ในการทัวร์สิงคโปร์เพื่อเก็บภาพบรรยากาศของเราในครั้งนี้ เรียกได้ว่าได้กันมาหลายที่ทีเดียว ซึ่งแต่ละร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของ Apple ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่เครื่องขาย และก็มีจำนวนไม่มากด้วย ทำให้ค่อนข้างลำบากที่จะหามาทดลองเล่น เพราะตามร้านส่วนใหญ่ก็จะไม่มีเครื่องตั้งโชว์ให้ลูกค้าได้ลองเล่นกันก่อน
แต่พอทีมงานเราลองเดินไปร้าน iStudio ที่ห้าง Plaza Singarapura ปรากฏว่ามีการตั้ง iPhone 5 ที่เป็นเครื่องโชว์ไว้ให้ลองเล่นกันก่อนได้ด้วย ซึ่งทีมงานเราก็ไม่พลาดที่จะทำการ hands-on มาให้อ่านกันก่อนครับ เอาเป็นว่าไปชมกันเลยดีกว่า
ตัวเครื่องของ iPhone 5 นั้น สัมผัสแรกที่หยิบขึ้นมาก็คือน้ำหนักตัวเครื่องที่เบาลงกว่าใน iPhone 4/4S มาก ซึ่งก็เนื่องมาจากการเปลี่ยนวัสดุมาใช้เป็นอะลูมิเนียมแบบ unibody เป็นแกนหลักของเครื่อง ทำให้ได้ในเรื่องของน้ำหนักที่เบาลงกว่าเดิม ในขณะที่ความบางก็บางลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อลองจับจริง ส่วนความรู้สึกในการจับเครื่องนั้น ถนัดมือพอสมควรครับ เนื่องด้วยทั้งบางและเบากว่าเดิม ทำให้ถือได้นานๆ ไม่เมื่อยมือเหมือนในรุ่นก่อนหน้า จึงน่าจะทำให้หลายๆ คนที่เล่นเกมใน iPhone สามารถเล่นได้นานขึ้นแน่ๆ โดยเฉพาะคนในสิงคโปร์ที่นิยมเปิดคลิป/ดูวิดีโอกันบนมือถือระหว่างเดินทาง คงจะชอบกันไม่น้อยทีเดียว เพราะจอของ iPhone 5 ได้เปลี่ยนมาใช้อัตราส่วนจอเป็น 16:9 ซึ่งก็คือเหมือนๆ กับสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นของแพลตฟอร์มอื่นๆ นั่นเอง
ส่วนเรื่องจอนั้น มีความยาวขึ้น ทำให้มีเนื้อที่ในการแสดงผลในทางยาวที่เพิ่มขึ้นจากเดิมพอสมควร โดยถ้าเทียบจากหน้าเว็บ SpecPhone ของเรา จะพบว่าเนื้อหาส่วน Latest Content มีการแสดงขึ้นมาหนึ่งข่าวครึ่ง ส่วนใน iPhone รุ่นก่อนหน้าทั้งหมดที่ใช้จอขนาด 3.5 นิ้วจะสามารถแสดงได้แค่หัวข้อตรงคำว่า Latest Content เท่านั้น ซึ่งเรื่องของจอที่ยาวขึ้น นอกจากจะช่วยให้ผู้ใช้ iPhone 5 สามารถอ่านเนื้อหาได้มากขึ้นแล้ว ยังจะมีประโยชน์กับผู้ใช้ในไทยที่ใช้งาน iOS 6 แล้วมีการเปลี่ยนหน้าตาของคีย์บอร์ดไปเป็นแบบ 4 แถวด้วย (แต่ความกว้างของปุ่มยังเท่าๆ เดิมนะ)
เรื่องสีสันของหน้าจอ จัดว่าสดใสและเป็นธรรมชาติดีตามสไตล์ของ iPhone ที่มาเป็นแนวทางนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่มุมมองด้านข้างๆ ก็ยังมีจุดที่มองแล้วแสงเพี้ยนอยู่บ้างเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังมีจุดที่เปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีกเช่น การย้ายตำแหน่งกล้องหน้าไปไว้ตรงกลาง เหนือลำโพงสนทนา ส่วนเซ็นเซอร์วัดแสงนั้นก็มีเปล่ียนตำแหน่งเล็กน้อยครับ
มาดูด้านหลังกันต่อ ฝาหลัง iPhone 5 นี้เปลี่ยนมาใช้เป็นอะลูมิเนียมแบบเดียวกับของ MacBook รุ่นใหม่ๆ ที่เป็นแบบ unibody ทำให้ผิวสัมผัสและความรู้สึกนั้นใกล้เคียงกับตัวของ MacBook มาก คือลื่น ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเวลาจับ ไม่มีอาการหนืดมือให้เห็น แต่ถ้ามือมีเหงื่อก็อาจจะทิ้งรอยได้พอสมควรอยู่ รวมไปถึงรอยนิ้วมือที่อาจพอมีติดบ้างเวลาใช้งาน โดยเฉพาะเวลาที่กระทบกับแสงก็จะเห็นรอยนิ้วมือได้ง่ายขึ้นนิดหน่อย ส่วนของแผ่นปิดตรงส่วนหัว/ท้ายของ iPhone 5 นั้น ความรู้สึกและหน้าตาจะคล้ายๆ กับฝาหลังของ iPhone 4/4S ครับ โดยแต่ละแผ่นจะถูกตัดมาพอดี และมีการเว้นช่องของกล้องและแฟลชไว้ เนื่องจากรอบๆ กล้องมีการติดตั้งขอบโลหะกันกระแทก และครอบหน้ากล้องด้วย Sapphire Crystal
อีกจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือมีการย้ายไมค์ช่วยตัดเสียงรบกวนจากที่เคยอยู่ส่วนสันด้านบนของเครื่องมาไว้ข้างๆ กล้องแทน
จุดที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือพอร์ตเชื่อมต่อซึ่งเปลี่ยนมาใช้เป็นพอร์ต Lightning เมื่อลองจับดูแล้ว พบว่าหัวของมันเล็กและบางมาก (ลองเทียบกับขนาดหัวแม่มือในภาพก็ได้ครับ) ส่วนเรื่องความแข็งแรงนั้นก็ไม่ต้องห่วงเลย แม้ว่าจะไม่ได้ใช้การยึดติดกับพอร์ตด้วยแม่เหล็ก แต่ก็ยังมีความแข็งแรงขนาดสามารถจับแต่สาย แล้วห้อยเครื่องลงมาได้สบายๆ ทั้งนี้ก็เนื่องด้วยการใช้กลไกสลักล็อกข้างในตัวเครื่องครับ ซึ่งที่หัวของสาย Lightning จะมีการบากร่องเอาไว้ใช้สำหรับล็อกสายติดกับเครื่องอยู่
แถมยังมีข้อดีที่หลายคนพอทราบกันแล้ว นั่นคือสามารถเสียบสาย Lightning ด้านใดก็ได้เข้ากับ iPhone 5 ทำให้มีความสะดวกในการใช้งานจริงมากขึ้น เพราะปัญหาเรื่องการเสียบสายผิดด้านก็ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน นับว่า Apple มีความใส่ใจกับรายละเอียดส่วนนี้มากขึ้นพอสมควร
ด้านบนของ iPhone 5 ก็จะมีแต่ปุ่มเปิด/ปิดหน้าจอเท่านั้นครับ ?ขนาดของปุ่มก็เท่าๆ เดิม แต่ความรู้สึกในการกดเปลี่ยนไป เพราะผิวสัมผัสที่ต่างไปจากเดิม คือออกจะลื่นๆ เล็กน้อย แต่ใช้ไปซักพักก็น่าจะชิน
ฝั่งซ้ายของเครื่องก็มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง รวมไปถึงสวิทช์เปิด/ปิดเสียงเช่นเคย?
ฝั่งขวาของเครื่องมีช่องใส่ซิมการ์ด ซึ่งซิมการ์ดที่จะใช้ต้องเป็นนาโนซิมเท่านั้น
ต่อไปก็เป็นการเปรียบเทียบกับ iPhone 4 นะครับ เห็นได้ชัดเจนเรื่องขนาดของถาดใส่ซิมที่เล็กลงกว่าเดิมและความหนาของเครื่องที่บางกว่าค่อนข้างชัดเจน (แอบเห็นรอยนิ้วมืออยู่ตรงสันข้าง แสดงว่าน่าจะเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายจริงๆ)
พอมาทางด้านซ้าย ตำแหน่งของปุ่มและสวิตช์ควบคุมเกี่ยวกับเสียงมีความเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ด้านล่างตัวเครื่องดูจะเป็นอะไรที่มีความแตกต่างจาก iPhone 4/4S มากที่สุดแล้ว เนื่องด้วยมีทั้งเปลี่ยนหน้าตาของพอร์ตไปใช้เป็นแบบ Lightning ที่สั้นกว่าเดิมประมาณสองเท่ากว่าๆ น็อตที่ใช้ยึดก็มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม ส่วนของช่องลำโพงก็เปลี่ยนไป รวมไปถึงการย้ายตำแหน่งของช่องเสียบหูฟังมาไว้ด้านล่างด้วย ส่วนความหนาของตัวเครื่องก็ชัดเจนว่าพอๆ กับส่วนที่เป็นกรอบโลหะของ iPhone 4/4S เลย
ด้านบนก็เป็นการหายไปของช่องเสียบหูฟังที่ย้ายไปอยู่ด้านล่างแทน รวมไปถึงช่องรับเสียงของไมค์ตัดเสียงที่ไปอยู่ข้างๆ กล้องหลังแทนด้วย
ทีนี้มาเทียบด้านหลังกันบ้าง จะเห็นความแตกต่างในเรื่องของความยาวเครื่องที่ชัดเจนมาก ว่ามีความยาวแค่ราวๆ ขอบล่างของส่วนที่เป็นอะลูมิเนียมเท่านั้น พื้นผิวก็มีความแตกต่างกัน คือของ iPhone 5 จะมีแค่ส่วนของแผ่นปิดตรงส่วนบนและล่างเท่านั้นที่สะท้อนแสงและพอใช้แทนกระจกได้
ส่วนบนที่มีกล้องหลังติดตั้งอยู่ก็มีความแตกต่างกัน คือระยะห่างระหว่างกล้องและแฟลช LED ที่เพิ่มขึ้นเยอะมาก ?ส่วนของโลหะที่เป็นกรอบล้อมรอบกล้องก็มีความแตกต่างกัน
เรื่องคุณภาพของกล้องนั้น อาจจะยังเห็นไม่ชัดเท่าไรครับ เพราะต้องรีบๆ เล่น เนื่องจากมีคนมาต่อคิวยืนลองใช้เยอะพอสมควรเลย แต่เท่าที่ลองถ่ายและลองดูภาพที่มีคนถ่ายไว้แล้ว พบว่าเรื่องการวัดแสงแบบอัตโนมัติของกล้องและซอฟต์แวร์ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ภาพพาโนรามาก็ทำได้ค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง และที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการเปิดใช้งานกล้องที่เร็วกว่าเดิมจริงๆ ถ้าให้เทียบกับ iPhone 4 ที่ผมใช้อยู่ มั่นใจได้ว่าเร็วกว่ากันเป็นวินาทีเลยทีเดียว
ภาพสุดท้ายก็ขอเทียบหน้าจอเวลาเปิดเครื่องของ iPhone 5 เทียบกับ iPhone 4 นะครับ เรื่องความสว่างคงเทียบกันไม่ได้เพราะผมไม่ได้เปิดให้สว่างมากนัก ที่เห็นได้ชัดก็คือ layout การจัดไอคอนของจอที่ยังมีระยะห่างเท่าเดิม แต่สามารถแสดงเพิ่มได้อีกหนึ่งแถว ซึ่งก็เนื่องมาจากจอที่ยาวขึ้นนั่นเอง
ส่วนประสิทธิภาพการทำงานนั้น จัดได้ว่าเร็วกว่าเดิมค่อนข้างมาก สามารถเปิดใช้งานแอพได้รวดเร็วทันใจ ส่วนความลื่นคงไม่ต่างจากเดิมมากนัก เพราะ iOS เป็นแพลตฟอร์มของสมาร์ทโฟนที่จัดได้ว่ามีความลื่นในระดับต้นๆ อยู่แล้ว (ถ้าลงเวอร์ชันของ iOS ในเครื่องที่เหมาะสม) จึงทำให้เรื่องของความลื่นไม่ใช่ประเด็นหลักของการพิจารณาเลือกซื้อ iPhone รุ่นใหม่ๆ อยู่แล้ว
โดยถ้าให้พูดถึงการ hands-on iPhone 5 ระยะสั้นๆ วันนี้ สรุปว่า iPhone 5 เป็น iPhone ที่มีการพัฒนาและปรับปรุงจาก iPhone 4/4S ให้ดีขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของประสิทธิภาพและความสามารถในการรองรับการใช้งานทั่วๆ ไปของผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้ดีขึ้น เช่นด้านการตอบสนองที่ทันใจ แทบไม่ต้องรอเปิดแอพพื้นฐานนานๆ ส่วนเรื่องของจอที่ยาวขึ้นนั้นก็ช่วยให้ใช้งานเช่นการอ่านข้อมูลได้สะดวกขึ้นระดับหนึ่ง แต่ยังคงความสามารถในการพิมพ์ด้วยมือเดียวได้สะดวกอยู่เนื่องจากไม่มีการเพิ่มความกว้างของเครื่อง แถมยังจับเครื่องได้ง่ายกว่าเดิมด้วย ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยก็เก็บได้ดีตามแบบที่เป็นจุดเด่นของ Apple ส่วนข้อดีข้อเสีย คงต้องได้เครื่องมารีวิวจริงๆ ก่อนครับ ถึงจะสามารถค้นหาและพูดได้เต็มๆ
สรุป : ต้องลองเล่นดูครับ แล้วคุณจะติดใจความเร็วของมันที่เพิ่มขึ้นจากเดิมจริงๆ 🙂