หลังจากการเปิดตัวของ Apple Watch Series 6 ที่ผ่านมา ก็ได้มีทั้งสเปค สีตัวเครื่อง และสาย รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มีเข้ามาอีกเยอะเลย เรามาเทียบกันเลยดีกว่าว่า Apple Watch Series 6 vs Series 5 ทั้งสองรุ่นนี้ รุ่นไหนน่าใช้กว่ากัน จะใช้ตัวเก่า หรือใช้ของใหม่ไปเลยจบๆ
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2020 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ของ Apple Watch Series 6 กับ Watch SE กันไปแล้ว ก็มี หลายอย่างมีเพิ่มเข้ามาในรุ่นใหม่อย่าง Series 6 ไม่ว่าจะเป็นสเปคที่ดีขึ้น เซ็นเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงสี และสายที่เพิ่มเข้ามาใหม่ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งเราก็ได้รวบรวมข้อมูลเอาไว้ให้แล้ว (อ่านต่อ..)
แล้วข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้นั้น ก็ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบกันได้แล้ว ว่าระหว่าง Watch Series 6 กับ Series 5 มีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาบ้าง และควรซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน จะซื้อ Series 5 ไปเลย (อ่านสเปคและรุ่น Series 5) หรือจะรอ Series 6 เข้ามาไทยก่อน วันนี้เราก็จะมาเทียบให้รู้กันไปเลย และจะมาแนะนำด้วยว่าควรซื้อรุ่นไหน
ตารางเปรียบเทียบ Apple Watch Series 6 vs Series 5
สเปค\รุ่น | Apple Watch Series 5 | Apple Watch Series 6 |
หน้าจอ | LTPO OLED Retina | OLED Retina |
ขนาด | 40 มม. และ 44 มม. | 40 มม. และ 44 มม. |
น้ำหนัก, วัสดุ | 40 มม. อะลูมิเนียม 30.8 กรัม สแตนเลสสตีล 40.6 กรัม ไทเทเนียม 35.1 กรัม เซรามิก 39.7 กรัม 44 มม. อะลูมิเนียม 36.5 กรัม สแตนเลสสตีล 47.8 กรัม ไทเทเนียม 41.7 กรัม เซรามิก 46.7 กรัม | อะลูมิเนียม รีไซเคิล 100% สแตนเลสสตีล ไทเทเนียม |
ชิปเซต | Apple S5/ W3 | Apple S6 |
RAM/ROM | RAM 1GB/ ROM 32GB | ยังไม่เปิดเผย |
การเชื่อมต่อ | Bluetooth 5.0 LTE, 4G, eSIM | Wi-Fi Bluetooth 5.0 |
คุณสมบัติพิเศษ | Heart Rate (2nd Gen) Answer The Phone GPS/ GNSS การโทรฉุกเฉินทั่วโลก SOS ฉุกเฉิน การตรวจจับการล้ม | GPS Compass Barometric altimeter Accelerometer Gyroscope Ambient light sensor |
แบตเตอรี่ | 18 ชั่วโมง | มากกว่า 18 ชั่วโมง |
กันน้ำเข้า | 50 ม. | 50 ม. |
สี | Space Black, Silver, Gold | Gold, Silver, Space Gray, Graphite, Blue, (Product)Red |
ราคา (เริ่มต้น) | 12,900 บาท | 13,400 บาท |
จะบอกว่า Watch Series 5 เป็น Smart Watch ที่ยังคงน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่เปิดตัวไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยฟีเจอร์ และการทำงานที่ยังคงมีประสิทธิภาพดีอยู่ ที่สำคัญคือ ทาง Apple ก็ยังคงมีให้อัพเดท OS กันเรื่อยๆ ได้ ทำให้ Apple Watch รุ่นเก่าๆ นั้นยังคงทำหน้าที่ของตัวมันไปกับ OS7 ได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นข้อได้เปรียบของ Watch Series 6 ก็ยังเหนือกว่ารุ่นก่อนๆอยู่ดี ที่ได้ชิปใหม่สุด สีใหม่ การใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า และฟีเจอร์ใหม่อีกหลายอย่าง ที่ทำให้ใช้งานได้ดีมากขึ้น เรามาลองเปรียบเทียบแต่ละอย่างกันดูดีกว่า
Apple Watch Series 6 vs Series 5 ดีไซน์ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกของ Apple Watch ที่ผ่านมา ตั้งแต่ Series 1 นั้น ไม่ค่อยจะมีรูปร่างที่แตกต่างกันนัก ไม่รวมวัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องนะ ซึ่งในตัว Series 5 ก็เหมือนกัน ที่ยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก และตัวใหม่อย่าง Series 6 ก็ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิมเลย ถ้าเทียบ Watch Series 6 กับ Series 5 แบบไม่ได้ดูสีก็อาจจะดูไม่ออกเลย แต่ถ้าเป็นสีใหม่ที่ออกมาก็จะดูออกได้แน่นอน ส่วนเรื่องของขนาด ยังคงมีขนาด 40 มม. และ 44 มม. เหมือนกัน รวมไปถึงหน้าจอของ Series 6 ที่มีขนาดเท่าเดิม วัสดุของทั้งสองรุ่นต่างกันที่ รุ่นใหม่อย่าง Series 6 จะไม่มีแบบเซรามิคแล้ว จะเพิ่มมาใหม่ก็ตรงที่ วัสดุอะลูมิเนียมเป็นรีไซเคิลแบบ 100%
ถึงแม้ว่าจะมีข่าวหลุดออกมา ว่าไจะไม่มี Digital Crown แล้ว แต่เมื่อถึงตอนเปิดตัว Digital Crown ก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม แต่จะเพิ่มการทำงานให้ดีขึ้นกว่าตัว Series 5 และยังไม่มีการนำ Touch ID เข้ามาใช้งาน จะเป็นเหมือนเดิมทั้งหมด ในส่วนนี้นะ
Apple Watch Series 6 vs Series 5 จอแสดงผล
เรื่องของหน้าจอนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในตัว Series 5 เอง ก็มีหน้าจอที่ยังเหมือนตัว Series 4 ซึ่งจะเป็นหน้าจอแบบ LTPO OLED Retina ที่ให้ความคมชัดสูงอยู่แล้ว แถมยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อีก นอกจากนี้ยังรองรับ Force Touch และมีฟีเจอร์เรื่องหน้าจอเด่นๆ เลยก็คือโหมด Always on display ที่สามารถเปิดหน้าจอไว้ได้ตลอดเวลา สามารถแสดงผลเวลาได้ตลอด เหมือนเป็นนาฬิกาจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม ตัวใหม่ในรุ่น Series 6 นี้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนหน้าจอเป็นแบบใหม่ แต่จะใช้เป็น OLED Retina แบบ Always on display ที่หน้าจอมีการเปิดอยู่ตลอดเวลา ทำให้เหมือนกับเป็นนาฬิกาจริงๆ ได้ รวมไปถึงการใช้งานที่จำเป็นต้องให้หน้าจอเปิดอยู่ตลอดเวลาด้วย ถึงแม้จะมีหน้าจอที่เหมือนเดิม แต่ก็จะสว่างกว่า Apple Watch Series 5 ในตอนกลางวันถึง 2.5 เท่า อยู่ที่สภาพแสงด้วย ว่ามาก-น้อยเท่าไหน และประหยัดแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน
Apple Watch Series 6 vs Series 5 รายละเอียด ประสิทธิภาพการใช้งาน
สำหรับรุ่น Series 5 นั้นได้มีการใช้ ชิปเซต Apple S5 Dual Core 64 บิต เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน มีการเพิ่มเข็มทิศ และความจุของตัวเครื่องมากถึง 32GB ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนอย่าง Series 4 เป็นเท่าตัวเลย ส่วน GPU ยังคงเป็นเหมือนกัน แต่ก็สามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่น และยังใช้งานได้เร็วไว ตอบสนองได้ดีอยู่
ส่วนทางด้านของซิปเซตของรุ่น Series 6 นั้น จะเป็น S6 SiP และเป็นโปรเซสเซอร์ Dual-core ใหม่ที่ใช้ A13 Bionic ใน iPhone 11 ด้วย เพิ่มการทำงานให้เร็วขึ้น และแม่นยำกว่าเดิมถึง 20% นอกจากนี้ Apple Watch Series 6 ยังมีชิป U1 และ Ultra-wideband ด้วย ที่จะสามารถเปิดใช้งานแบบไร้สาย ในระยะใกล้ได้ และอยู่ในน้ำลึกได้เท่ากันคือ 50 เมตร และเชื่อมต่อกับ iOS 14 ได้ดียิ่งขึ้นไปด้วย
Apple Watch Series 6 vs Series 5 แบตเตอรี่
มาถึงในเรื่องของแบตเตอรี่กันบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากังวล ต่อผู้ใช้งานหลายๆ คน ที่ต้องการใช้งาน Apple Watch ได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น ตั้งแต่รุ่น Series 5 ออกมา แต่ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนไปมากนักจากตัว Series 4 เนื่องจากได้ความจุแบตเตอรี่ ที่มีมากขึ้นเพียงเล็กน้อย และการใช้งานปกติทั่วไปใช้ได้แค่ประมาณ 18 ชั่วโมง ตรงจุดนี้แหละที่ทำให้หลายคนมองว่า อยากให้เพิ่มการใช้งานให้ได้อย่างน้อย ก็ควรมากกว่า 1 วัน
แต่ถึงจะมีกระแสอยากให้เพิ่มมามากแค่ไหน แต่ก็ยังเพิ่มได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น รุ่นนี้ก็ได้เพิ่มความจุมาให้เป็น 303.8 mAh สามารถใช้ได้อย่างยาวนานกว่า 18 ชั่วโมง พอๆกับรุ่น Series 5 เลย จะไปเพิ่มให้ดีขึ้นก็ตรงการชาร์จแบตเตอรี่ ที่จะชาร์จเร็วขึ้น สามารถชาร์จเต็มได้ภายในเวลา 1.5 ชั่วโมง และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ก็ยาวนานขึ้นด้วย ส่วนการใช้งาน ที่ทำงานร่วมกับชิป S6 ก็จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ ได้มากขึ้นอีก แต่รุ่น Series 6 นี้ ไม่มีอแดปเตอร์แถมมาให้แล้วนะ
Apple Watch Series 6 vs Series 5 ฟีเจอร์ ด้านสุขภาพ
จะบอกว่า Apple Watch เป็น Smart Watch เจ้าแรกเลยก็ว่าได้ ที่ทำมาเพื่อติดตามการออกกำลังกาย ตั้งแต่ในรุ่นยอดฮิตอย่าง Series 3 จนมาถึงในรุ่น Series 5 ที่ได้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และได้ใส่เซ็นเซอร์ ECG ที่ช่วยในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ แบบไฟฟ้า ที่ให้ความแม่นยำสูง และเพิ่มการโทรฉุกเฉิน ที่สามารถโทรออก และติดต่อไปได้ทั่วโลกเลย ช่วยตอบโจทย์ให้กับทุกการเล่นกีฬา และการเดินป่า
แต่ถึงยังไง ก็ยังมีคนออกมาบอกกันเยอะว่า ระบบเหมือนจะยังไม่สมบูรณ์ และไม่แม่นยำมากเท่าที่ควรจะเป็น Watch Series 6 จึงได้รับการแก้ไขตรงจุดนี้ก่อนเลย ทำให้ในรุ่นนี้มีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (ECG) ได้แม่นยำกว่าเดิม โดยจะใช้ไฟ LED สีเขียว สีแดง จะเป็นอินฟราเรดสี่ตัว พร้อมกับโฟโตไดโอดสี่ดวง ที่อยู่ด้านหลังของตัวเรือน เพื่อวัดแสงจากเลือดของเราที่ข้อมือ จะยิ่งช่วยให้การวัดค่าต่างๆ เป็นไปอย่างแม่นยำมากขึ้นเยอะเลย
นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Blood Oxygen ที่ทำขึ้นมา เพื่อวัดระดับออกซิเจนในเลือดระหว่าง 70% ถึง 100% ถ้าหากเกินหรือต่ำกว่านี้ จะมีการเตือนขึ้นมาให้รู้ทันที และยังมีสัญญาณ ที่บอกถึงระบบทางเดินหายใจ ในกรณีที่มีความเสี่ยงจากการเป็น ไข้หวัดใหญ่ และ COVID-19 ด้วย เนื่องจากไวรัสตัวนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระดับออกซิเจนในเลือดที่จะต่ำลง ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ที่ตัวนี้ได้ทำออกมา โดยคำนึงถึงในทุกๆ รูปแบบ ที่จะช่วยเรื่องสุขภาพได้เต็มที่จริงๆ
ฟีเจอร์เด่นอีกอย่างที่เพิ่งเปิดตัวออกมาก็คือ Always-On Altimeter หรือการวัดระดับความสูง ที่มีการเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลา ให้เราได้รู้ระดับความสูงแบบเรียลไทม์ โดยใช้เครื่องวัดความสูงแบบ barometric ที่ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นอีกด้วย
Apple Watch Series 6 vs Series 5 การเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อของ Series 6 นั้นไม่ได้ต่างจาก Series 5 มากเท่าไหร่ โดยสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth 5.0 ได้เหมือนกัน ส่วนรุ่นการเชื่อมต่อ ก็จะเป็นรุ่น GPS และ GPS + Cellular เหมือนกัน
สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในรุ่น Series 6 และรุ่น Series 5 ไม่มี
อย่างแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือสีที่มีเพิ่มเข้ามาใหม่ โดยจะเป็นตัวเรือนอะลูมิเนียมสีน้ำเงิน และ (Product) Red ที่เป็นสีแดงทั้งตัวเรือนไปเลย เพิ่มสีสันสะดุดตา และไม่เคยมีมาก่อน นอกจากสีที่เพิ่มเข้ามแล้ว ยังมีสายที่เข้ามาใหม่อีกด้วย โดยจะเป็นสายที่เรียกว่า Solo Loop ที่จะเป็นเส้นเดียว สวมใส่แบบ Slip on มีขนาดมาให้เลือกเยอะ เข้าได้กับทุกขนาดข้อมือ มีความเบามาก และมีความยืดหยุ่นสูงอีกด้วย วัสดุที่นำมาใช้ก็คือ ซิลิโคนแบบนิ่ม และแบบสายถักที่เป็นวัสดุเป็นเส้นด้ายรีไซเคิล ถักเข้ากับด้ายซิลิโคน และสายในคอลเลคชัน Hermès ที่เล็กลงแต่เพิ่มสีสันเข้ามา
Watch Face ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ โดยมีให้เลือกมากถึง 7 รูปแบบ เช่น GMT, Time Roman หรือ Memoji Face ที่ให้เราสามารถใส่หน้าตัวเองที่เป็น Memoji เคลื่อนไหวได้ ช่วยให้การใช้งานไม่น่าเบื่ออีกต่อไป หรือจะปล่อยให้หน้าจอเปลี่ยนไปเองก็ได้เหมือนกันนะ
สิ่งสุดท้ายที่รุ่น Series 6 มีใหม่ และก็น่าสนใจไม่น้อยเลยก็คือ ระบบ Family Setup ที่ครอบครัวสามารถเข้าถึงกันได้ตลอดเวลา สามารถเชื่อมต่อเข้าถึงกันได้ แม้ว่าอีกคนจะไม่ได้ใช้ iPhone ก็ตาม แต่ก็ยังคงติดตามได้ สื่อสารและส่งข้อความหากันได้ด้วย และหากเกิดเหตุขึ้นก็สามารถส่งสัญญาณ SOS ได้ตลอดเวลา และยังมีโหมด Schooltime ที่ช่วยจัดตารางการเรียน และการทำการบ้านที่บ้านได้ด้วย เหมาะสำหรับให้เด็กใช้งานมาก
Apple Watch Series 6 vs Series 5 ราคา
เรื่องของราคานั้น Apple ก็ได้เปิดตัวราคาที่ไม่ได้โดดไปจากของรุ่นเก่าจริงๆ ราคาของ Series 5 ตอนนี้จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 12,900 บาท โดย AIS แต่ถ้ารุ่น Series 6 เข้ามาอาจมีราคาที่เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง ซึ่ง Series 6 จะมีราคาที่จะวางจำหน่ายในเร็วๆนี้ ได้แก่
- Apple Watch Series 6 (รุ่น GPS) เริ่มต้น 13,400 บาท
- Apple Watch Series 6 (รุ่น GPS + Cellular) เริ่มต้น 16,900 บาท
Apple Watch Series 6 vs Series 5 สรุป
เท่าที่ดูจากสเปค และฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น Series 6 นั้น มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย ทั้งเรื่องชิปเซตตัวใหม่ S6 สีและสาย ที่เพิ่งมีมาใหม่ แบตเตอรี่ที่ประหยัดและชาร์จได้ไวมากขึ้น ฟีเจอร์ที่ช่วยในการดูแลสุขภาพได้ดี พร้อมกับเซ็นเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง ราคาเปิดตัวค่อนข้างใกล้เคียงกัน และเวลาที่จะนำเข้ามาขายหลังเปิดตัว ก็ใช้เวลาไม่นานมาก ใครที่ตัดสินใจจะซื้อ Series 5 ในตอนนี้ แนะนำว่าให้รอซื้อ Series 6 ไปเลยดีกว่า ยังไงก็คุ้มกว่าแน่นอน
หลังจากที่ได้ลองเปรียบเทียบ Apple Watch Series 6 กับ Series 5 ในแต่ละอย่างก็มีเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างเยอะ และมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าด้วย สเปคและฟีเจอร์ทั้งหมดของ Series 6 ก็ทำออกมาโดยคำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น และยังมีฟีเจอร์เด็ดๆ อย่างการวัดออกซิเจนในเลือด หรือจะเป็น Family Setup ก็น่าสนใจมาก แล้วถ้ามีเรื่องราวอะไรให้อัพเดทใหม่ เราก็จะกลับมาอัพเดทเพิ่มเติมให้ได้รู้กันอีกนะครับ