เบราว์เซอร์ Chrome สำหรับ Android มีการปล่อยอัพเดทอยู่เป็นประจำซึ่งอัปเดทดังกล่าวนั้นนอกจากจะเพิ่มหลายๆ ฟีเจอร์แล้วยังมาพร้อมกับความปลอดภัยที่มากขึ้น มาดูกันว่าฟีเจอร์ล่าสุดอย่าง IP Protection คืออะไรกัน
อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของเราทั้งหมดมี IP addresses แต่ Google ได้คำนึงถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องด้วยคุณลักษณะการป้องกัน IP ใหม่ การป้องกัน IP มุ่งเน้นไปที่การรักษาผู้ใช้ให้ปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วมันทำงานอย่างไร และเป็นความคิดที่ดีจริงๆ หรือไม่จะใช้มันในตอนนี้ไปติดตามกันได้เลย
- คุณลักษณะการป้องกัน IP ของ Chrome ทำงานอย่างไร
- ความเสี่ยงต่อคุณสมบัติการป้องกัน IP ของ Chrome
- การป้องกัน IP จะมีให้บริการบน Chrome เมื่อใด
- การป้องกัน IP อาจทำให้เกิดปัญหามากกว่าที่จะแก้ไขได้
คุณลักษณะการป้องกัน IP ของ Chrome ทำงานอย่างไร
ในปัจจุบัน พวกเราหลายคนใช้ VPN หากเราต้องการซ่อน IP addresses ของเราจาก ISP รัฐบาลและผู้ไม่ประสงค์ดี เนื่องจากเบราว์เซอร์จำนวนมาก รวมถึง Chrome ยังไม่มีคุณลักษณะการปิดบัง IP แม้ว่า IP addresses จะไม่ใช่ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอะไรมากเท่าไรนัก แต่ทว่าก็ยังสามารถนำมาใช้ในทางที่ผิดได้ ตำแหน่งของผู้ใช้สามารถระบุได้ผ่าน IP addresses และสามารถติดตามกิจกรรมออนไลน์ของพวกเขาได้(พวกเขานี่รวมถึงตัวพวกคุณเองทุกๆ คนด้วยนะ)
คุณลักษณะการป้องกัน IP ของ Chrome จัดการปัญหาความเป็นส่วนตัวเหล่านี้โดยการปกปิด IP addresses ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ แม้ว่า IP addresses จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้อินเทอร์เน็ตทำงานได้อย่างราบรื่น แต่การปิดบัง IP addresses ไว้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงใดๆ ด้วยการส่งการรับส่งข้อมูลออนไลน์ของบุคคลที่สามผ่านพรอกซีเฉพาะ การป้องกัน IP ช่วยให้มั่นใจได้ว่าโดเมนเว็บบางแห่งไม่สามารถมองเห็น IP addresses ของผู้เยี่ยมชมได้
ในข้อเสนอ GitHub ของคุณสมบัติการป้องกัน IP มีการระบุว่าการใช้งานควรบรรลุวัตถุประสงค์สองประการอันประกอบไปด้วย การป้องกันการติดตาม IP และการลดการหยุดชะงักของเซิร์ฟเวอร์ให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ยังมีเขียนไว้ว่าพรอกซีที่ใช้ในการกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลนี้ไม่ควรสามารถดูกิจกรรมของ IP ใดๆ และไม่ควรดูที่อยู่ปลายทางของคำขอกำหนดเส้นทางใดๆ อีกด้วย
ความเสี่ยงต่อคุณสมบัติการป้องกัน IP ของ Chrome
น่าแปลกที่ฟีเจอร์การป้องกัน IP ของ Chrome มาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยบางประการที่ควรคำนึงถึง ประเด็นสำคัญของการโต้แย้งเกี่ยวกับฟีเจอร์นี้คือการใช้งานจริง Chrome อาจพยายามปกป้องผู้ใช้ด้วยการปกปิด IP addresses ของตน
ดังที่แสดงในโพสต์ X ด้านบน คุณลักษณะใหม่ของ Chrome เชื่อมโยงกับ “creeping centralization” โดยที่การรับส่งข้อมูลเว็บทั้งหมดจะถูกส่งไปยังตำแหน่งศูนย์กลาง ซึ่งจะทำให้การติดตามผู้ใช้ของ Google ง่ายขึ้นมาก แต่ในปัจจุบันข้อมูลดังกล่าวยังคงเป็นเพียงทฤษฎีที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการเท่านั้น
Google ยังรับทราบถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจากคุณลักษณะการป้องกัน IP ตัวอย่างเช่น รายละเอียดข้อเสนอบน GitHub ดังกล่าวอาจป้องกันการโจมตี DDoS ได้ยากกว่าในขณะที่ใช้การป้องกัน IP เนื่องจากการโจมตี DDoS จำเป็นต้องมีการรับส่งข้อมูลมากเกินไปจากบอตเน็ต การรับส่งข้อมูลดังกล่าวจึงอาจไม่สามารถรับได้หากส่งผ่านพร็อกซีเป็นครั้งแรก
ยิ่งไปกว่านั้นการเข้าชมที่ไม่ถูกต้องประเภทอื่นๆ ยังอาจตรวจพบได้ยากเช่น การคลิกหรือโปรแกรมรวบรวมข้อมูลที่ฉ้อโกงและไม่ได้ตั้งใจ ความเสี่ยงที่พร็อกซีของ Google ตัวใดตัวหนึ่งจะถูกแฮ็กนั้นมีอยู่จริงเช่นกัน หากผู้โจมตีสามารถทำเช่นนี้ได้พวกเขาสามารถเข้าถึง IP addresses ทั้งหมดที่ถูกส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ หากคิดถึงการต้องปล่อย IP addresses จริงๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลยเนื่องจากทุกอย่างทำงานผ่านทาง Server ของทาง Google
ในขณะที่ Google กำลังพิจารณาคุณลักษณะการตรวจสอบสิทธิ์พร็อกซี ซึ่งจะแจกจ่ายโทเค็นในจำนวนจำกัดต่อผู้ใช้ เพื่อป้องกันการใช้พร็อกซีในทางที่ผิดแต่ทว่าฟีเจอร์ดังกล่าวนี้ยังไม่มีการตั้งค่าใดๆ เลยให้ผู้ใช้สามารถที่จะเลือกได้เอง
การป้องกัน IP จะมีให้บริการบน Chrome เมื่อใด
ในขณะที่เขียนบทควา่มนี้ คุณลักษณะการป้องกัน IP ของ Chrome อยู่ระหว่างการทดสอบ ขั้นตอนการทดสอบการเลือกรับนี้ (เรียกว่าเฟส 0) เริ่มต้นด้วยการใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพียงเซิร์ฟเวอร์เดียวเพื่อกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลของบุคคลที่สาม ซึ่งนี่จะเป็นคำขอพร็อกซีไปยังโดเมนที่ Google เป็นเจ้าของเท่านั้นตามหัวข้อของ Google Groups ในเรื่องนี้ ในระหว่างระยะนี้ Google จะทดสอบฟังก์ชันและโครงสร้างพื้นฐานของคุณลักษณะใหม่นี้ รวมถึงแก้ไขรายการพร็อกซีที่ได้รับผลกระทบหากจำเป็น
Google ได้สรุปรายชื่อโดเมนที่ได้รับผลกระทบในระยะการทดสอบแรก ซึ่งสามารถดูได้ในเอกสาร Google Docs โดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันจะมีเฉพาะ IP addresses ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เลือกใช้ในระยะเริ่มต้น(หรือช่วงของการทดสอบระยะแรกที่ Google เป็นคนคัดเองว่าผู้ใช้ IP addresses รายไหนถึงจะควรใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าวนี้) หลังจากระยะแรกเสร็จสิ้น Google ตั้งใจที่จะใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบสองฮอปเพื่อกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลของบุคคลที่สาม ซึ่งเรายังคงไม่ทราบว่าระยะนี้จะเริ่มเมื่อใด
การป้องกัน IP อาจทำให้เกิดปัญหามากกว่าที่จะแก้ไขได้
แม้ว่าผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากคุณลักษณะการป้องกัน IP ของ Google อย่างแน่นอน แต่ปัญหาบางประการอาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน ลักษณะที่แท้จริงของฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดเผยถึงเวลาผ่านไปเมื่อแต่ละขั้นตอนการทดสอบเสร็จสิ้น(จากทาง Google) ซึ่งนั่นถึงจะทำให้เราได้รู้กันว่าฟีเจอร์นี้มันสามารถป้องกันเราได้จริงๆ รึเปล่า
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้เราขอแนะนำให้ผู้ใช้ที่ต้องการปกปิด IP addresses ของตัวเองให้ทำการใช้งาน VPN ไปก่อนเพราะ VPN ในปัจจุบันนั้นได้มีการพิสูจน์อยู่แล้วว่ามีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
ที่มา : makeuseof