หลังจากเปิดตัวในต่างประเทศ พร้อมกระแสความสนใจเป็นอย่างมากกับ LG G Flex ที่มาพร้อมเทคโนโลยีจอที่นับว่ายังใหม่สำหรับวงการมือถือ นั่นคือจอสัมผัสแบบโค้งงอและยืดหยุ่นได้ ในงาน Thailand Mobile Expo 2014 (TME 2014) ครั้งนี้ ทาง LG ก็ได้ฤกษ์นำเครื่องมาโชว์และเปิดสั่งจองกันด้วยครับ ซึ่งทางเราก็ได้ไปจับๆ เล่นๆ มานิดหน่อย และเก็บภาพมาฝากกันด้วย ไปชมกันเลยครับ
ลองจับ LG G Flex
ถ้าดูจากด้านหน้า จะพบว่าหน้าจอของ LG G Flex มันก็เหมือนจะไม่ต่างกับมือถือทั่วๆ ไปเท่าไรครับ เรื่องของความสว่าง สีสัน ความคมชัดก็หายห่วง เพราะ LG ขึ้นชื่อเรื่องจออยู่แล้ว โดยเฉพาะกับมือถือรุ่นไฮเอนด์ของตนในแต่ละปี ที่มักใส่เทคโนโลยีจอระดับพรีเมียมมาให้ทั้งนั้น
?หน้าตาของ LG G Flex ดูๆ แล้วก็จะคล้ายกับ LG G2 อยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่ตัวนี้จะมีหน้าจอที่ใหญ่กว่าครับ ตามสเปคคร่าวๆ ดังนี้เลย
- ชิปประมวลผล Snapdragon 800 Quad-core ความเร็ว 2.26 GHz
- แรม 2 GB
- รอม 32 GB
- หน้าจอ Curved Plastic OLED ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 3500 mAh
- สเปค LG G Flex เต็มๆ
- ราคา 24,990 บาท
สำหรับในงาน Thailand Mobile Expo 2014 (TME 2014) ครั้งนี้ จะเป็นเพียงการเปิดจองและมัดจำนะครับ รับของอย่างเร็วสุดในช่วงปลายเดือนนี้
ความโค้งของจอและตัวเครื่องครับ ผมลองวางเครื่องบนโต๊ะแล้วกดให้เครื่องแบนราบลงไปก็สามารถทำได้ แสดงให้เห็นว่าหน้าจอมันยืดหยุ่นได้จริงๆ (เนื่องจากใช้พลาสติก ไม่ได้ใช้กระจกเหมือนมือถือส่วนใหญ่ในปัจจุบัน)
อันที่จริงฝาหลังของ LG G Flex ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดเด่นเลย เนื่องจากมันสามารถลบรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วยตัวมันเอง (และแน่นอนว่าในงานนี้เราก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ลอง)
แผงปุ่ม Rear Key ที่เป็นจุดเด่นของ LG G2 ก็ยังคงติดมาใช้กับ LG G Flex ด้วยครับ ส่วนตัวรู้สึกว่าปุ่มมันใหญ่ขึ้นมากทีเดียว ซึ่งก็ขยายอัตราส่วนกันไปตามขนาดของเครื่องที่ใหญ่กว่า G2 นั่นเอง ลักษณะการใช้งานก็ยังเหมือนๆ เดิมครับ รวมถึงยังสามารถเคาะหน้าจอเพื่อปลดล็อก (Knock On) ได้เช่นกัน
ตัวปุ่ม Power จะนูนขึ้นมาสูงสุดของฝาหลัง
ส่วนด้านล่างของฝาหลังมีช่องลำโพง?
ข้างขวาของเครื่องไม่มีปุ่มกดหรือช่องใดๆ อยู่เลย
ส่วนด้านซ้ายจะมีช่องใส่ซิมการ์ดอยู่
ด้านล่างมีช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ช่องรับเสียงของไมค์สนทนา และช่อง Micro USB
LG G Flex มาพร้อมกับ Android 4.2.2 Jelly Bean ซึ่งก็ไม่น่าพลาดที่จะได้รับการอัพเดตเป็น Android 4.4 KitKat แน่นอนครับ
พื้นที่หน่วยความจำในเครื่องเหลือให้ใช้งานราวๆ 23 GB ด้วยกัน
ลองจับ OPPO R1
สำหรับ OPPO R1 นี้ ได้รับกระแสความสนใจเนื่องจากวัสดุและงานประกอบที่ดูแข็งแรง แน่นหนาเกินราคามากๆ ทางเราจึงไปลองจับ ลองเล่นและเก็บภาพมาฝากกันครับ
สเปค OPPO R1 ก็จัดว่าโอเคสำหรับการใช้งานทั่วไปครับ
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6582M Quad-core ความเร็ว 1.3 GHz
- แรม 1 GB
- รอม 16 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 2410 mAh
- วัสดุเป็นอะลูมิเนียม
- สเปค OPPO R1 เต็มๆ
- ราคา 12,990 บาท
ขนาดตัวเครื่องของ OPPO R1 ก็ถือว่าโอเคนะ ไม่ใหญ่ ไม่เล็กเกินไป สามารถใช้งานได้สบายตา หน้าจอสวย คมชัด สว่างดีด้วยครับ
ดีไซน์ด้านหน้ามาแบบเรียบๆ ปุ่มสั่งงานมีด้วยกันสามปุ่มคือปุ่มเมนู ปุ่มโฮมและปุ่มย้อนกลับ
มองจอจากด้านข้าง ภาพที่ได้ก็ยังโอเคดีครับ เห็นภาพได้ชัดเจนดี
ฝาหลังก็มาแบบเรียบๆ เช่นกัน ลักษณะการวางตำแหน่งของกล้องหลังอาจจะดูคุ้นตากันบ้าง ฝาหลังไม่สามารถแกะออกได้
ด้านบนมีช่องรับเสียงของไมค์ช่วยตัดเสียงรบกวนและช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ข้างขวาจะเป็นตำแหน่งของแถบปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง สังเกตว่าขอบเครื่องที่เป็นอะลูมิเนียมจะหุ้มไปรอบเครื่องเลยทีเดียว ส่วนนี้ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี และให้ความรู้สึกในการจับถือที่ค่อนข้างมั่นคง นึกถึงความรู้สึกเวลาจับ iPhone 4 และ iPhone 4S ก็ได้ครับ แต่ OPPO R1 เครื่องบางกว่ามากเลย งานประกอบโดยรวมของ R1 ก็แน่นหนา แข็งแรงดีมากๆ
ข้างซ้ายจะเป็นตำแหน่งของปุ่ม Power ตรงฝั่งบน ส่วนฝั่งล่างเป็นช่องถาดใส่ซิมการ์ดครับ
ส่วนด้านล่างจะมีช่องรับเสียงของไมค์สนทนา ช่อง Micro USB และช่องลำโพงติดตั้งอยู่เรียบเนียนไปกับขอบอะลูมิเนียมเลย
ตัว OPPO R1 จะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานเยอะพอสมควรทีเดียว สามารถลงแอพ ลงเกมได้สบายๆ แต่ถ้าจะลงหนังหรือเพลงด้วยก็ต้องระวังกันหน่อยนะครับ