แต่ถ้าคุณเปิดใช้งานโดยไม่ได้ตั้งใจสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ดูเหมือนว่าการเชื่อมต่อมือถือของคุณช้ากว่าที่เป็นจริง ให้คุณลองปิดการใช้งานโหมดเหล่านี้เพื่อดูว่าทุกอย่างรู้สึกเร็วขึ้นหรือไม่

บน Android ให้ไปที่การตั้งค่า > เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต > Data Saver(Settings > Network & internet > Data Saver) หากคุณมี iPhone คุณจะพบการตั้งค่าที่เทียบเคียงได้ที่เรียกว่าโหมดข้อมูลต่ำ(Low Data Mode) ภายใต้การตั้งค่า > เซลลูลาร์ > ตัวเลือกข้อมูลเซลลูลาร์ > โหมดข้อมูล(Settings > Cellular > Cellular Data Options > Data Mode)

หากคุณกังวลเกี่ยวกับปริมาณข้อมูลที่คุณใช้ ให้คุณตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปิดสิ่งเหล่านี้อีกครั้งหลังจากผ่านไปสักครู่ คุณควรบอกได้ว่าการตั้งค่านี้ทำให้ข้อมูลมือถือของคุณช้าลงหรือไม่ ตัวอย่างเช่นการไม่โหลดรูปภาพจนกว่าคุณจะแตะหรือหยุดการซิงค์พื้นหลังชั่วคราวจนกว่าคุณจะเปิดแอป


จำขีดจำกัดข้อมูลของคุณ

อย่าลืมว่าคุณอาจมีขีดจำกัดข้อมูลมือถือตั้งแต่สองสามกิกะไบต์ไปจนถึงหลายสิบกิกะไบต์ หากคุณใช้งานเกินขีดจำกัดดังกล่าว ผู้ให้บริการมือถือของคุณมักจะทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลง (แทนค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่มีราคาแพง) แม้แต่แผนที่เรียกว่า “ไม่จำกัด” ก็มักจะประสบปัญหาการควบคุมปริมาณหรือ “ลดความสำคัญ” ในช่วงเวลาที่เครือข่ายติดขัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ถึงขีดจำกัดแล้ว นี่อาจเป็นสาเหตุเมื่อคุณประสบปัญหาอินเทอร์เน็ตบนมือถือช้า หากคุณใช้งานการจัดสรรข้อมูลมือถือตามโปรโมชั่นหมดแล้ว คุณจะต้องรอจนกว่ารอบบิลถัดไปหรืออาจจะต้องซื้อข้อมูลความเร็วสูงเพิ่มเติม

เป็นความคิดที่ดีที่จะทราบว่าคุณสามารถใช้ข้อมูลได้มากเพียงใดก่อนที่ผู้ให้บริการจะลดความเร็วการเชื่อมต่อลง หากคุณไม่แน่ใจให้ตรวจสอบบัญชีของคุณผ่านแอปมือถือหรือเว็บไซต์ของผู้ให้บริการเครือข่ายนั้นๆ ในปัจจุบันนั้นผู้ให้บริการเครือข่ายหลักในเมืองไทยมีแอปพลิเคชันสำหรับตรวจสอบปริมาณการใช้งานให้คุณโหลดมาใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS แล้ว ดังนั้นคุณควรจะติดตั้งแอปของผู้ให้บริการเอาไว้เพื่อคอยดูว่าคุณใช้ข้อมูลเครือข่ายหมดไปตามโปรชั่นของคุณแล้วหรือยัง


ตัดการเชื่อมต่อจาก VPN ของคุณ

iosconnect2

VPN สามารถให้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติมและช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์เพื่อให้ตำแหน่ง IP ของคุณเปลี่ยนจากจุดที่คุณใช้งานได้ แต่ทว่าการเชื่อมต่อกับ VPN นั้นก็อาจทำให้ความเร็วมือถือของคุณช้าลงเนื่องจากจะต้องใช้งานผ่านการโอนถ่ายข้อมูลแบบซ้ำซ้อนที่ไม่ได้เข้าสู่เครื่องของคุณโดยตรง ดังนั้นหากโทรศัพท์ของคุณเชื่อมต่อกับ VPN อยู่และคุณต้องการทำให้ข้อมูลของคุณเร็วขึ้น ให้คุณลองยกเลิกการเชื่อมต่อจาก VPN ดูก่อนเป็นลำดับแรก

เป็นไปได้ว่าคุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของความเร็วข้อมูลอินเทอร์เน็ตทันทีที่คุณยกเลิกการเชื่อมต่อ VPN หากวิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาได้ คุณสามารถปรับปรุงความเร็วของ VPN ได้เมื่อเชื่อมต่อใหม่ อย่างไรก็ตาม VPN ฟรีนั้นมักจะทำให้เกิดปัญหาอินเทอร์เน็ตช้าเนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ดังนั้นหากคุณไม่ได้ต้องการที่จะใช้ VPN ใดๆ เราขอแนะนำให้คุณอย่าเปิดใช้งาน VPN อยู่ตลอดเวลาซึ่งนั่นน่าจะช่วยเรื่องความเร็วอินเทอร์เน็ตของเครือข่ายมือถือให้กับคุณได้


ตรวจสอบการขัดข้องของเครือข่าย

Down Detector Verizon 2021

แม้ว่าผู้ให้บริการมือถือจะชอบโฆษณาเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของระบบเครือข่ายของตัวเอง แต่ทว่าในบางครั้งการหยุดทำงานก็เกิดขึ้นตลอดเวลา การหยุดทำงานเหล่านี้มักส่งผลให้ความเร็วลดลงหรือแม้กระทั่งการเชื่อมต่อขาดหาย หากคุณยังคงประสบปัญหาข้อมูลมือถือช้าหลังจากตรวจสอบทุกข้อข้างต้นแล้ว เป็นความคิดที่ดีที่จะตรวจสอบการหยุดทำงานกับผู้ให้บริการของคุณดูด้วย

หากคุณสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ คุณก็สามารถตรวจสอบผู้ให้บริการเครือข่ายได้ ลองตรวจสอบเว็บไซต์เช่น Downdetector บ่อยครั้งที่หากปัญหาเครือข่ายล่มลุกลาม ผู้ใช้รายอื่นๆ ก็จะรายงานเรื่องนี้ไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายไปแล้ว คุณจะเห็นรายงานล่าสุดเกี่ยวกับการหยุดให้บริการของผู้ให้บริการของคุณและสามารถตรวจสอบแผนที่เพื่อดูว่าพื้นที่ใดของประเทศกำลังประสบปัญหาเครือข่ายล่มได้

คุณยังสามารถที่จะใช้โซเชียลมีเดียตรวจดูปัญหาเรื่องเครือข่ายล่มได้ Twitter(หรือ X) เป็นโซเชียลที่ดีในการค้นหาปัญหาการเชื่อมต่อเนื่องจากผู้คนมักจะทวีตเกี่ยวกับปัญหาการเชื่อมต่อของตน นอกจากนี้หากคุณติดต่อบัญชี Twitter ฝ่ายสนับสนุนของผู้ให้บริการมือถือของคุณ คุณมีแนวโน้มที่จะได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็วถึงปัญหาของคุณอยู่แล้ว


รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายโทรศัพท์ของคุณ

การรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายมักจะช่วยแก้ปัญหาการเชื่อมต่อข้อมูลมือถือที่ช้าได้ แต่ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่วุ่นวายมากกว่า การทำเช่นนี้จะรีเซ็ตทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเป็นค่าเริ่มต้นซึ่งรวมถึงการถอดจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi อุปกรณ์บลูทูธและอื่นๆ การสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่หลายๆ คนจะยอมรับได้ (ก็แค่คุณจะต้องเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่บันทึกไว้อีกครั้ง และจับคู่อุปกรณ์ Bluetooth ของคุณใหม่ในภายหลังเท่านั้นเอง)

reset on iphone

หากต้องการรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายบน iPhone ให้เปิดการตั้งค่า > ทั่วไป > ถ่ายโอนหรือรีเซ็ต iPhone > รีเซ็ต > รีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย(Settings > General > Transfer or Reset iPhone > Reset > Reset Network Settings) โทรศัพท์ของคุณจะแจ้งให้คุณใส่รหัสผ่านหากมี จากนั้นจะรีสตาร์ทเพื่อดำเนินการ

reset on android

บนโทรศัพท์ Android คุณจะพบตัวเลือกรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายที่การตั้งค่า > ระบบ > ขั้นสูง > ตัวเลือกการรีเซ็ต > รีเซ็ต Wi-Fi อุปกรณ์เคลื่อนที่ และบลูทูธ(Settings > System > Advanced > Reset options > Reset Wi-Fi, mobile & Bluetooth) ซึ่งอาจอยู่ในตำแหน่งอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบรนด์ผู้ผลิตโทรศัพท์ของคุณและเวอร์ชัน Android ลองค้นหาคำว่า “รีเซ็ต” ในแถบค้นหาการตั้งค่าหากหาไม่พบจริงๆ


ถอดและใส่ซิมการ์ดของคุณกลับเข้าไปใหม่

สุดท้าย คุณสามารถลองดึงซิมการ์ดออกแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ได้ วิธีนี้สามารถล้างปัญหาที่ซ่อนอยู่ซึ่งส่งผลต่อการเชื่อมต่อโทรศัพท์ของคุณกับผู้ให้บริการของคุณอีกด้วยต่างหาก

800px IPhone sim slot

ตำแหน่งซิมการ์ดของคุณแตกต่างกันไปในแต่ละอุปกรณ์ บน iPhone รุ่นเก่าช่องใส่ซิมการ์ดจะอยู่ที่ขอบขวาของโทรศัพท์ ใต้ปุ่มด้านข้าง ส่วน iPhone 12 และ 13 series มีช่องใส่ซิมทางด้านซ้ายของอุปกรณ์(หรือหากคุณใช้งาน eSIM อยู่วิธีการนี้อาจจะไม่ได้ผล) 

บนอุปกรณ์ Android อาจอยู่ที่ด้านข้าง, ด้านบน, ด้านล่างหรือแม้แต่ด้านหลังฝาหลัง หากโทรศัพท์ของคุณมีแบตเตอรี่แบบถอดได้ ให้ลองค้นหารุ่นโทรศัพท์ของคุณใน Google หรือตรวจสอบคู่มือหากคุณหาช่องใส่ SIM ไม่พบ

ก่อนที่จะดึงซิมการ์ดคุณควรปิดโทรศัพท์ก่อน เพื่อที่จะป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้อย่าลืมดึงซิมขณะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหรือพื้นผิวเรียบอื่นๆ เนื่องจาก SIM ในปัจจุบันมีขนาดเล็กและหลุดง่ายซึ่งหากหลุดแล้วกระเด็นหายขึ้นมาแล้วล่ะก็คุณอาจจะเจอปัญหาที่ใหญ่มากกว่าเดิมนั่นก็คือหา SIM ไม่เจอจนต้องเดินทางไปศูนย์บริการเพื่อขอ SIM ใหม่

หากการดึงซิมการ์ดไม่ได้ผล คุณสามารถลองเปลี่ยนใหม่ได้โดยเราขอแนะนำให้คุณไปที่สาขาของผู้ให้บริการของเครือข่ายมือถือของคุณ อย่างไรก็ตามก่อนจะไปคุณควรโทรติดต่อ Call Center ตามข้อแนะนำทางด้านล่างดูก่อนก่อนหากปัญหาของคุณยังไม่ได้รับการแก้ไขในขั้นตอนการถอดแล้วใส่ SIM ใหม่นี้


โทรติดต่อฝ่ายสนับสนุนของผู้ให้บริการของคุณ

หากขั้นตอนทั้ง 9 ทางด้านต้นนี้ไม่มีขั้นตอนไหนสามารถที่จะแก้ไขปัญหาข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่ช้าของคุณได้ นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องโทรติดต่อฝ่ายสนับสนุนด้านเทคนิคของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือของคุณแล้วด้วยการโทรเข้า Call Center โดยคุณสามารถค้นหาเบอร์ Call Center ได้ผ่านด้วยการค้นหาผ่านทาง Google

ทั้งนี้ทั้งนั้นช่างเทคนิคของเครือข่ายมือถือของคุณอาจขอให้คุณทำซ้ำขั้นตอนทางด้านบนนี้อีกครั้ง โดยคุณสามารถที่จะปฏิเสธได้เพราะคุณได้ทำทุกขั้นตอนไปแล้ว ดังนั้นส่วนที่เหลืออยู่ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานที่จะต้องทำตามขั้นตอนการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทางเทคนิคของการให้บริการเครือข่ายในบริเวณที่คุณใช้งานมือถือแล้วอินเทอร์เน็ตช้า อย่าลืมว่าคุณสามารถอธิบายล่วงหน้าถึงสิ่งที่คุณได้ทำไปแล้วทั้งหมดกับ Call Center ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของช่างเทคนิคอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่พลาดสิ่งใดไปในการแก้ไขปัญหา

หมายเหตุ – การใช้งาน Mobile Data ที่ช้าลงบางครั้งปัญหาอาจจะเกิดขึ้นมาจากการที่บริเวณนั้นๆ มีผู้ใช้งาน Mobile Data ของเครือข่ายมือถือที่คุณใช้งานอยู่จำนวนมาก เช่นในช่วงเทศกาลที่คนมักจะไปรวมตัวกันอยู่ในสถานที่บางที่จำนวนมากซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการแย่งกันใช้ Mobile Data ขึ้นมาได้

ที่มา : whistleout, makeuseof

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก