เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 รุ่นเริ่มต้นต่างกันแค่ไหน ซื้อรุ่นไหนดีกว่ากันในปี 2025
หลังจากที่เราได้เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Ultra vs iPhone 16 Pro Max รุ่นใหญ่กันไปแล้ว ตอนนี้ก็มาถึงคราวของรุ่นเริ่มต้นกันบ้าง ที่ทั้งสองรุ่นนี้เป็นรุ่นล่าสุดของทั้งสองแบรนด์ใหญ่อย่าง Samsung และ Apple แล้วในตอนนี้ โดยรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Samsung Galaxy S25 ก็ได้มีการอัพเกรดสเปคขึ้นมาพอสมควร ทั้งเรื่องความเร็วและประสิทธิภาพ รวมไปถึงการใช้งาน Galaxy AI เต็มรูปแบบ ส่วนทางด้านของ iPhone 16 ก็ได้ชิปใหม่และอัพประสิทธิภาพมาเช่นกัน ไปดูกันว่าระหว่าง Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 ถ้าเปรียบเทียบกันแล้วมีอะไรที่ต่างกันบ้าง และจะซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน
สรุปเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 ซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน
ตารางเปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16
ข้อมูล\ รุ่น | Samsung Galaxy S25 | iPhone 16 |
ขนาด | 146.9 x 70.5 x 7.2 มม. | 146.7 x 71.6 x 7.8 มม. |
น้ำหนัก | 162 กรัม | 170 กรัม |
สี | Navy/ Icyblue/ Silver Shadow/ Mint สีพิเศษ: Blueblack/ Coralred/ Pinkgold | น้ำเงินอัลตร้ามารีน, น้ำเงินอัลตร้ามารีน เขียวอมฟ้า, เขียวอมฟ้า ชมพู, ขาว, ดำ |
หน้าจอ | Dynamic AMOLED 2X | Super Retina XDR แบบ OLED Dynamic Island |
ความกว้างหน้าจอ | 6.2 นิ้ว (2340 x 1080) | 6.1 นิ้ว (2556 x 1179) |
ความสว่าง | 2,600nits peak | 2,000nits peak |
Refresh Rate | 1-120Hz Adaptive | 60Hz |
ชิป | Snapdragon 8 Elite For Galaxy | Apple A18 |
RAM | 12GB | 8GB |
ROM | 256/512GB | 128/256/512GB |
การเชื่อมต่อ | 5G, Wi-Fi7 | 5G, Wi-Fi7 |
AI | Galaxy AI | Apple Intelligence |
กล้องหน้า | 12MP (𝑓/2.2) | TrueDepth 12MP (ƒ/1.9) |
กล้องหลัง | หลัก: 50MP อัลตร้าไวด์: 12MP เทเลโฟโต้: 10MP | หลัก: 48MP อัลตร้าไวด์: 12MP |
การซูม | 0.6x, 1x, 2x, 3x, 30x | 0.5x, 1x, 2x, 4x, 10x |
วิดีโอ | 8K@30fps | 4K@60fps |
แบตเตอรี่ | 4,000 mAh/ 25W | 3,561 mAh/ ~27W |
ราคา | 256GB: 29,900 บาท 512GB: 34,900 บาท | 128GB: 29,900 บาท 256GB: 33,900 บาท 512GB: 41,900 บาท |
เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16
เริ่มต้นกันด้วยการเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 ที่ด้านดีไซน์ตัวเครื่องกันก่อนเลย ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีดีไซน์ที่คล้ายๆ กัน ทั้งขนาดและหน้าจอ แต่ว่ารุ่นใหม่อย่าง Galaxy S25 นั้นได้ลดความบางไปอีก ทำให้บางกว่า iPhone 16 พอสมควรเลย รวมไปถึงน้ำหนักที่เบากว่าด้วย ส่วนวัสดุทั้งคู่ใช้เป็นอะลูมิเนียมเหมือนกันแต่เป็นคนละแบบ ทั้งนี้โมดูลกล้องหลังของทั้งสองรุ่นก็เรียงลงมาแบบเดียวกัน แต่ของ iPhone 16 ยังมีกรอบนูนขึ้นมา และของ Galaxy S25 นั้นฝังไปกับฝาหลังเลย และยังกันน้ำกันฝุ่นที่ IP68 เหมือนกันด้วย
ทางด้านหน้าจอระหว่าง Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 นั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนมากๆ โดยตัว iPhone 16 นั้นใช้หน้าจอ Super Retina XDR แบบ OLED ที่มีความกว้างอยู่ 6.1 นิ้ว สามารถใช้งาน Dynamic Island ได้ และสว่างได้เพียง 2,000nits กับ Refresh Rate 60Hz เท่านั้น จุดนี้เองที่อาจทำให้สู้กันได้ยาก เพราะว่า Galaxy S25 มีความสว่างได้ถึง 2,600nits และมีจอที่ลื่นกว่าแบบ Adaptive Refresh Rate 1-120Hz นอกจากนี้ยังมีจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้วที่ใหญ่กว่านิดหน่อยด้วย
ในส่วนของชิปประมวลผลของ Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 ครั้งนี้รุ่นใหม่อย่าง Galaxy S25 ก็ได้เปลี่ยนใจมาใช้ชิป Snapdragon 8 Elite For Galaxy ที่ปรับปรุงมาใหม่ทำให้มีทั้งความเร็วและแรงกว่าเดิมเยอะมาก เล่นเกมได้สมจริงด้วย Ray Tracing และ Vulkan ปรับปรุงใหม่ ที่สำคัญคือได้อัพเกรด RAM เป็น 12GB ไปแล้ว ในขณะที่ iPhone 16 นั้นยังมี RAM 8GB เท่าเดิม มาพร้อมกับชิป Apple A18 มีความเร็วแรเล่นเกมได้ลื่นไม่แพ้กัน โดยมีความจุเริ่มต้นให้ 128GB ส่วนของ S25 นั้นเริ่มที่ 256GB ไปแล้ว
ทั้งนี้เรื่องของ AI ก็เดือดไม่แพ้กัน เพราะว่า Galaxy S25 นั้นได้อัพเกรด Galaxy AI ให้ดีขึ้นไปอีกระดับ มีความสามารถที่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการปุ่ม Power ค้างเพื่อเรียกใช้งาน, Now Brief สรุปข้อมูล, Gemini Live พูดคุยได้เป็นธรรมชาติ, Circle To Search ที่หาภาพและเพลงได้ง่ายขึ้น, Audio Eraser ลบเสียงนบกวนในวิดีโอได้ และ AI ปรับแต่งรูปและวาดรูป รวมถึงการแปลภาษาและสรุปการโทรอื่นๆ อีกเพียบ ส่วน AI ของ iPhone 16 อย่าง Apple Intelligence ที่ใช้งานได้แล้วมีตัวที่น่าสนใจก็คือ Writing Tools สรุปข้อความได้จากทุกแอพ, พูดคุยกับ Siri ได้เป็นธรรมชาติและดีกว่าเดิม, สรุปเนื้อหาจากบันทึกเสียง, สร้าง Image Playground, Genmoji และการลบวัตถุในรูปภาพได้แล้วด้วย
เรื่องกล้องของ Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 ทั้งสองรุ่นนี้กล้องหน้า 12MP เท่ากัน แต่กล้องหลังต่างกันพอสมควรเลย โดยกล้องหลังของ Galaxy S25 นั้นมีมาให้ถึง 3 ตัวที่ความละเอียดหลัก 50MP อัลตร้าไวด์ 12MP และ Telephoto 10MP สามารถซูมแบบ Optical 3 เท่า และ Digital Zoom 30 เท่า ส่วนของ iPhone 16 นั้นเป็นกล้องคู่ความละเอียดหลัก 48MP และอัลตร้าไวด์ 12MP ถ่ายมาโครและซูมได้ 1-2 เท่า มาพร้อมปุ่ม Camera Control ที่เข้าถึงกล้องได้ง่ายและไวขึ้น แต่ว่าการถ่ายวิดีโอยังทำได้เพียง 4K แต่ว่า S25 นั้นไปถึง 8K แล้ว
สุดท้ายคือเรื่องของแบตเตอรี่ที่ทั้งสองรุ่นอย่าง Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 นั้นมีความจุแบตที่ต่างกัน เพราะว่า Galaxy S25 มีความจุที่เยอะกว่า และยังใช้งานได้นานกว่าด้วยเช่น การเล่นวิดีโอที่ทำได้นานสูงสุดถึง 29 ชั่วโมง แต่ว่าของ iPhone 16 นั้นดูวิดีโอได้สูงสุด 22 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้ราคาในรุ่นเริ่มต้นของทั้งคู่เท่ากันที่ 29,900 บาท แต่ว่า Galaxy S25 นั้นมีความจุเริ่มต้น RAM 12GB/256GB ส่วนของ iPhone 16 เริ่มต้นที่ RAM 8GB/128GB ดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อได้ที่ Samsung Galaxy S25/ iPhone 16
สรุปเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 ซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน
จากการเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 vs iPhone 16 ทั้งสองรุ่นนี้ตามสเปคและจุดต่างๆ ที่สำคัญๆ จะเห็นได้ว่าทั้งสองรุ่นมีสเปคที่ต่างกันอยู่เยอะพอสมควร ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้นของซีรีส์ก็ตาม โดยตัว Galaxy S25 นั้นมีน้ำหนักและความบางที่บางเบากว่า มาพร้อมหน้าจอที่กว่าง สว่างและไหลลื่นลื่นกว่า ซึ่งตรงนี้อาจเป็นอีกหนึ่งจุดในการตัดสินใจเลือกซื้อเลยก็ว่าได้ ถ้าหากใครที่ต้องการใช้หน้าจอที่ไหลลื่นสบายตามากกว่า ส่วนชิปประมวลผลนั้นถ้าใช้งานจริงอาจไม่ได้เห็นถึงความแตกต่างมากนักสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าเทียบจาก A18 Pro กับ Snapdragon 8 Elite นั้น SND ก็แรงกว่าไปแล้วในแบบมัลติคอร์
อีกหนึ่งจุดที่สำคัญก็คือเรื่องของ AI ที่ S25 นั้นมีลูกเล่นและการใช้งานที่น่าสนใจมากขึ้น แต่ถ้าใครที่คิดว่าไม่ได้ใช้อะไรเยอะอยู่แล้วก็อาจจะข้ามในส่วนนี้ไปได้เลย ทั้งนี้กล้องของ Galaxy S25 นั้นมีความหลากหลายกว่าในด้านการถ่ายเพราะมีกล้องมาให้ 3 ตัว สายถ่ายรูปและการซูมจะเหมาะมากกว่า แต่ถ้าเน้นใช้งานทั่วไปไม่ได้ถ่ายหนักหรือบ่อยๆ อยู่แล้ว iPhone 16 ก็ยังมีกล้องและฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ดีเยี่ยมอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีเรื่องแบตที่ควรพิจารณา รวมไปถึงราคาเริ่มต้นที่ของทาง Galaxy S25 นั้นคุ้มกว่าที่ได้ความจุไปถึง 256GB แล้วในราคาเดียวกัน