เปรียบเทียบ 3 มือถือ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G ราคาไม่เกิน 7000 รุ่นไหนดีในปี 2022

เปรียบเทียบ 3 มือถือ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G ราคาไม่เกิน 7000 รุ่นไหนดีในปี 2022

มือถือหรือสมาร์ทโฟนระดับกลาง ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นมือถือที่ใช้งานได้ทั่วไป หรือว่าจะเน้นการใช้งานแบบโดยรวมประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นมือถือที่เล่นเกมได้ดี ถ่ายรูปได้แบบสวยๆ อีกทั้งยังมีแบตอึดพร้อมรองรับทุกการใช้งาน ที่สำคัญก็คือเรื่องของราคาที่จะไม่ได้สูงมากนัก ที่จะมีตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลักหมื่นต้นๆ ขึ้นอยู่กับสเปคแต่ละรุ่น ซึ่งในปีนี้ก็มีมือถือสเปคกลางๆ ที่สามารถใช้งานได้ดีเยี่ยม และยังมีราคาประหยัดออกมาอยู่หลายรุ่นหลายยี่ห้อ แต่ถ้าเป็นมือถือที่มีราคาไม่เกิน 7,000 บาทและมีสเปคที่ครบทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือถ่ายรูป ก็จะมีบางรุ่นที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือ Samsung Galaxy A13, realme 9i และ Redmi Note 11 4G ที่มีราคาใกล้เคียงกัน แถมยังมีสเปคที่ไม่ห่างกันมากเท่าไหร่นักด้วย วันนี้ทาง Specphone เลยจะมาเปรียบเทียบมือถือ 3 รุ่นที่มีราคาไม่เกิน 7000 บาทรุ่นไหนดีระหว่าง Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G แต่ละรุ่นมีสเปคแบบไหนบ้าง ไปดูกันเลย

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G

• เปรียบเทียบดีไซน์ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G
• เปรียบเทียบหน้าจอของ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G
• เปรียบเทียบชิปประมวลผล และการเชื่อมต่อ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G
• เปรียบเทียบกล้องหน้า และกล้องหลัง Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G
• เปรียบเทียบแบตเตอรี่ และราคาของ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G

ดีไซน์ที่ลงตัว กับความสวยงามที่ต่างกัน

เริ่มต้นกันที่การออกแบบตัวเครื่อง และการดีไซน์ของแต่ละรุ่นระหว่าง Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G กันก่อนเลย ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้มีการดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความสวยงามแตกต่างกันอยู่พอสมควร โดย Samsung Galaxy A13 กับ realme 9i นั้นจะมีความคล้ายกันตรงที่ตัวเครื่องมีความโค้งมนเข้ากับมือ และยังมีขนาดตัวเครื่องและน้ำหนักที่ใกล้เคียงกันมากๆ อีกด้วย แต่รูปแบบการดีไซน์ฝาหลังกับรูปแบบหน้าจอจะต่างกันตรงที่ของ Samsung Galaxy A13 นั้นจะทำแบบมินิมอลที่โมดูลกล้องหลังนูนขึ้นมาเฉพาะเลนส์ และฝาหลังก็จะมีสีแบบเรียบๆ 3 สีได้แก่ สีดำ, สีฟ้า และพีช มีหน้าจอแบบหยดน้ำ ส่วนรุ่น realme 9i นั้นดีไซน์แบบ Stereo Prism ที่เหมือนเส้นปริซึม และเป็นเส้นกว่า 3000 เส้นเคลือบผิว 8 ชั้นทำให้เมื่อแสงตกกระทบจะสะท้อนกันเป็นชั้นๆ มีสองสีคือสีดำ, สีฟ้า และมีโมดูลกล้องนูนขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนหน้าจอจะเป็นแบบ Punch-Hole ที่มุมซ้ายด้านบน

ส่วนในรุ่น Redmi Note 11 4G นั้นจะมีความต่างออกไปจากทั้งสองรุ่นเลย ที่ตัวเครื่องนั้นจะมีขอบเฟรมแบนราบ และโค้งมนที่มุมเครื่อง อีกทั้งยังมีความบางของตัวเครื่องเพียง 8.09 มม. พร้อมน้ำหนักที่เบากว่าทุกรุ่นคือ 179 กรัมเท่านั้น ทำให้รุ่นนี้สามารถถือเล่นเกมหรือถือไว้นานๆ ได้แบบสบายๆ และยังมีโมดูลกล้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกัน กับสีของตัวเครื่องจะมีทั้งหมด 3 สีคือ Graphite Gray, Twilight Blue และ Star Blue ส่วนหน้าจอของรุ่นนี้จะเป็นแบบ Punch-Hole ที่อยู่ตรงกลางด้านบนของหน้าจอเลย ถ้าใครชอบเรื่องความเบารุ่นนี้จะเหมาะที่สุด

รูปแบบหน้าจอที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ต่อเนื่องด้วยหน้าจอระหว่าง Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G ทั้ง 3 รุ่นนี้ที่ต้องบอกว่าต่างกันมากทีเดียว ถึงแม้ว่าจะมีขนาดที่ต่างกันบ้างก็จริง แต่ว่ารูปแบบของหน้าจอนั้นต่างกันมากกว่าเยอะ โดยมือถือของ Samsung Galaxy A13 นั้นจะมีรูปแบบกล้องหน้าเป็นหยดน้ำแบบ Infinity-V และมีหน้าจอเป็น PLS TFT LCD ระดับ FHD+ กว้าง 6.6 นิ้วที่มีความคมชัดสดใสอยู่แล้ว แต่ว่าในรุ่นของ realme 9i ที่มีกล้องหน้าแบบเจาะรูด้านซ้ายบนของหน้าจอ และมีจอเป็นแบบ IPS LCD ระดับ FHD+ กว้าง 6.6 นิ้วพร้อมอัตรา Refresh Rate 90Hz แบบ Dynamic refresh rate 5 ระดับตามการใช้งาน ประหยัดพลังงานมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมี Touch sampling rate 180Hz ช่วยให้การสัมผัสแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย

ส่วนในรุ่น Redmi Note 11 4G นั้นจะมีหน้าจอที่ดีขึ้นไปอีกระดับ โดยมีกล้องหน้าแบบเจารูตรงกลางด้านบน และมีหน้าจอเป็น AMOLED ระดับ FHD+ กว้าง 6.43 นิ้วพร้อมอัตรา Refresh Rate 90Hz กับ Touch sampling rate 180Hz เหมือนกัน แต่ว่ารุ่นนี้สามารถทำความสว่างหน้าจอได้สูงสุดถึง 1000 นิต ที่มีฟีเจอร์ Sunlight Display ช่วยให้การอ่านหนังสือหรือดูหน้าจอในที่แสงจ้าได้ชัดเจนกว่าทุกรุ่น ใครที่ไม่ได้เน้นเรื่องหน้าจอมากก็ใช้ตัว Samsung พอไหวอยู่ แต่ถ้าจะเน้นเรื่องความไหลลื่นตอนเล่นเกม แนะนำว่ารุ่น realme 9i จะลื่นกว่าหรือรุ่น Redmi Note 11 4G ที่ไหลลื่นแถมยังมีจอสว่างและให้สีสดใสที่ดีกว่าด้วย

ชิปเร็วแรงเล่นเกมไหลลื่น พร้อมการเชื่อมต่อที่เหมือนกัน

สำหรับชิปประมวลผลระหว่าง Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G ของทั้ง 3 รุ่นนี้ จะบอกว่ามีความเร็วแรงที่ใกล้เคียงมากเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าของ Samsung นั้นจะต่างออกไปจากทั้งสองรุ่น แต่ก็ยังสามารถเล่นเกมได้ไหลลื่นเหมือนกัน โดยรุ่น Samsung Galaxy A13 นั้นจะใช้ชิปเป็นตัว Exynos 850 พร้อม GPU Mali-G52 และมีความจำ RAM 4GB กับความจุ ROM 64GB/ 128GB มีให้เลือกสองขนาดความจุในราคาที่ห่างกันไม่มากนัก อีกทั้งยังสามารถใส่ MicroSD เพิ่มได้อีกถึง 1TB เชื่อมต่อได้ทั้ง 4G, WiFi หรือ Bluetooth 5.0 ได้ตามปกติ นอกจานี้ยังมีการรองรับเสียงระดับ Dolby Atmos เมื่อเชื่อมต่อกับหูฟังและลำโพง Bluetooth

ส่วนอีกสองรุ่นคือ realme 9i และ Redmi Note 11 4G จะใช้ชิปเป็นตัวเดียวกันคือ Snapdragon 680 แบบ 6nm พร้อม GPU Adreno 610 ที่ได้ทั้งความเร็วแรง และยังช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดีอีกระดับ รวมไปถึงการเล่นเกมที่เล่นได้ไหลลื่นแน่นอน ส่วนความแตกต่างของสองรุ่นนี้จะอยู่ที่ RAM กับ ROM ที่รุ่น realme 9i นั้นมีความจำ RAM 4GB/ 6GB กับ ROM 64GB/ 128GB ที่มีฟีเจอร์ Dynamic RAM เพิ่มได้สูงถึง 11GB และยังมีลำโพงคู่แบบ Stereo Speakers ส่วนในรุ่นของ Redmi Note 11 4G จะมีตั้งแต่ RAM 4GB/ 6GB กับ ROM 64GB/ 128GB ถึง 3 รุ่นย่อยเลยทีเดียว อีกทั้งยังฟีเจอร์เพิ่มหน่วยความจำ และโพงสเตอริโอคู่กับ Haptic Feedback ที่ดีเยี่ยม และทั้งสองรุ่นนี้ก็เพิ่ม MicroSD ได้ 1TB เช่นกัน

กล้องหน้า และกล้องหลังที่สายถ่ายรูปต้องชอบ

มาที่เรื่องกล้องระหว่างรุ่น Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G กันบ้างที่ทั้ง 3 รุ่นนี้สามารถถ่ายได้รูปได้ดีทุกรุ่นอยู่แล้ว แต่ว่ารายละเอียดต่างๆ ก็ยังคงมีความแตกต่างกันด้วย ทั้งจำนวนกล้องและความละเอียดที่ต่างกันด้วย โดยรุ่น Samsung Galaxy A13 นั้นจะมีกล้องหลังถึง 4 ตัวที่ความละเอียด 50MP อัลตร้าไวด์ 5MP กว้างได้มากถึง 123 องศา มีเลนส์มาโคร 2MP ที่ถ่ายได้ทั้งมุมใกล้รายละเอียดเล็กๆ หรือถ่ายโบเก้ที่ดูเป็นธรรมชาติ และเลนส์ชัดลึก 2MP ที่ปรับหน้าชัดหลังเบลอได้ตามใจชอบ และยังดูเด่นสวยงามขึ้นด้วย ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8MP พร้อมเอฟเฟกต์โบเก้ที่เซลฟี่ได้โดดเด่นขึ้นจากฉากหละงด้วย

ส่วนกล้องของตัว realme 9i จะมีอยู่ 3 ตัวที่ความละเอียด 50MP ถ่ายได้คมชัดทุกสภาพแสง กับเลนส์มาโคร 2MP ที่ถ่ายได้ใกล้สุดถึง 4 ซม. และเลนส์ B&W 2MP ถ่าย Portrait ได้สีสันโดดเด่นขึ้น และมีกล้องหน้า AI 16MP ถ่ายได้หลายฟังก์ชั่นสำหรับคนชอบเซลฟี่ด้วย ส่วนรุ่น Redmi Note 11 4G จะมีกล้อง 4 ตัวที่ความละเอียด 50MP อัลตร้าไวด์ 8MP กว้างสุด 118 องศา กับเลนส์มาโคร 2MP และชัดลึก 2MP ถ่าได้ทั้งมุมใกล้หรือถ่ายภาพบุคคลได้สวยงามไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 13MP เซลฟี่ได้แบบสวยๆ เช่นกัน สำหรับเรื่องกล้องของ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G นั้นถ้าใครชอบถ่ายรูปเป็นหลักแนะนำ Samsung หรือ Redmi จะดีกว่าเพราะมีกล้องถึง 4 ตัวเลยทีเดียว

แบตอึดใช้งานได้ยาวนานเหมือนกัน

ปิดท้ายกันด้วยเรื่องความจุแบตของ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G ทั้ง 3 รุ่นนี้ที่มีความจุแบตเตอรี่เท่ากันทั้งหมดคือ 5,000 mAh แต่ว่าจะต่างกันที่ความเร็วในการชาร์จที่ Samsung Galaxy A13 นั้นรองรับ Fast charge 25W ส่วนของ realme 9i รองรับ DartCharge 33W และรุ่น Redmi Note 11 4G รองรับ Fast charge 33W ใช้งานได้ยาวนานเต็มวันทุกรุ่น อีกทั้งยังรองรับการชาร์จเร็วได้พอๆ กันแตกต่างกันนิดหน่อยที่ Samsung รองรับเพียง 25W นอกจากนี้ทุกรุ่นก็ยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. เหมือนกันอีกด้วย ส่วนเรื่องของราคาทุกรุ่นนั้นจะมีราคาเปิดตัว และราคาในปัจจุบันที่ต่างกัน แต่ทุกรุ่นนั้นจะมีราคาไม่เกิน 7,000 บาทในตอนนี้ทุกรุ่น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและราคาได้ด้านล่างนี้เลย

• Samsung Galaxy A13
• realme 9i
• Redmi Note 11 4G

แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลการเปรียบเทียบสเปคของ Samsung Galaxy A13 vs realme 9i vs Redmi Note 11 4G ทั้ง 3 รุ่นนี้ทั้งรูปแบบการดีไซน์ที่ต่างกันคนละแบบ หน้าจอที่ต่างกันสุดขั้วไปเลยทางด้านความสดใส และความสว่างที่ Redmi จะดูดีที่สุด ส่วนในเรื่องความเร็วแรงอันนี้จากการเปรียบเทียบชิปแล้ว ทั้งหมดจะมีความต่างกันเล็กน้อยระหว่าง Snapdragon 680 ที่แรงกว่าตัว Exynos 850 อยุ่พอสมควร แต่ถ้าเรื่องกล้องก็ต้องยกให้กับ Samsung Galaxy A13 กับ Redmi Note 11 4G ที่มีกล้องหลังถึง 4 ตัวเหมาะกับสายถ่ายรูปมากกว่า รวมไปถึงความจุแบตที่อึดเท่ากัน ใช้งานได้ต่อเนื่องอย่างยาวนานพอๆ กัน ปิดท้ายด้วยราคาที่ห่างกันหลักร้อยเท่านั้นในราคาปัจจุบัน ถ้าต้องเลือกรุ่นไหนดีก็คิดว่าต้องดูจากการใช้งานของตัวเองเป็นหลักเลย ที่ต้องการเอามาเล่นเกมเป็นหลัก หรือเน้นถ่ายรูปไปด้วย เพราะโดยรวมไปแล้วทั้งหมดก็มีสเปคที่ใกล้เคียงกันมากจริงๆ