เปรียบเทียบสเปค iPhone 15 vs iPhone 14 ต่างกันยังไง เลือกซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน ในราคาที่ต่างกันเพียง 3,000 บาทเท่านั้น

เปรียบเทียบสเปค iPhone 15 vs iPhone 14 ต่างกันยังไง เลือกซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน ในราคาที่ต่างกันเพียง 3,000 บาทเท่านั้น

หลังจากที่ iPhone 15 Series ได้เปิดตัวออกมาในคืนวันที่ 13 กันยายน 2023 ที่ผ่านมาก็ได้สร้างความฮือฮาไม่น้อยเลย สำหรับสเปคที่ปล่อยออกมาทั้งรุ่นปกติ และรุ่นโปรที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาค่อนข้างเยอะ ที่เด่นๆ ก็เห็นจะเป็นเรื่องของหน้าจอรุ่นปกติที่เปลี่ยนแปลงไป กล้องหลังที่ดีงามขึ้นเป็นอย่างมาก ที่สำคัญก็คือได้ใช้พอร์ตชาร์จแบบ USB-C เหมือนกันทุกรุ่นแล้ว (ดูสรุปงานเปิดตัว iPhone 15 ทุกรุ่นที่นี่) โดยหลังจากที่ iPhone 15 เปิดตัวออกมารุ่นก่อนหน้าที่วางขายจึงได้ลดลงไป จนตอนนี้ก็มีเหลือแค่ iPhone 13/ 14/ SE เท่านั้น สำหรับคนที่กำลังจะซื้อ iPhone มาใช้งาน และกำลังลังเลอยู่ว่าจะซื้อรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 14 หรือว่าจะปิดจบที่ iPhone 15 ไปเลยดีกว่ากัน วันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบสเปค iPhone 15 vs iPhone 14 ว่าต่างกันยังไง และจะเลือกซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน ในราคาที่ต่างกันเพียง 3,000 บาทเท่านั้น

• เปรียบเทียบดีไซน์ตัวเครื่อง
• เปรียบเทียบหน้าจอ
• เปรียบเทียบชิปประมวลผลและการเชื่อมต่อ
• เปรียบเทียบกล้องหน้าและกล้องหลัง
• เปรียบเทียบแบตเตอรี่และราคา
• สรุปซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน

รุ่นใหม่ดีไซน์ใหม่สวยขึ้นเยอะ

เริ่มต้นการเปรียบเทียบ iPhone 15 vs iPhone 14 กันที่รูปแบบบตัวเครื่องและการดีไซน์กันก่อนเลย โดยทั้งสองรุ่นยังคงมีด้านหน้าแบบ Ceramic Shield และใช้ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม สามารถกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP68 เหมือนกันทั้งคู่ แต่ว่าขนาดตัวเครื่อง iPhone 15 จะสูงกว่าหน่อย และมีน้ำหนักเบากว่านิดนึงด้วย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ iPhone 15 จะใช้ฝาหลังแบบกระจกแต่งสีขึ้นเดียวและมีผิวด้าน ลบมุมคมออกโค้งมนมากขึ้น ส่วนตรงโมดูลกล้องก็ปรับให้มีความกลมกลืนกับฝาหลังมากขึ้น ไม่ได้นูนขึ้นมาโดดๆ เหมือนรุ่นก่อนหน้าที่ iPhone 14 นั้นยังเป็นฝาหลังแบบกระจกเงา ที่สำคัญคือรูกล้องหน้า iPhone 14 ยังเป็นแบบรอยบาก แต่ว่า iPhone 15 เปลี่ยนมาเป็นแบบ Punch Hole แล้ว ส่วนเลนส์กล้องยังเป็นเลนส์คู่แนวทแยงเหมือนกัน และยังมีปุ่มเปิด/ปิดเสียงแบบสวิตช์เหมือนกันด้วย

หน้าจอรุ่นใหม่เข้าขั้นโปร สว่างได้มากกว่าและได้ Dynamic Island แล้ว

เปรียบเทียบ iPhone 15 vs iPhone 14 กันต่อด้วยเรื่องของหน้าจอที่รุ่นใหม่นั้นก็มีดีกว่าเห็นๆ ถึงแม้ว่าทั้งสองรุ่นนี้จะใช้หน้าจอ Super Retina XDR แบบ OLED ขนาดกว้าง 6.1 นิ้วที่รองรับ HDR แสดงผลได้แบบ True Tone และมีขอบเขตสี P3 และปลดล็อคด้วย Face ID เหมือนกันหมด แต่ว่ารุ่นใหม่นั้นมีความสว่างหน้าจอที่มากกว่า เทียบเท่าได้กับรุ่นโปรทั้งหมดเลยทีเดียว โดยสว่างกลางแจ้งได้สูงสุดถึง 2,000nits ในขณะที่ iPhone 14 จะทำความสว่างสูงสุดแบบ HDR ได้เพียง 1,200nits เท่านั้น ดังนั้นการใช้เครื่องตอนออกแดดหรือในที่แสงจ้ามากๆ รุ่นใหม่ทำได้ดีกว่าแน่นอน ที่สำคัญก็คือ iPhone 14 ยังคงมีรูกล้องหน้าแบบรอยบากแบบทั่วไป แต่ว่า iPhone 15 นั้นใช้แบบเจาะรูพร้อมฟีเจอร์ Dynamic Island ที่เหมือนกับรุ่นโปรหมดทุกรุ่นแล้ว สามารถปรับตั้งค่าให้ยืดหดได้ตามการใช้งาน จุดนี้ถือว่าดีงามกว่ามากๆ

ชิปประมวลผลก็ยังได้ของรุ่นโปรมาอีก

มาดูที่การเปรียบเทียบ iPhone 15 vs iPhone 14 กับตัวชิปประมวลผลกันบ้างที่แน่นอนว่า iPhone 14 นั้นก็ได้ชิป A15 Bionic ที่มาจากรุ่นโปรของ iPhone 13 Pro แต่ว่า iPhone 15 ก็ขยับตามไปเป็นชิปรุ่นโปรอย่าง A16 Bionic ใน iPhone 14 Pro เหมือนกัน ดังนั้นในเรื่องของความเร็วแรง ประหยัดพลังงานนั้นต้องยกให้รุ่นใหม่ เพราะได้ชิปของรุ่นโปรในซีรีส์ของ iPhone 14 มาแทนแล้ว โดยทั้งสองรุ่นมีแรมและความจุเท่ากันที่ RAM 6GB กับ ROM 128/256/512GB นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นก็ยังมีฟีเจอร์ที่เหมือนกันอีกไม่ว่าจะเป็นการตรวจการชนกัน, การเล่นเสียงตามตำแหน่ง, รองรับ Dolby Atmos และเซ็นเซอร์ที่เหมือนกันทั้งหมด ส่วนการเชื่อมต่อก็คล้ายกันที่ 5G/ Wi-Fi6/ BT 5.3/ NFC แต่ว่ารุ่นเก่านั้นมีชิปอัลตร้าไวด์แบนด์รุ่นแรก แต่ว่ารุ่นใหม่ได้ใช้ ชิปอัลตร้าไวด์แบนด์ รุ่นที่ 2 ที่มีความแม่นยำในการหาตำแหน่งได้มากกว่า

กล้องรุ่นใหม่ชัดขึ้น ซูมได้ดีขึ้นพอๆ กับรุ่นโปร

อีกหนึ่งจุดสำคัญในการเปรียบเทียบ iPhone 15 vs iPhone 14 ก็คือเรื่องของกล้อง กล้องหน้าของทั้งสองรุ่นนี้มีสเปคเดียวกันคือ TrueDepth 12MP พร้อม Photonic Engine/ Deep Fusion ถ่ายวิดีโอได้ 4K แต่ว่า iPhone 14 นั้นมี HDR อัจฉริยะ 4 แต่ว่าของ iPhone 15 จะเป็น HDR อัจฉริยะ 5 ถ่ายย้อนแสงหรือที่แสงน้อยได้ดีกว่าพร้อมโฟกัสให้อัตโนมัติ จุดที่แตกต่างกันแบบเทียบไม่ได้เลยก็คือกล้องหลังที่ iPhone 14 เป็นกล้องคู่ความละเอียด 12MP ทั้งสองเลนส์มีกันสั่นและซูมแบบออปติคัลได้ 0.5x/ 1x ถ่ายทั่วไปถ่ายกลางคืนหรือถ่ายบุคคลได้สวยอยู่แล้ว

แต่ว่า iPhone 15 ก็ขยับขึ้นไปอีกขั้นด้วยกล้องหลัก 48MP อัลตร้าไวด์ 12MP พร้อมกันสั่นและ Photonic Engine ที่รวมภาพได้ความละเอียดสูงเป็นพิเศษ 24MP/ 48MP ถ่ายโหมดกลางคืนได้ดีขึ้น รองรับ HDR อัจฉริยะ 5 ถ่ายย้อนแสงได้ดีงาม ที่สำคัญคือมีฟีเจอร์การถ่ายแบบเทเลโฟโต้ ที่เลือกซูมแบบออปติคัลได้ 0.5x/ 1x/ 2x จัดภาพได้ดีขึ้น ซูมได้มากขึ้นเหมือนมีกล้องตัวที่ 3 อีกทั้งยังมีภาพถ่ายบุคคลเจเนอเรชั่นถัดไป ที่ถ่ายได้อย่างคมชัด และยังสามารถหยิบขึ้นมาถ่ายบุคคลหรืออะไรก็ตาม และค่อยไปเลือกปรับโฟกัสได้ในแอพรูปภาพ ไม่ต้องมาคอยกดตอนถ่ายให้ยุ่งยากเสียเวลา ส่วนการถ่ายวิดีโอยังคงเหมือนกันที่ 4K HDR มีทั้งโหมดแอ็คชั่น, โหมดภาพยนตร์ 4K เหมือนกันด้วย

แบตพอกันแต่รุ่นใหม่ได้ USB-C แล้ว มีราคาต่างกันพอสมควร

ปิดท้ายกันด้วยการเปรียบเทียบ iPhone 15 vs iPhone 14 เรื่องแบตเตอรี่ที่ทั้งสองรุ่นนี้มีการใช้งานที่เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นการดูวิดีโอได้ 20 ชม. ดูแบบสตรีมได้ 16 ชม. และฟังเพลงได้ต่อเนื่องสูงสุด 80 ชม. เท่ากัน และยังรองรับอะแดปเตอร์ขนาด 20W หรือสูงกว่า สามารถชาร์จได้สูงสุด 50% ใน 30 นาทีกับการใช้การชาร์จแบบไร้สายด้วย MagSafe และ Qi ได้เหมือนกันด้วย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปและดีขึ้นมากๆ เลยก็คือ iPhone 15 นั้นได้เปลี่ยนมาใช้ USB-C ที่ใช้ร่วมกับ Mac/ iPad ได้แล้ว ในขณะที่ iPhone 14 ยังคงเป็นแบบ Lightning เหมือนเดิม (ทั้งนี้ก็มีขาย USB-C to Lightning ในราคา 1,190 บาทด้วย) ถึงแม้ทั้งสองรุ่นจะต่างกันที่พอร์ตชาร์จ แต่ว่าการถ่ายโอนข้อมูลยังรองรับ USB 2 เท่ากัน ส่วนราคาทั้งสองรุ่นมีความต่างกันเพียง 3,000 บาทเท่านั้น ดูแต่ละรุ่นได้จากตารางด้านล่าง และสามารถสั่งซื้อ iPhone 14 ได้ที่นี่ หรือ iPhone 15 ที่นี่ (iPhone 15 เปิดจอง 15 ก.ย. 2023 วางขายจริง 22 ก.ย. 2023 นี้)

สรุปซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน

จากการเปรียบเทียบสเปคต่างๆ ระหว่าง iPhone 15 vs iPhone 14 ถ้าให้สรุปจากความคิดเห็นส่วนตัวของแอดเองแล้ว การที่จะซื้อใหม่ระหว่าง iPhone 15 vs iPhone 14 นั้นยังไงแล้วรุ่นใหม่อย่าง iPhone 15 ก็คุ้มค่าและมีสเปคที่กินขาดไปหลายๆ เรื่อง หรือจะบอกว่าเหมือนได้ซื้อ iPhone 14 Pro รุ่นประหยัดเลยก็ว่าได้ เพราะสเปคภายในหลายๆ อย่างคล้ายกับ iPhone 14 Pro มาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Dynamic Island มีความสว่างมากกว่า ได้ชิป A16 และกล้องที่ถ่ายซูมหรือถ่ายปกติได้ดีขึ้นอย่างมาก ทำให้คนที่จะซื้อไปเน้นเล่นเกมหรือเน้นถ่ายรูปก็ตอบโจทย์ได้มากกว่า แถมยังมีดีไซน์ใหม่กับสีสันที่สวยเอาเรื่อง และยังได้ USB-C กับฟีเจเจอร์ใหม่ๆ อีกเพียบ ดังนั้นถ้าต้องตัดสินใจซื้อรุ่นใหม่ระหว่างทั้งสองรุ่นนี้แนะนำว่าเป็นตัว iPhone 15 จะคุ้มกว่า แต่ถ้าใครคิดว่าไม่ได้ต้องการใช้งานฟีเจอร์เยอะขนาดโปร หรือว่าอยากประหยัดงบก็สามารถเลือก iPhone 14 ที่ยังคงเร็วแรงและใช้งานได้ดีก็ได้เหมือนกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กัยความพึงพอใจของแต่ละคนด้วย

ขอบคุณข้อมูลการเทียบ iPhone 15 vs iPhone 14 และรูปภาพทั้งหมดจาก Apple TH