วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเมื่อ GPS บนสมาร์ทโฟนไม่ทำงาน

GPS(Global Positioning System) หรือระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลกถูกใช้ในการนำทางผ่านทางสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย แต่ถ้ามันไม่ทำงานขึ้นมาซะดื้อๆ อย่างนั้นล่ะคุณจะทำอย่างไรดี ในบทความนี้มีคำตอบให้คุณได้ลองแก้ไข จะเป็นอย่างไรนั้นไปติดตามกัน

วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเมื่อ GPS บนสมาร์ทโฟน
วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นเมื่อ GPS บนสมาร์ทโฟน

ระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลก (GPS หรือ global positioning system) จริงๆ นั้นมีการใช้งานมานานมากแล้วแต่ส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ในวงการทหารหรือการเดินทางไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินหรือเรือสำราญมากกว่า จนกระทั่งเมื่อสมาร์ทโฟนได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษย์เกือบจะทุกคนแล้ว การใช้งาน GPS เพื่อระบุตำแหน่งนั้นก็เลยได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมากจนอาจจะถือว่ามัน GPS ได้เปลี่ยนแปลงโลกอย่างแท้จริงก็ว่าได้ ความสามารถในการบอกได้อย่างแม่นยำว่าคุณอยู่ที่ไหนบนพื้นผิวโลกนั้นสร้างผลกระทบในวงกว้างต่อธุรกิจและการเดินทางและด้วยความจริงที่ว่าสมาร์ทโฟนทุกเครื่องมีตัวรับสัญญาณ GPS ในตัวนั่นหมายความว่าคุณจะไม่หลงทางอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามแต่ถึงแม้ว่า GPS จะเป็นเทคโนโลยีที่ดีมากเพียงใด ทว่ามันก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะแม้แต่เทคโนโลยีที่มีประโยชน์ที่สุดก็ยังสามารถเกิดความล้มเหลวขึ้นมาได้ หากคุณเป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android คุณอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ GPS ของคุณไม่ทำงานขึ้นมาเอาดื้อๆ ก็ว่าได้ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับคุณขอให้คุณลองศึกษาบทความนี้ดูดีๆ เพราะต่อไปนี้เราจะนำเสนอวิธีเบื้องต้นบางประการที่คุณสามารถกลับไปแก้ไขให้ GPS สามารถที่จะใช้งานติดต่อกับดาวเทียมด้านบนได้เหมือนเดิมโดยไม่ต้องเอาเครื่องเข้าศูนย์ก็เป็นได้ หากพร้อมแล้วก็ไปติดตามกันได้เลย


  1. ลองเคลื่อนย้ายสมาร์ทโฟนหรืออดใจรอสักนิด
  2. ตรวจสอบดูว่าปัญหามาจาก GPS จริงหรือไม่
  3. ลองปิดและเปิดแผนที่หรือ GPS ใหม่
  4. รีสตาร์ทเครื่องหรือเปิดปิดโหมดเครื่องบิน
  5. ลองใช้โหมดความแม่นยำที่ดีขึ้น(Accuracy Modes)
  6. ชาร์จโทรศัพท์ของคุณหรือปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน
  7. ติดตั้งใหม่หรืออัปเดตแอปพลิเคชันแผนที่ของคุณ
  8. ใช้แอปวินิจฉัย GPS

1. ลองเคลื่อนย้ายสมาร์ทโฟนหรืออดใจรอสักนิด

no cell signal

บางครั้งเมื่อ GPS บน Android ของคุณไม่ทำงาน ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่โทรศัพท์ของคุณเลยก็เป็นได้ เพราะบางครั้งปัญหามันอาจจะเกิดขึ้นมาจากการที่ GPS บน Android ของคุณนั้นติดต่อสื่อสารกับดาวเทียมข้างบนไม่ได้มาตรฐานสัญญาณตามที่ตัวเครื่องต้องการเพื่อที่ GPS จะสามารถนำทางได้ การเชื่อมต่อนี้เราไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้ โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นมันมีหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการที่คุณอยู่ใต้ทางด่วนขณะใช้งาน GPS หรืออยู่บนถนนที่อยู่ในป่ารกทึบจน GPS ไม่สามารถจับสัญญาณได้หรืออาจจะกำลังเผชิญกับสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ฯลฯ

วิธีแก้ไขเบื้องต้นที่ดีที่สุดคือการลองเอาสมาร์ทโฟน Android ถอยห่างจากวัตถุที่เป็นโลหะ(ซึ่งมันจะกั้นไม่ให้ GPS สามารถจับสัญญาณได้ดี) หรือต้องรอจนกว่าคุณจะอยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่แจ่มใสจน GPS สามารถที่จะจับสัญญาณกลับมาได้เหมือนเดิม การไม่ยืนอยู่ข้างกำแพงสูงก็ถือว่าเป็นอีกหนทางหนึ่งที่สามารถช่วยให้คุณสามารถที่จะทำให้ GPS กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม วิธีการต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่จะทำให้ GPS บน Android ของคุณค้นหาตำแหน่งในโลกได้ง่ายขึ้น 


2. ตรวจสอบดูว่าปัญหามาจาก GPS จริงหรือไม่

wifi connection

แอปบางตัวที่ใช้ GPS จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานได้เช่นกัน หากการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือข้อมูลอินเทอร์เน็ตบนมือถือของคุณทำงานไม่ถูกต้อง นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ GPS บน Android หรือแอปนำทางของคุณไม่ทำงาน ดังนั้นให้คุณลองเปลี่ยนไปใช้เครือข่าย Wi-Fi อื่นดูหรือสลับระหว่าง Wi-Fi และข้อมูลอินเทอร์เน็ตมือถือหรืออาจจะลองแค่ย้ายไปยังจุดที่มีการรับสัญญาณที่ดีกว่าดูก็ได้

แต่ทว่าถ้าหากคุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และใช้บริการข้อมูลในแอปอื่นๆ ได้แล้วล่ะก็ ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้มีสาเหตุมาจากสัญญาณข้อมูลอินเทอร์เน็ต ดังนั้นแล้วคุณควรลองวิธีถัดไปดูเพื่อที่จะดูว่า GPS บน Android ของคุณกลับมาใช้งานตามปกติได้หรือไม่


3. ลองปิดและเปิดแผนที่หรือ GPS ใหม่

Location Services Shortcut

เอาหล่ะแม้ว่าคุณอาจเคยลองวิธีนี้แล้ว แต่เพื่อความรอบคอบเราต้องขอแนะนำวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็วและชัดเจนที่สุดก่อนเสมอซึ่งนั่นก็คือในกรณีที่คุณไม่ทราบว่ามีการสลับฟังก์ชัน GPS ในเมนูด่วนของ app shade

“app shade” คือลิ้นชักที่คุณเข้าถึงได้โดยการปัดจากด้านบนของหน้าจอ ซึ่งสกินของ Android แต่ละแบรนด์ที่แตกต่างกันอาจดูไม่เหมือนกันทว่าการใช้งานทั่วไปก็ยังคงเหมือนกันอยู่เมื่อคุณเปิด app shade ออกมาแล้วนั้นให้ลองดูว่าไทล์ “ตำแหน่ง หรือ Location” มีการเปิดใช้งานอยู่ตามปกติหรือไม่ หากเปิดอยู่แล้ว(อย่างเช่นรูปทางด้านบน) ให้คุณลองแตะเพื่อปิดการใช้งาน “ตำแหน่ง หรือ Location” แล้วแตะเปิดใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นให้ลองดูว่า GPS กลับมาทำงานได้เช่นเดิมแล้วหรือไม่ หากไม่ได้ให้ลองขั้นตอนต่อไป


4. รีสตาร์ทเครื่องหรือเปิดปิดโหมดเครื่องบิน

Airplane Mode

หากวิธีการที่ 3 ซึ่งสามารถทำได้รวดเร็วนั้นไม่ได้ผล เรามีวิธีการที่โหดมากกว่านั้นซึ่งนั่นก็คือการเปิดโหมดเครื่องบินที่จะตัดการเชื่อมต่อไร้สายทุกอย่างไว้สักพักแล้วค่อยลองปิดโหมดเครื่องบินกลับมาใหม่ดูอีกรอบเพื่อดูว่า GPS ทำงานได้ตามปกติหรือไม่ หากยังไม่ได้ผลเราขอแนะนำให้คุณทำการรีสตาร์ทเครื่องใหม่อีกครั้งหนึ่ง(หรืออาจจะปิดเครื่องไปเลยแล้วค่อยเปิดใหม่ก็ได้ เมื่อลองมาถึงข้อนี้แล้วแต่ GPS บน Android ยังไม่ทำงานตามปกติเรายังมีวิธีต่อไปเพื่อให้คุณลองทำเองเบื้องต้นก่อนที่จะเอาเครื่องเข้าศูนย์


5. ลองใช้โหมดความแม่นยำที่ดีขึ้น(Accuracy Modes)

Location Services Shortcut 1

โทรศัพท์ Android รุ่นใหม่สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำของ GPS ได้หลายวิธี หาก GPS ของคุณใช้เวลานานกว่าจะล็อคสัญญาณกับดาวเทียมได้หรือทำงานได้ไม่ดี คุณควรตรวจสอบว่าคุณเปิดใช้งานตัวช่วยความแม่นยำเหล่านี้แล้วหรือไม่ นี่เป็นวิธีหนึ่งที่คุณสามารถจะทำได้ด้วยตัวเองด้วยการดึงหน้าต่างแอปลงมาแล้วแตะทางลัดตำแหน่งค้างไว้เพื่อไปที่การตั้งค่า

ชื่อหรือวิธีการที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเวอร์ชัน Android หรือแบรนด์มือถือของคุณ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเข้าถึงได้รวดเร็วโดยการไปที่หน้าการตั้งค่า Android(หรือหน้า Settings) แล้วค้นหาการตั้งค่าตำแหน่ง(หรือ Location) ในการตั้งค่า

หนึ่งในหน้าการตั้งค่าตำแหน่งจะมีจุดสนใจสองจุดที่คุณต้องให้ความสนใจอยู่ 2 จุดขั้นแรกให้ตรวจสอบว่าโทรศัพท์ของคุณตั้งค่าให้ใช้บลูทูธและ Wi-Fi เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของ GPS เอาไว้หรือไม่ หากเปิดใช้งาน โทรศัพท์ของคุณจะสามารถค้นหาฮอตสปอต Wi-Fi ในพื้นที่หรือหอสัญญาณ Bluetooth ที่รู้จักได้ ซึ่งมันจะช่วยระบุตำแหน่งคร่าวๆ ของคุณในได้ทันที

Improve Accuracy

คุณควรตรวจสอบด้วยว่าได้ใรการเปิดใช้งานความแม่นยำของตำแหน่งของ Google ด้วยแล้วหรือยัง

Google Accuracy

2 วิธีการนี้จะช่วยปรับปรุงตำแหน่งในการจับสัญญาณของ GPS บน Android ได้ดีเป็นอย่างมาก


6. ชาร์จโทรศัพท์ของคุณหรือปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน

Charge Phone

ฟังก์ชั่น GPS ค่อนข้างใช้ไฟฟ้ามาก เมื่อประจุไฟในแบตเตอรี่บนโทรศัพท์ของคุณต่ำมากจนเกินไป โทรศัพท์อาจเปลี่ยนเป็นโหมดประหยัดพลังงานพิเศษ(power saving mode) ไม่ว่าจะเป็นแบบมาตรฐานที่เป็นส่วนหนึ่งของ Android หรืออาจเป็นแบบดัดแปลงที่ปรับแต่งโดยแบรนด์ผู้ผลิตโทรศัพท์ของคุณ

ดังนั้นหากแบตเตอรี่ของคุณเป็นสีแดงและเปิดโหมดประหยัดพลังงานอยู่แล้วล่ะก็ให้คุณปิดใช้มันก็ิอาจจะทำให้ฟังก์ชัน GPS ของคุณกลับมาทำงานได้อย่างถูกต้องอีกครั้ง ซึ่งคุณต้องยอมรับว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณจะหมดเร็วขึ้นมากขึ้นดังนั้นคุณต้องชั่งใจดูว่าจะยอมใช้ GPS ต่อหรือจะรักษาปริมาณแบตเตอรี่เอาไว้ อย่างไรก็ตามจะเป็นการดีมากหากคุณสามารถเสียบโทรศัพท์เข้ากับแหล่งจ่ายไฟไม่ว่าจะเป็น Power Bank หรือช่องเสียบไฟในรถยนต์ซึ่งโ?รศัพท์ของคุณจะปิดการใช้งานโหมดประหยัดพลังงานทันที ด้วยเหตุนี้จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะมีแบตสำรองหรือที่ชาร์จ USB ติดเอาไว้ในรถยนต์ตลอดเวลาอยู่เสมอ


7. ติดตั้งใหม่หรืออัปเดตแอปพลิเคชันแผนที่ของคุณ

map application 001

ในบางครั้งปัญหาก็ไม่ใช่ฟังก์ชัน GPS ในโทรศัพท์ของคุณเกิดปัญหาขึ้น แต่เป็นที่แอปที่มีไว้เพื่อใช้งานในการนำทางของคุณเองต่างหากที่มีปัญหา คุณสามารถยืนยันสิ่งนี้ได้โดยเปลี่ยนไปใช้แอปพลิเคชันอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องซึ่งใช้ GPS หากแอปนั้นทำงานได้เป็นปกติเราก็ต้องหันความสนใจไปแอปนำทางของคุณแทน

โดยทั่วไปแล้วมีสองสิ่งที่คุณสามารถทำได้ โดยวิธีหนึ่งคือไปที่ App Store ของคุณและดูว่าแอปพลิเคชันแผนที่ของคุณมีการอัปเดตที่รอดำเนินการอยู่หรือไม่ หากเวอร์ชันของแอปล้าหลังจนเกินไป อาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับ GPS ได้อยู่ตลอดเวลา หากไม่มีการอัปเดตที่รอดำเนินการ อีกวิธีที่คุณต้องลองดูก่อนก็คือทำการถอนการติดตั้งและติดตั้งแอปใหม่ดูอีกครั้ง หลังจากนั้นให้ทดสอบดูว่าแอปทำงานได้ตามปกติหรือไม่


8. ใช้แอปวินิจฉัย GPS

GPS

แอปอย่าง Google Maps วางชั้นซอฟต์แวร์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ไว้ระหว่างคุณกับฮาร์ดแวร์ตัวรับสัญญาณ GPS ในโทรศัพท์ของคุณอย่างที่ควรจะเป็น แต่นั่นก็อาจทำให้แอปหยุดทำงานอย่างไม่ถูกต้องบ้างในบางครั้ง โชคดีที่มีแอป GPS สำหรับโทรศัพท์ Android ที่จะแสดงการอ่านค่าดิบจากฮาร์ดแวร์ GPS ซึ่งมีประโยชน์ทั้งในการถ่ายทอดพิกัดที่แน่นอนของคุณให้ผู้อื่นอย่างรวดเร็วและเพื่อวินิจฉัยปัญหา GPS

แอปหนึ่งที่เราอยากแนะนำให้คุณได้ลองใช้งานคือ GPS Status and Toolbox ซึ่งจะให้ชุดตัวเลขทั้งหมดที่หน่วย GPS ของคุณปล่อยสัญญาณออกมาบนหน้าจอ หากคุณมีโทรศัพท์เครื่องอื่นที่มีแอปนี้คุณสามารถเปรียบเทียบค่าที่อ่านได้เพื่อให้แน่ใจว่าค่าของโทรศัพท์ทั้ง 2 ในบริเวณที่คุณใช้งานนั้นแสดงผลออกมาเท่ากันหรือไม่ ซึ่งหากไม่แสดงอะไรเลยหรือแสดงข้อผิดพลาด คุณอาจกำลังเจอกับปัญหาฮาร์ดแวร์ที่ต้องเอาโทรศัพท์ไปเข้าศูนย์เพื่อซ่อมแล้วล่ะ


การหลงทางในดินแดนที่ไม่คุ้นเคยกะทันหันอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวเล็กน้อย แต่หวังว่าหลังจากผ่านรายการตรวจสอบปัญหาที่อาจเกิดจากบทความนี้แล้ว คุณจะสามารถถึงจุดหมายปลายทางได้ในเวลาอันรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ไม่มีเทคโนโลยีใดที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำให้คุณซื้อแผนที่แบบที่เป็นกระดาษจริงเก็บไว้กับคุณ ในรถยนต์เผื่อในกรณีที่คุณไม่สามารถใช้งาน GPS บน Android ได้หรือแบตเตอรี่ดันหมดเอาซะดื้อ ดังนั้นความไม่ประมาทคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดที่คุณจะสามารถใช้งานได้จริงๆ กับการเดินทางของคุณ หรืออีกวิธีที่คุณควรลองหากไม่ได้ผลจริงๆ ก็คือการสอบถามผู้คนที่อยู่แถวนั้นว่าสถานที่ที่คุณต้องการไปนั้นต้องเดินทางอย่างไร(ในกรณีที่คุณไม่ได้ GPS บน Android พังไปตอนอยู่ในป่ารกทึบนะ)

ที่มา : helpdeskgeek

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก