ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือมีความสำคัญกับชีวิตคนเราเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไร หรือไปที่ไหน โทรศัพท์มือถือก็มักจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมนั้นๆเสมอ เช่น ใช้เป็นจีพีเอสนำทางไปตามที่ต่างๆ สั่งซื้อสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งทำธุระกรรมทางการเงินก็สามารถทำได้โดยใช้โทรศัพท์มือถืออีกเช่นกัน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตคนเรามากขึ้น
เพราะความสะดวกสบายที่เพิ่มมากขึ้นจนเรียกว่ายุคปัจจุบันเป็นยุค”สังคมก้มหน้า” ที่ไม่ว่าไปที่ใดเราก็มักจะพบเห็นผู้คนต่างก็สนใจอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง จนไม่มีเวลาใส่ใจให้กับคนข้างๆ และหากแบตเตอรี่อ่อนหรือหมดในช่วงเวลาสำคัญๆ ก็อาจจะถึงขั้นเที่ยวไม่สนุกเลยทีเดียว แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการใช้งานของเรา หรือเกิดจากการเสื่อมสภาพของตัวแบตเตอรี่ และวันนี้ผมก็มี 5 สัญญาณที่กำลังบอกว่าแบตเตอรี่ของเรานั้นกำลังเสื่อมสภาพมาฝากกันครับ
แบตเตอรี่ลดเร็วผิดปกติ
เป็นสัญญาณแรกที่จะสามารถสังเกตได้ง่ายที่สุดโดยอาศัยเพียงแค่ความเคยชินในการใช้งานของเราเพียงอย่างเดียวก็แทบจะบอกได้ถึงความแตกต่างระหว่างแบตเตอรี่ปกติกับแบตเตอรี่ที่กำลังมีปัญหา ซึ่งโดยส่วนมากแบตเตอรี่ที่มีปัญหานั้นมักจะต้องทำการชาร์จบ่อยกว่าปกติ จากหนึ่งวันเคยชาร์จเพียง 1-2 ครั้งกลายเป็นต้องชาร์จ 5-6 ครั้งต่อวัน
หรือเราอาจจะเลือกสังเกตจากการ Standby ของเครื่องว่าเมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละชั่วโมงเครื่องของเรานั้นใช้พลังงานไปเท่าใด ซึ่งปกติแล้วแบตเตอรี่ที่มีปัญหามักจะทำให้เครื่อง Standby ได้ในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นรุ่นที่มีความจุแบตเตอรี่น้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะสังเกตสัญญาณเหล่านี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น หรืออาจจะทดสอบโดยการเปิดแอพส์ต่างๆก็เป็นวิธีหนึ่งที่นิยมทดสอบกัน
เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่เพิ่ม-ลดเองได้
สัญญาณที่สองที่จะบ่งบอกว่าแบตเตอรี่ของเรานั้นเริ่มเสื่อมสภาพได้แก่เปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่ที่เพิ่มเองลดเองได้ ซึ่งอาจจะดูแปลก แต่นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับใครหลายๆคน และที่เพิ่มเองหรือลดเองได้นั้นก็หมายถึงอย่างเช่น เมื่อเราได้ทำการชาร์จโทรศัพท์จนแบตเตอรี่เต็ม 100% แล้วเราอาจเล่น Facebook ไปสัก 10 นาที
และเมื่อเช็คดูอาจพบว่าแบตเตอรี่มีปริมาณเหลืออยู่ 60% และเมื่อปิดหน้าจอ 5 นาทีแล้วลองเปิดขึ้นมาใหม่กลายเป็นว่าแบตเตอรี่ดันเพิ่มขึ้นมาเป็น 85% ราวปาฏิหารย์ ไม่ต้องตกใจหรือดีใจไป เพราะนั่นคือข่าวร้ายที่โทรศัพท์มือถือของเรากำลังพยายามส่งสัญญาณบอกว่าใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเสียเงินอีกแล้ว
ชาร์จแบตเตอรี่เต็มเร็วขึ้น
สัญญาณที่สามนี้เหมือนจะมีประโยชน์แต่อันที่จริงแล้วมันกลับมีโทษมหาศาล เนื่องจากเพราะประจุภายในแบตเตอรี่ที่เสื่อมตัวลงและไม่เก็บพลังงานเอาไว้ได้จึงทำให้ดูเหมือนชาร์จแบตเตอรี่ได้ไวมากขึ้นราวกับผู้ผลิตนั้นใส่ฟังก์ชั่นชาร์จไวเข้ามาให้ ซึ่งอันที่จริงแล้วสัญญาณนี้อาจเชื่อมโยงกับสัญญาณแรกเนื่องจากแบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บประจุไฟได้ดีเหมือนเก่าจึงทำให้แบตเตอรี่นั้นลดลงอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
แต่สำหรับมือถือเครื่องที่มีฟังก์ชั่นชาร์จไวนั้นไม่ต้องตกใจแต่อย่างใดเพราะว่านั่นคือสิ่งที่ผู้ผลิตทำขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้เรามากขึ้นนั่นเอง แต่หากแบตเตอรี่หมดไวผิดปกติแล้วล่ะก็อาจจะต้องติดต่อศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบปัญหาต่างๆกันต่อไป
เครื่องดับเองไปซะอย่างนั้น
สัญญาณที่สี่นั่นคือเมื่อโทรศัพท์มือถือของเรานั้นเครื่องดับเองโดยไม่มีสาเหตุ และเปิดเครื่องก็ไม่ติด ต้องนำสายชาร์จมาเสียบจึงจะเปิดเครื่องได้ ถ้าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นกับมือถือของคุณแปลว่าสุขภาพของแบตเตอรี่นั้นเริ่มน่าเป็นห่วงเสียแล้ว หรืออาจเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างของซอฟท์แวร์ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาเครื่องดับเองได้อีกเช่นกัน
และให้ลองสังเกตจากการชาร์จแบตเตอรี่ว่าสามารถชาร์จได้ตามปกติหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนมากมักจะมีอาการชาร์จไฟไม่เข้าตามมาเสมอ และเราควรที่จะรีบนำโทรศัพท์ของเรานั้นเข้าศูนย์บริการเพื่อรับการซ่อมแซมที่ถูกต้องต่อไป
แบตเตอรี่บวม
สัญญาณสุดท้ายที่จะบอกได้ว่าแบตเตอรี่ของเรานั้นกำลังมีปัญหาและสามารถสังเกตได้ง่ายด้วยตนเอง นั่นคืออาการแบตเตอรี่บวมนั่นเอง ซึ่งอาการนี้ถือว่าร้ายแรงที่สุดหมายถึงเป็นขั้นสุดท้ายก่อนที่จะระเบิดนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้ปัญหาการระเบิดของแบตเตอรี่ในมือถือรุ่นใหม่ๆนั้นพบได้น้อยมากเพราะเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจเพราะเรามักจะได้ยินข่าวการระเบิดของแบตเตอรี่มือถือ ตามสื่อต่างๆออกมาอยู่เป็นระยะๆ
และมีวิธีพื้นบ้านง่ายๆที่จะเช็คได้ด้วยตัวเองนั่นคือการหมุนแบตเตอรี่ด้วยมือเปล่า เพียงถอดแบตเตอรี่ออกมาวางกับพื้นเรียบๆแล้วทำการหมุนซึ่งปกติแล้วแบตเตอรี่จะหมุนได้ไม่เกิน 1-2 รอบเท่านั้นหากเกินกว่านั้นหรือหมุนเป็นลูกข่างก็ให้รีบติดต่อศูนย์บริการเพื่อทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยด่วน เพราะแบตเตอรี่ของคุณนั้นหมดอายุการใช้งานแล้ว