อีกหนึ่งรุ่น ที่มีการเปิดตัวออกมาพร้อมกับ Series 6 ก็คือ Apple Watch SE ที่มีสเปคแรง และราคาไม่ได้สูงมากนัก เหมาะสำหรับการเริ่มต้นใช้งาน คุ้มค่ากับราคาแน่นอน
![Apple Watch SE cover](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-SE-cover-1.jpg)
หลังจากที่มีการเปิดตัวของ Apple Watch ทั้ง 2 รุ่น อย่าง Apple Watch Series 6 และ Apple Watch SE ไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ในรุ่นเล็กอย่าง Watch SE นี้ ก็ได้ทำการตลาดออกมาเพื่อให้เข้าถึงง่าย ในสเปคตัวเครื่องที่ได้ ชิปเซตแรง แต่มีราคาที่จับต้องได้ เหมาะสำหรับคนที่อยากลองเปลี่ยนมาเล่นทางฝั่ง Apple บ้าง หรือถ้าซื้อให้เด็กใช้งานไปโรงเรียนก็คุ้มอยู่เหมือนกัน จะบอกว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นอัพเกรดจาก Series 4 ให้น่าสนใจมากขึ้นก็ว่าได้ เรามาดูสเปคและฟีเจอร์ ที่น่าสนใจของรุ่นนี้กันเลยดีกว่า
สรุป ข้อมูลสำคัญ Apple Watch SE
![Apple Watch SE](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-SE3-1.jpg)
เนื่องจากเป็นรุ่นที่คล้ายการอัพเกรดมาจาก Series 4 ข้อมูลที่เปิดตัวออกมาจึง ไม่ได้มีเท่าตัว Series 6 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในรุ่นนี้ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจ และน่าใช้งานอยู่ไม่น้อยเลย เราได้สรุปข้อมูลสำคัญเอาไว้แล้ว ดังนี้
- หน้าจอ Retina แบบเดียวกับ Series 4 เลย แต่ใหญ่กว่า Series 3 ถึง 30% (เท่ากับ Series 6)
- ขนาดตัวเรือน 40 มม. และ 44 มม.
- มีให้เลือก 2 รุ่น คือ GPS และ GPS+Cellular
- มี Cellular รองรับ Family Setup เหมือน Series 6
- มีฟีเจอร์ตรวจจับการล้ม และส่งสัญญาณ SOS ได้ทันที
- ตัวเรือน ที่ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%
- สาย Solo Loop เหมือนกับ Series 6
- ชิปเซต S5 (SiP) และโปรเซสเซอร์ Dual-Core เร็วกว่า Series 3 สองเท่า
- มีเครื่องวัดระดับความสูงได้ตลอดเวลา และเข็มทิศ
- ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ (ไม่รองรับ ECG)
- Watch Face ใหม่ เหมือนกับ Series 6
- มีลำโพงและไมโครโฟนรุ่นล่าสุด Siri, Walkie-Talkie และ Bluetooth 5.0
1. สเปค
![Apple Watch SE spec](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-SE-spec-1.jpg)
ดีไซน์ภายนอกของรุ่นนี้ จะคล้ายกับรุ่น Series 6 อยู่บ้าง แต่หน้าจอที่ได้มานั้น เป็น Retina แบบเดียวกับรุ่น Series 4 แต่ขนาดความใหญ่ของหน้าจอเท่ากับ Series 6 เลย มี Digital Crown ที่สามารถใช้งานได้อย่างปกติ และขนาดก็มีมาให้เลือกเท่ากับรุ่นใหญ่ 2 ขนาด คือ 40 มม. และ 44มม. ส่วนรุ่นก็มีมาให้เลือก 2 รุ่นเช่นกัน ทั้ง GPS และ GPS+Cellular แต่วัสดุของรุ่นนี้จะมีเพียงแค่ อะลูมิเนียม แบบเดียวเท่านั้น
![Apple Watch SE aluminum](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-Series-6-aluminum-case-1.jpg)
ถึงแม้ว่าตัวเรือนจะเป็นอะลูมิเนียม แต่ก็ได้อะลูมิเนียมแบบใหม่ ที่เป็นตัวรีไซเคิล 100% เช่นเดียวกับตัว Series 6 เลย ยังคงมีความเบา และความแข็งแรงอยู่พอสมควร แต่ไม่เหมาะกับการใช้ออกกำลังอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้ตัวเรือนบุบได้
![Apple Watch SE chipset](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-Series-6-vs-Series-5-s5-1.jpg)
ในส่วนของชิปเซตรุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะได้ชิปเป็น S5 (SiP) และเป็นโปรเซสเซอร์ Dual-core ที่ให้ความเร็วแรงมากกว่ารุ่น Series 3 ถึง 2 เท่าเลย มีลำโพงและไมโครโฟนรุ่นล่าสุด และยังรองรับการใช้งาน Siri, Walkie-Talkie และการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 เทียบเท่ากับของรุ่นใหญ่ๆ ได้เลย ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมา
2. สี และสาย
![Apple Watch SE colors](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-SE-colors-1.jpg)
ในส่วนของสีตัวเครื่องนั้น รุ่นนี้ไม่ได้ทำสีใหม่ออกมา แต่จะมีให้เลือกอยู่ 3 สี คือ สีทอง, สีเงิน และสีเทาสเปซเกรย์ ส่วนสายนั้นก็รองรับกับสายใหม่ ที่เป็น Solo Loop และ Braided Solo Loop สามารถใส่ได้ง่ายแบบ Slip on สวมใส่ได้ทันที มีความยืดหยุ่น เบามากที่สุดจากสายแบบเก่า ไม่มีตัวล็อคออก และไม่มีเข็มแบบปรับขนาด มีสีสันให้เลือกอีกมากมาย ส่วนวัสดุเป็นซิลิโคนแบบนิ่ม และแบบสายถักที่เป็นวัสดุเป็นเส้นด้ายรีไซเคิลถักเข้ากับด้ายซิลิโคน และยังใส่กับสายของ Apple Watch ได้ทุกรุ่น
3. ฟีเจอร์การวัดระดับการเต้น ของหัวใจ
![Apple Watch SE sos](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-SE-sos-1.jpg)
สำหรับรุ่นนี้ยังคงวัดระดับการเต้น ของหัวใจได้เป็นปกติ เพียงแต่ไม่ได้เป็นระบบไฟฟ้า ECG เหมือนรุ่นที่ราคาสูงกว่านี้ โดยเมื่อมีระดับการเต้นที่ผิดปกติไป ก็จะมีการเตือน และสามารถกดฉุกเฉิน เพื่อขอความช่วยเหลือได้ในทันที อีกทั้งยังมีระบบที่ตรวจจับการล้มได้ในทันทีอีกด้วย
4. การวัดระดับความสูง (Always-On Altimeter)
![Apple Watch SE Always-On Altimeter](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-Series-6-hight.jpg)
ฟีเจอร์เดียวกับรุ่น Series 6 ที่มีเครื่องวัดความสูงมาในตัวด้วย โดยจะเปิดการทำงานอยู่ตลอดเวลา สามารถดูได้อย่างเรียลไทม์ ตลอดทั้งวันโดยใช้เครื่องวัดความสูงแบบ barometric ที่ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย
5. Watch Face แบบใหม่
![Apple Watch SE watch face](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-SE-watch-face-1.jpg)
Watch Face แบบใหม่ที่มีมาให้เลือกอย่างจุใจ กับหน้าที่สามารถเปลี่ยนไปได้ถึง 7 แบบด้วยกัน (Series 6 ก็ทำได้) โดยหน้าจอของตัว Watch Series นี้จะมี Watch Face ใหม่ อย่างเช่น Stripes, Chronograph Pro, GMT, Artist และ Memoji Face ที่ให้เราใส่หน้าตัวเองที่เป็น Memoji เคลื่อนไหวได้ ยิ่งเหมาะกับผู้ใช้งานที่เป็นเด็กได้ดีทีเดียว
6. Family Setup
![Apple Watch SE Family Setup](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-Series-6-family-1.jpg)
การสื่อสารในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ การใช้ฟีเจอร์ Family Setup จึงเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยตรงนี้ และรุ่นนี้ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน ที่ถึงแม้จะไม่มี iPhone ก็สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ ทั้งข้อความ และการติดต่อกันผ่านทาง Apple Watch ที่สำคัญคือ เมื่อเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น ก็จะบอกให้คนในครอบครัวรับรู้ เป็นสัญญาณฉุกเฉิน SOS ได้เลย นอกจากนี้ยังมีโหมดใหม่ คือ Schooltime ที่ช่วยจัดการตารางเรียน หรือตารางการทำการบ้านที่บ้านได้อีกด้วย
7. ราคา
![Apple Watch SE price](https://specphone.com/web/wp-content/uploads/2020/09/Apple-Watch-SE-price-1.jpg)
ราคาที่จะวางจำหน่ายในไทย เร็วๆนี้ ได้แก่
- Apple Watch SE (GPS) เริ่มต้นที่ 9,400 บาท
- Apple Watch SE (GPS + Cellular) เริ่มต้นที่ 10,900 บาท
ทั้งหมดนี้ก็คือสเปค และข้อมูลต่างๆ ที่ทาง Apple ได้ทำการเปิดตัวไปพร้อมๆกับ Series 6 เลย ซึ่งดูเหมือนว่ารุ่นนี้ จะทำมาเพื่อเจาะตลาดคนที่ต้องการลองเปลี่ยนค่าย หรือเจาะลงไปในกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นเด็ก รวมไปถึงผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องดูแลกันอยู่เสมอ เมื่อใช้ร่วมกับ Family Setup ด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีประโยชน์มากขึ้นไปอีก แล้วถ้ามีเรื่องราวอะไรมาอัพเดททาง specphone ก็จะมาอัพเดทกันอีกทีนะครับ ทั้งราคาและวันวางจำหน่าย