มาดูกันว่า MediaTek Dimensity ระดับกลางไปจนถึงล่างบนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ นั้นจะน่าสนใจมากแค่ไหน คุ้มค่าหรือไม่กับเงินที่คุณต้องเสียไปสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ติดตามการเปิดตัวใหม่ของสมาร์ทโฟนอยู่ตลอดเวลาแล้วล่ะก็ ในช่วง 2-4 เดือนที่ผ่านมานี้นั้นน่าจะได้เห็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เปิดตัวกันเหมือนเดินพาเหรดซึ่งส่วนใหญ่แล้วนั้นจะเป็นสมาร์ทโฟนในระดับกลางไปจนถึงล่างกันทั้งนั้น
และหากคุณสังเกตลึกลงไปกว่านั้นแล้วจะยิ่งเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนใหม่ๆ เหล่านั้นจะมาพร้อมกับชิปเซ็ทของทาง MediaTek อย่าง Dimensity Series มากกว่า Snapdragon Series ของทาง Qualcomm ที่น่าสนใจก็คือชิปเซ็ท Dimensity เหล่านั้นมักจะเป็นรุ่นใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยมีข้อมูลมากนักอันจะประกอบไปด้วย MediaTek Dimensity 6000 Series, 7000 Series และ 8000 Series
ในวันนี้ทาง SpecPhone จึงขอมันรวมเอาชิปเซ็ทเหล่านั้นซึ่งจะประกอบไปด้วย Dimensity 6080, Dimensity 7050 และ Dimensity 8200 แต่ละรุ่นจะน่าสนใจมากแค่ไหนนั้นไปติดตามกันได้เลย
MediaTek Dimensity 6080
MediaTek Dimensity 6080 เป็นชิปเซ็ทรุ่นล่างสุดของ Dimensity รุ่นใหม่ซึ่งถูกใช้กับสมาร์ทโฟนระดับล่างหลายๆ รุ่น ก่อนอื่นเลยนั้นไปดูสเปคของ MediaTek Dimensity 6080 กันก่อนว่าเป็นเช่นไร
Architecture 2x 2.4 GHz – Cortex-A76
6x 2 GHz – Cortex-A55Cores 8 Frequency 2400 MHz Instruction set ARMv8.2-A L1 cache 512 KB L2 cache 1 MB L3 cache 2 MB Process 6 nanometers Manufacturing TSMC GPU name Mali-G57 MC2 (Valhall) GPU frequency 950 MHz Execution units 2 Shading units 32 FLOPS 243 Gigaflops Vulkan version 1.1 OpenCL version 2.0 DirectX version 12 Memory type LPDDR4X Memory frequency 2133 MHz Bus 2x 16 Bit Max bandwidth 17.07 Gbit/s Max size 16 GB Neural processor (NPU) Yes Storage type UFS 2.2 Max display resolution 2520 x 1080 Max camera resolution 1x 108MP, 2x 16MP Video capture 2K at 30FPS Video playback 2K at 30FPS Video codecs H.264, H.265, VP9 Audio codecs AAC LC, MP3, HE-AACv1, HE-AACv2, FLAC 4G support LTE Cat. 18 5G support Yes Download speed Up to 2770 Mbps Upload speed Up to 1250 Mbps Wi-Fi 5 Bluetooth 5.1 Navigation GPS, GLONASS, Beidou, Galileo, QZSS, NAVIC
หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยในการอ่านสเปคและไม่เข้าใจว่าทาง SpecPhone จะนำเอาสเปคบนกระดาษมาให้ดูทำไม แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้ทุกท่านได้ทราบก็คือสเปคบนกระดาษนี่ล่ะที่เป็นสิ่งเบื้องต้นที่สามารถจะบอกเราได้ว่าชิปเซ็ทในรุ่นต่างๆ นั้นมีระดับอยู่ในระดับใดหากเราสามารถที่จะอ่านมันออกได้ ดังนั้นเราอยากให้ท่านเปิดใจสักนิดแล้วดูมันไปพร้อมๆ กับเราได้เลย
ก่อนอื่นในส่วนของหน่วยประมวลผลหรือ CPU นั้นจะเห็นได้ว่า MediaTek Dimensity 6080 นั้นแทบจะเป็นสเปคเดียวกันกับ MediaTek Dimensity 700 ซึ่งเป็นรุ่นต่ำสุดของปีที่แล้ว ด้วยการใช้งานชิปหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม ARM Cortex-A76 จำนวน 2 Croes และ ARM Cortex-A55 จำนวน 6 Cores ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุดของหน่วยประมวลผลหรือ CPU นั้นจะอยู่ที่ 2.4 GHz ทำให้ในด้านของหน่วยประมวลผลของ MediaTek Dimensity 6080 นั้นแทบจะไม่มีอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจเลย
จุดต่อมาก็คือชิปกราฟิกอย่าง Mali-G57 MC2 นั้นก็ถือว่าเป็นชิปรุ่นเก่าที่อยู่ในระดับล่าง ถึงแม้ว่าจะมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุดอยู่ที่ 950 MHz แต่ด้วยความที่มันมีจำนวนแค่ 2 แกนเท่านั้นทำให้เรื่องการประมวลผลในด้านกราฟิก 3 มิตินั้นหากเทียบแล้วก็จะพอๆ กับชิปเซ็ท 4G อย่างซีรีย์ MediaTek Helio G90 Series เท่านั้น ดังนั้นหากพูดถึงเรื่องของการเล่นเกมแล้ว MediaTek Dimensity 6080 จึงเหมาะกับเกมเบาๆ ที่ไม่ใช้กราฟิก 3 มิติเยอะมากเท่าไรนัก
สิ่งที่ถือว่าเป็นตัวชูโรงของ MediaTek Dimensity 6080 ได้นั้นก็คือเรื่องของการรองรับกล้องที่รองรับกล้องความละเอียดสูงสุดมากถึง 108MP และการที่เป็นชิปเซ็ทที่รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ 5G ซึ่งน่าจะยังสามารถใช้งานไปได้ยาวๆ อีกสัก 3 – 4 ปี ได้แบบสบายๆ เรื่องที่น่าเสียดายคงหนีไม่พ้นการที่ตัวชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 6080 นั้นรองรับแหล่งเก็บข้อมูลมาตรฐาน UFS 2.2 ที่ถือว่าเป็นรุ่นเก่าแล้วและมีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลไม่สูงมากนัก ดังนั้นเรื่องของการโหลดแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนหน้าจอไปมานั้น MediaTek Dimensity 6080 ก็จะมีความสามารถที่อยู่ในระดับเบื้องต้นหรือแค่รองรับได้ดีในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น
สำหรับการทดสอบความเร็วของชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 6080 ด้วยแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง AnTuTu และ Geekbench นั้นจะเป็นดังต่อไปนี้
AnTuTu 9 405596 GeekBench 5 Single-Core Score 745 GeekBench 5 Multi-Core Score 1980
สำหรับคะแนนผลการทดสอบเบื้องต้นจาก AnTuTu และ Geekbench นั้นจะช่วยให้เราดูได้ว่าตัวชิปเซ็ทรุ่นนั้นๆ เทียบกับคู่แข่งแล้วจะอยู่ในระดับใดหรือเทียบเท่ากับชิปเซ็ทรุ่นใดซึ่งจากข้อมูลของ MediaTek Dimensity 6080 นั้นจะพบว่าผลการทดสอบจะมีประสิทธิภาพอยู่ที่ระดับเดียวกันกับชิปเซ็ทของทาง Qualcomm รุ่น Snapdragon 695 และชิปเซ็ทรุ่นเก่าของตัวเองอย่าง MediaTek Dimensity 700 อย่างที่ได้บอกเอาไว้ตั้งแต่ต้น
สรุปแล้ว MediaTek Dimensity 6080 นั้นก็สมกับการเป็นชิปเซ็ทรุ่นล่างจริงๆ ไม่มีอะไรหวือหวามากเท่าไรนักนอกเหนือไปจากการยกระดับให้ชิปเซ็ทระดับล่างรองรับเครือข่าย 5G อย่างเป็นทางการก็เพียงเท่านั้น
MediaTek Dimensity 7050
มาต่อกันที่รุ่นยอดนิยมที่มีสมาร์ทโฟนใช้งานออกมาจำหน่ายได้สักพักแล้วกับ MediaTek Dimensity 7050 ซึ่งจะมาพร้อมกับสเปคดังต่อไปนี้
Architecture 2x 2.6 GHz – Cortex-A78
6x 2 GHz – Cortex-A55Cores 8 Frequency 2600 MHz Instruction set ARMv8.4-A Process 6 nanometers Manufacturing TSMC GPU name Mali-G68 MC4 (Valhall 2nd Gen) GPU frequency 800 MHz Execution units 4 FLOPS 686 Gigaflops Vulkan version 1.3 OpenCL version 2.0 DirectX version 12 Memory type LPDDR5, LPDDR4X Memory frequency 3200 MHz, 2133 MHz Bus 4x 16 Bit, 2x 16Bit Max bandwidth 24 Gbit/s, 17.07 Gbit/s Max size 16 GB Neural processor (NPU) Yes (MediaTek APU 550) Storage type UFS 2.1, UFS 2.2, UFS 3.0, UFS 3.1 Max display resolution 2520 x 1080 Max camera resolution 1x 108MP, 2x 16MP Video capture 2K at 30FPS Video playback 2K at 30FPS Video codecs H.264, H.265, VP9 Audio codecs AAC LC, MP3, HE-AACv1, HE-AACv2, FLAC 4G support LTE Cat. 18 5G support Yes Download speed Up to 2770 Mbps Upload speed Up to 1250 Mbps Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 Navigation GPS, GLONASS, Beidou, Galileo, QZSS, NAVIC
MediaTek Dimensity 7050 นั้นตามสเปคแล้วจะเป็นเวอร์ชันอัปเกรดของ MediaTek Dimensity 920 ซึ่งยังคงใช้สถาปัตยกรรมของชิปหน่วยประมวลผลเก่าอย่าง ARM Cortex-A78 เป็นตัวชูโรงอยู่ โดย MediaTek Dimensity 7050 เองนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับราคาช่วง 8,xxx – 12,xxx บาท
จุดที่น่าสนใจของ MediaTek Dimensity 7050 นั้นไม่ใช่ความแรงของตัวชิปเซ็ทที่เน้นเรื่องของการใช้งานที่แรงมากมายแต่เป็นมักจะนิยมใช้งานกับสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับการอัปเกรดระบบกล้องให้มีกล้องหลักความละเอียด 108MP มากกว่า ดังนั้นหากจะว่าไปแล้วเราจึงได้เห็น MediaTek Dimensity 7050 นั้นอยู่ในสมาร์ทโฟนระดับกลางที่เน้นเรื่องของความละเอียดกล้องเป็นหลัก
สำหรับผลการวัดระดับความแรงของชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 7050 ด้วยแอปพลิเคชันทดสอบความแรงชั้นนำนั้นจะมีดังต่อไปนี้
AnTuTu 9 548549 GeekBench 5 Single-Core Score 840 GeekBench 5 Multi-Core Score 2325
ตามคะแนนเฉลี่ยที่ออกมานั้นพบว่า MediaTek Dimensity 7050 จะมีความแรงในระดับกลางจริงๆ โดยคะแนนนั้นจะแรงพอๆ กับ MediaTek Dimensity 920 และ Qualcomm Snapdragon 778G ที่มีออกมาตั้งแต่ในปีที่แล้ว ด้วยความแรงในระดับนี้เองทำให้ MediaTek Dimensity 7050 นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับสมาร์ทโฟนในราคาระดับกลางโดยหากถามว่าในการใข้งานจริงนั้นจะเป็นเช่นไรก็คงต้องบอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทางผู้ผลิตเอาไปจับคู่กับชิปแปล่งเก็บข้อมูลแบบ UFS 3.1 ทว่าตามความเป็นจริงแล้วนั้น MediaTek Dimensity 7050 มักจะถูกจับคู่ใช้งานกับชิปแหล่งเก็บข้อมูลแบบ UFS 2.2 เท่านั้นทำให้การอ่านและเขียนข้อมูลลงไปบนแหล่งเก็บข้อมูลภายในนั้นไม่ได้เร็วมากจนผู้ใช้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงมากเท่าไรนัก
เรื่องของการเล่นเกมนั้น MediaTek Dimensity 7050 จะอยู่ในระดับที่ตอบโจทย์นักเล่นเกมที่ไม่เน้นปรับกราฟิกแบบสุดๆ ได้เท่านั้น คือถ้าเปิดเอฟเฟคที่ระดับ Medium แล้วนั้น MediaTek Dimensity 7050 สามารถที่จะตอบโจทย์ความเร็วได้แบบสบายๆ (และอาจจะเปิดเอฟเฟคที่ระดับ High ได้ในบางเกมแต่เฟรมเรทก็อาจจะตกเร็วพอควร)
เอาเป็นว่า MediaTek Dimensity 7050 นั้นตอบโจทย์ได้ดีในการใช้งานในระดับกลางในทุกๆ แง่จริงๆ และเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องของชิปเซ็ทของสมาร์ทโฟนที่ต้องเป็นของ Qualcomm เท่านั้น แต่สำหรับสายเล่นเกมแล้วละก็ดูเหมือนจะมีตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างเช่น POCO F5 ที่มาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 7+ Gen 2 ที่คุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ เพราะตัวเครื่องนั้นมีราคาอยู่ในระดับเดียวกันกับสมาร์ทโฟนที่ใช้งานชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 7050 ของแบรนด์อื่นๆ
MediaTek Dimensity 8200
ปิดท้ายด้วย MediaTek Dimensity 8200 ที่คุณสามารถที่จะเห็นได้บนสมาร์ทโฟนในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้(แต่ในประเทศจีนมีสมาร์ทโฟนที่ใช้งานออกวางจำหน่ายหลายรุ่นแล้ว) ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ก่อนอื่นนั้นไปดูสเปคกันเลย
Architecture 1x 3.1 GHz – Cortex A78
3x 3 GHz – Cortex A78
4x 2 GHz – Cortex A55Cores 8 Frequency 3100 MHz Instruction set ARMv8.4-A L1 cache 1 MB L2 cache 2 MB L3 cache 4 MB Process 4 nanometers Manufacturing TSMC GPU name Mali-G610 MP6 (Valhall 3rd gen) GPU frequency 950 MHz Execution units 6 Shading units 32 FLOPS 1442 Gigaflops Vulkan version 1.3 OpenCL version 2.0 DirectX version 12 Memory type LPDDR5 Memory frequency 3200 MHz Bus 4x 16 Bit Max bandwidth 51.2 Gbit/s Max size 16 GB Neural processor (NPU) MediaTek APU 580 Storage type UFS 3.1 Max display resolution 2960 x 1440 Max camera resolution 1x 320MP Video capture 4K at 60FPS Video playback 4K at 60FPS Video codecs H.264, H.265, AV1, VP9 Audio codecs AAC LC, MP3, HE-AACv1, HE-AACv2, FLAC 4G support LTE Cat. 21 5G support Yes Download speed Up to 4700 Mbps Upload speed Up to 2500 Mbps Wi-Fi 6 Bluetooth 5.3 Navigation GPS, GLONASS, Beidou, Galileo, QZSS, NAVIC
หากในปีที่แล้วคุณเป็นคนหนึ่งที่ซื้อ MediaTek Dimensity 8100 ซึ่งอยู่บน POCO X4 GT มาใช้งานแล้วล่ะก็ MediaTek Dimensity 8200 อาจจะไม่ได้ทำให้คุณตื่นเต้นมากเท่าไรนักเพราะมันเป็นรุ่นอัปเกรดเพียงเล็กน้อยจาก MediaTek Dimensity 8100 ทว่าหากคุณกำลังจะมองหาสมาร์ทโฟนรุ่นที่มาพร้อมกับชิปเซ็ทระดับกลางค่อนไปทางสูงของทางฝั่ง MediaTek อยู่แล้วล่ะก็ รับรองว่า MediaTek Dimensity 8200 นั้นไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังทั้งในเรื่องประสิทธิภาพและราคาตัวเครื่องอย่างแน่นอน
อย่างที่บอกไปว่า MediaTek Dimensity 8200 นั้นอัปเกรดมาจาก MediaTek Dimensity 8100 เพียงเล็กน้อยด้วยการเปลี่ยนแนวให้ชิปเซ็ทมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ 3 Cluster โดยจะมีการเพิ่ม Cluster ที่แรงที่สุดที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM Cortex-A78 ซึ่งถูกเร่งความเร็วสัญญาณนาฬิกาไปที่ 3.1 GHz เหมือนกับที่คุณสามารถมองหาได้จากชิปเซ็ทของทาง Qualcomm อย่าง Snapdragon 860 หรือ Snapdragon 870 ไปจนกระทั่งรุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 7+ Gen 2
ด้วยความที่ MediaTek Dimensity 8100 เองนั้นก็ถือว่าแรงอยู่แล้วแถมสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน MediaTek Dimensity 8100 นั้นราคาก็ไม่ได้แพงมากนัก ดังนั้น MediaTek Dimensity 8200 เองก็จะมาในรูปแบบเดียวกันที่เน้นเรื่องของราคาเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะไปดูประสิทธิภาพนั้นหากเรามองเรื่องของเทคโนโลยีที่ MediaTek Dimensity 8200 ใช้นั้นจะเห็นได้ว่ามันไม่ได้แตกต่างไปจาก MediaTek Dimensity 8100 มากสักเท่าไรนักไม่ว่าจะเป็นการรองรับการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6 รวมไปจนถึงใช้ชิปกราฟิกที่รองรับการถอดรหัสไฟล์วีดิโอใหม่อย่าง AV1 ซึ่งเริ่มเห็นบางเว็บไซต์ใช้งานแล้ว
สำหรับผลคะแนนการทดสอบด้วยแอปพลิเคชันดังๆ ของ MediaTek Dimensity 8200 นั้นจะเป็นดังต่อไปนี้
AnTuTu 9 840650 GeekBench 5 Single-Core Score 995 GeekBench 5 Multi-Core Score 4055
อย่างที่ได้บอกไปว่า MediaTek Dimensity 8200 นั้นจะมีผลการทดสอบใกล้เคียงกับ MediaTek Dimensity 8100 โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะเป็นผลการทดสอบแบบ Single-Core มากกว่าเพราะได้มีการเพิ่ม Cluster ประสิทธิภาพแยกมาต่างหากที่ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 3.1 GHz โดยจากคะแนนการทดสอบนั้น MediaTek Dimensity 8200 จะเทียบชั้นได้กับชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 888 ที่เป็นรุ่นเรือธงของเมื่อ 3 ปีก่อน
ด้านการเล่นเกมนั้น MediaTek Dimensity 8200 ก็ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน โดยหากคุณเคยจับสมาร์ทโฟนที่ใช้ MediaTek Dimensity 8100 มาแล้วล่ะก็คุณจะรู้ได้ทันทีว่าการที่ชิปผลิตด้วยกระบวนการผลิตที่ระดับ 4nm นั้นเวลาใช้งานและเล่นเกมจริงๆ ตัวเครื่องจะไม่ร้อนมากเท่าไรนัก(ยิ่งเล่นในห้องแอร์ด้วยแล้วล่ะก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่ร้อนเลยก็ว่าได้)
อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นจุกที่น่าเสียดายสำหรับ MediaTek Dimensity 8200 นั้นน่าจะเป็นการใช้สถาปัตยกรรมของหน่วยประมวลผลเก่าอย่าง ARM Cortex-A78 ที่มีออกมานแล้วมากกว่า แต่ถามว่ามันน่าห่วงมากไหมก็ต้องบอกเลยว่าไม่น่าเป็นห่วงมากนักเพราะชิปเซ็ทบนสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ก็ใช้สถาปัตยกรรมรุ่นเก่านี้อยู่เต็มท้องตลาดไปหมดดังนั้นเรื่องการรองรับการใช้งานในระยะยาวแล้วนั้นคุณน่าจะใช้งานสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับชิปเซ็ท MediaTek Dimensity 8200 ไปได้ยาวๆ อีก 4-5 ปีเลยทีเดียว งานนี้เรียกได้ว่าเรื่องราคานั้นน่าจะคุ้มค่าแน่นอนเพราะจากสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายในประเทศจีนที่ใช้ MediaTek Dimensity 8200 นั้นบอกได้เลยว่าราคาน่าสนใจเป็นอย่างมาก(บางรุ่นราคาไม่ถึง 1x,xxx ด้วยซ้ำ)
หมายเหตุ – แต่อย่างไรก็ตามหากมาเจอสมาร์ทโฟนที่ใช้ Qualcomm Snapdragon 7+ Gen 2 แล้วนั้น MediaTek Dimensity 8200 ก็ตายเรียบอยู่ดี แต่จากปัจจุบันที่สมาร์ทโฟนที่ใช้ Qualcomm Snapdragon 7+ Gen 2 นั้นเท่าที่มีวางจำหน่ายแบบทั่วโลกจะมีแค่รุ่นเดียวเท่านั้นคือ POCO F5 ดังนั้นสมาร์ทโฟนที่ใช้ MediaTek Dimensity 8200 ที่ถึงแม้สเปคกับความแรงจะไม่เทียบเท่าแต่มีตัวเลือกให้เลือกมากกว่า(และมีหลายแบรนด์) ก็น่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกแบรนด์ที่ตัวเองชอบได้มากกว่า
ที่มา : nanoreview 1, 2, 3, processorgyan 1, notebookcheck 1, chipguider 1, 2