i-mobile เป็นแบรนด์มือถือที่อยู่ในตลาดไทยมานานหลายปีมาก ไล่มาตั้งแต่สมัยฟีเจอร์โฟน ด้วยความที่เป็นแบรนด์ของไทยเอง โดยใช้กลยุทธ์การเปิดราคาที่ถูก คุ้มค่า และแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็นหลายรุ่นตามความต้องการของตลาด ซึ่งกลยุทธ์นี้ก็ยังคงใช้มาจนถึงยุคของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน และก็ประสบความสำเร็จดีเลยทีเดียวสำหรับสมาร์ทโฟนระดับราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
และล่าสุด i-mobile ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงของตนรุ่นใหม่ออกมา นั่นคือ i-mobile IQ X2 ที่เป็นรุ่นต่อยอดจาก IQ X ตัวแรก ที่เปิดตัวในตลาดตั้งแต่ราวๆ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางเราก็ไม่พลาดที่จะหยิบมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันครับ ไปชมรีวิว i-mobile IQ X2 กันเลย
i-mobile IQ X2 มาด้วยคอนเซ็ปท์คือ “เพราะเราเข้าใจ” ซึ่งดูแล้วก็น่าจะเข้าใจคนไทยได้เป็นอย่างดีครับ เพราะในกล่องมีอุปกรณ์ให้มาดังนี้
- ตัวเครื่อง IQ X2
- สาย Micro USB แบบสายแบน
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ
- หูฟัง
- เอกสารการรับประกัน คู่มือการใช้งานเล่มหนาเป็นภาษาไทย
- ผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับเช็ดจอและเครื่อง
- เคสพลาสติกใส
- ฟิล์มกันรอยหน้าจอ โดยติดมาให้ที่จอเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ลอกแผ่นพลาสติกออกมา
นับแค่จากของแถมก็เรียกว่าเอาใจผู้ใช้มาตั้งแต่แกะกล่องเลยทีเดียว เพราะเจ้าของสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่หลังจากซื้อเครื่องมา ก็จะไล่หาฟิล์มกันรอยหน้าจอและเคสมาสวมใส่เพื่อป้องกันร่องรอย กันกระแทกอยู่แทบจะ 100% ของทั้งหมดอยู่แล้ว i-mobile ก็เลยจัดการแถมฟิล์มกันรอยและเคสเฉพาะสำหรับ IQ X2 มาให้ในตัวพร้อมใช้งาน ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มเติมภายหลัง อีกทั้งด้านในกล่องยังมีเขียนไว้อีกด้วยว่า ถ้าหากเครื่องค้างหรือไม่สามารถเปิดเครื่องได้ ให้ลองกดปุ่มเปิดเครื่อง พร้อมกับปุ่มเพิ่มเสียงค้างไว้เป็นเวลา 10 วินาที ถ้าไม่หายก็ให้ติดต่อศูนย์บริการได้เลย ก็ถือว่าเป็นการแนะนำทางแก้ปัญหาเบื้องตันได้ในระดับหนึ่งครับ
สเปค i-mobile IQ X2
- ชิปประมวลผล MediaTek MTK6589T Quad-core ความเร็ว 1.5 GHz มาพร้อม GPU เป็น PowerVR SGX544
- แรม 1 GB
- หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 (Full HD) ใช้พาเนลจาก Sharp
- รอมภายในตัว 4 GB รองรับ microSD สูงสุด 32 GB
- กล้องหลังความละเอียดสูงสุด 18 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ BSI
- กล้องหน้าความละเอียดสูงสุด 8 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ BSI
- ติดตั้งแฟลช LED มาให้สองตัว
- มีเครื่อง 2 รุ่นย่อย คือ IQ X2 กับ IQ X2A
- IQ X2 จะรองรับ 3G เฉพาะความถี่ 850 (dtac, Truemove-H) กับ 2100 MHz (ทุกเครือข่ายที่ปรับเปลี่ยนแล้ว)
- IQ X2A จะรองรับ 3G เฉพาะความถี่ 900 (AIS) กับ 2100 MHz (ทุกเครือข่ายที่ปรับเปลี่ยนแล้ว)
- ใช้งานได้ 2 ซิมทุกรุ่นย่อย (ช่อง 1 เป็นซิมปกติ ช่อง 2 เป็นไมโครซิม) ใช้ 3G ได้ทีละซิม
- Android 4.2.1 Jelly Bean
- แบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 2300 mAh
- ตัวเครื่องบางเพียง 8.4 มิลลิเมตร หนัก 150 กรัม
- ราคา 9,490 บาท
- สเปค i-mobile IQ X2 เต็มๆ
ด้านของสเปคนั้น i-mobile IQ X2 เรียกว่าจัดเต็มในหลายๆ จุดทีเดียว โดยเฉพาะความที่เป็นสมาร์ทโฟนราคาไม่ถึงหมื่น แต่ได้สเปคเป็นชิปควอดคอร์ / กล้อง 18 ล้านพิกเซล / กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล / Android 4.2 และที่สำคัญคือได้จอความละเอียดสูงถึงระดับ Full HD (1920 x 1080) ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในไทยที่ราคาไม่ถึงหมื่นแต่ได้จอ Full HD ในตัว แถมชิปประมวลผลที่ใช้ก็เป็นชิปควอดคอร์รุ่นอัพเกรดขึ้นมาจาก MTK6589 ปกติที่ใช้กันอยู่ในเครื่องหลายๆ รุ่น ไม่ว่าจะเรื่องพลังการประมวลผลปกติ และพลังการประมวลผลกราฟิกที่ถึงแม้จะยังใช้ GPU เป็น PowerVR SGX544 อยู่ แต่ก็ได้รับการเพิ่มความเร็วในการทำงานขึ้นมาจากเดิมอีกด้วย ซึ่งก็น่าจะแรงกว่าเดิมพอสมควรทีเดียว
รูปทรงของเครื่องก็ยังคงแนวความเป็นสมาร์ทโฟนทั่วไปอยู่ คือใช้กระจกปิดราบไปทั้งหน้า สีของตัวเครื่องจะมีให้เลือก 2 สีครับ คือขาวและดำ แต่ในช่วงแรกนี้จะมีเข้ามาขายเฉพาะสีขาวก่อน เมื่อหยิบเครื่องออกมาครั้งแรก ที่หน้าจอจะมีสติ๊กเกอร์บอกสเปคติดไว้อยู่ ซึ่งใต้สติ๊กเกอร์จะมีฟิล์มกันรอยติดเอาไว้บนหน้าจอให้เราลอกแผ่นพลาสติกออก เพื่อติดฟิล์มลงไปบนจอได้เลย ไม่ต้องมานั่งกะวัดระยะเอง เท่าที่ดู ฟิล์มที่ติดมาจากโรงงานก็ค่อนข้างตรงในระดับหนึ่ง มีเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าหากใครชอบความเนี้ยบก็พอปรับเองได้ ฟิล์มที่ติดให้มาเป็นแบบใส ทำให้ภาพที่ออกมาจากจอไม่โดนลดแสงลงไปมากนัก
ด้านบนของจอจะมีแผงเซ็นเซอร์วัดแสง วัดระยะห่าง, ลำโพงสนทนาและกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยที่เหนือแถบเซ็นเซอร์จะมีไฟ LED สำหรับกระพริบเตือนแจ้งสถานะให้ผู้ใช้ทราบด้วย เช่นเวลามี Notification เข้ามา หรือเวลาชาร์จแบตอยู่ ก็จะมีไฟติดขึ้นมา ส่วนด้านล่างของจอก็จะมีปุ่มสั่งงานด้วยกันสามปุ่ม ไล่จากซ้ายก็คือปุ่มเมนู (แต่รูปที่สกรีนไว้ดันเป็นสัญลักษณ์ของ Recent app) ถัดมาเป็นปุ่มโฮม และริมขวาสุดเป็นปุ่ม Back โดยเราสามารถเรียกใช้งาน Recent app จริงๆ ได้ด้วยการกดปุ่มโฮมค้างไว้ครับ ข้างใต้ปุ่มทั้งสามจะมีไฟ LED ให้ความสว่างอยู่ แต่ดูเหมือนว่าความสว่างของปุ่มจะไม่เท่ากันนิดหน่อย
เรื่องจอภาพ จัดว่าเป็นจุดเด่นของ i-mobile IQ X2 เลยทีเดียว โดยจากที่เรารีวิว IQ X2 มา พบว่าจอของเครื่องนั้นให้ภาพที่สวยงาม คมชัดดีมาก สีสันสดใส ไม่ติดโทนใดเป็นพิเศษมากนัก มุมมองจอกว้างตามระดับของพาเนลแบบ IPS ?ความสว่างจอนั้นกินขาดหลายๆ รุ่นในตลาดได้เลย สามารถใช้งานกลางแจ้งได้สบาย แต่เรื่องความสว่างจอก็มีจุดด้อยอยู่เหมือนกันครับ เพราะระบบปรับความสว่างของหลอดไฟหลังจอทำงานได้ไม่ค่อยดีนักถ้าหากตั้งค่าเป็นแบบปรับแสงอัตโนมัติ เพราะมันจะตัดหรือเพิ่มความสว่างแบบข้ามระดับไปเลย
เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ แล้วกันนะครับ
- ในสมาร์ทโฟนทั่วไป (และที่ควรจะเป็น) จะปรับความสว่างเป็นระดับแบบ 1 -> 2 -> 3 -> 4 -> 5 ->…-> 9
- แต่ใน IQ X2 นั้นปรับความสว่างเป็นระดับแบบ 1 -> 3 -> 5 -> 7 -> 9
คือสเกลการแบ่งความสว่างค่อนข้างกว้าง ทำให้อยู่ดีๆ จอก็สว่างพรวดขึ้นมา จะมืดลงก็มืดลงแบบปรับสายตาไม่ทัน ทำให้ปวดตาค่อนข้างเร็ว ส่วนตัวผมเองก็เลยปิดโหมด auto brightness ไปเลย ซึ่งก็นับเป็นบั๊กที่แปลก เพราะถ้าหากลองเลื่อนปรับความสว่างเอง ปรากฏว่าสเกลความสว่างมันเป็นแบบเดียวกับในสมาร์ทโฟนทั่วไปครับ คือค่อยๆ มืดหรือสว่างลงได้แบบไม่ปวดตา ดังนั้นดูแล้วจุดนี้ ถ้ามีการอัพเดตซอฟต์แวร์แก้เรื่องระบบการปรับระดับความสว่างอัตโนมัติออกมา ปัญหานี้ก็น่าจะหายไปได้อย่างไม่ยากเย็น
ฝาหลังของ i-mobile IQ X2 เป็นพลาสติกสีขาวมันวาวเช่นเดียวกับด้านหน้า แต่มีประกายมุกเพิ่มความแวววาวและความสวยงามอยู่ด้วย
ส่วนมุมซ้ายบนจะมีกล้องหลังความละเอียด 18 ล้านพิกเซลที่ใช้เซ็นเซอร์แบบ BSI ติดตั้งลึกลงไปจากผิวฝาหลังเล็กน้อย ถัดลงมาก็เป็นตำแหน่งของแฟลช LED ทั้งสองตัว ส่วนจุดดำเล็กๆ ที่ฝั่งขวานั้นคือช่องรับเสียงของไมค์ตัดเสียงรบกวนด้านหลัง
ด้านล่างสุดของเครื่องจะเป็นตำแหน่งของลำโพงสำหรับดูหนัง ฟังเพลง และให้เสียงแจ้งเตือนต่างๆ เท่าที่รีวิว IQ X2 มา พบว่าเสียงก็พอโอเคอยู่ครับ ใช้ดู YouTube ได้สบายๆ แต่ถ้าจะเน้นฟังเพลงแบบมีอรรถรส คงต้องต่อลำโพงหรือหูฟังเอา จะดีที่สุด
แกะฝาหลังออกมาดูกันบ้าง ภายในจะมีสติ๊กเกอร์ติดไว้ชัดเจนเลยว่าเครื่องเราเป็นโมเดลไหน อย่างเครื่องที่ทางเราได้มารีวิวนี้จะเป็น i-mobile IQ X2 ธรรมดา ที่รองรับ 3G (WCDMA) ความถี่ 850/2100 MHz
ฝั่งของตัวเครื่องก็จะพบแบตเตอรี่ก้อนใหญ่สีดำอยู่ตรงกลาง ซึ่งเราไม่สามารถถอดแบตเตอรี่เองได้นะครับ ด้านบนจะมีช่องใส่การ์ดต่างๆ ไล่จากซ้ายก็คือช่อง MicroSD ตรงกลางเป็นช่องใส่ซิม 1 ที่เป็นซิมขนาดปกติ ส่วนช่องริมขวาเป็นช่องใส่ซิม 2 ที่เป็นไมโครซิม โดยในการใช้งาน ผู้ใช้สามารถสแตนด์บายรับสาย/โทรออกได้ทั้ง 2 ซิม แต่ถ้าหากใช้ 3G จะสามารถใช้ได้ทีละซิมเท่านั้น
ขอบข้างของ IQ X2 จะใช้เป็นแถบพลาสติกเคลือบสีเทาคล้ายอะลูมิเนียมนูนขึ้นมาใกล้เคียงกับใน iPhone 4/4S ครับ ด้านบนมีเพียงช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านล่างมีช่อง Micro USB และช่องรับเสียงของไมค์สนทนา ฝั่งขวามีปุ่มเปิด/ปิด และแถบของปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ซึ่งถ้าหากถือเครื่องไว้ในมือขวา ปุ่มก็จะอยู่ในบริเวณนิ้วหัวแม่มือพอดี แต่ถ้าใส่เคสที่แถมให้มาในกล่องแล้ว ปุ่มจะอยู่ลึกลงไป ทำให้กดลำบากขึ้นเล็กน้อย ส่วนด้านซ้ายของเครื่อง ไม่มีปุ่มใดๆ อยู่เลย
|
สามภาพด้านบนนี้ เป็น IQ X2 ที่ใส่เคสแล้วนะครับ เนื้อเคสก็เป็นพลาสติกขุ่นธรรมดา น้ำหนักเบา ตรงกลางมีตัว X พาดอยู่ ดูแล้วน่าจะไม่แข็งแรงมาก แต่คาดว่า i-mobile น่าจะมีขายเคสแบบอื่นๆ ตามมาภายหลังด้วย
ลองเล่นเกม Asphalt 8 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด ก็สามารถเล่นได้นะครับ แต่อาจต้องปรับลดความละเอียดลงมาเหลือระดับ Low หรือ Very Low จะลื่นกว่าระดับ Medium ที่เกมปรับมาให้พอสมควรทีเดียว
ความรู้สึกในการใช้งาน จุดที่เด่นอย่างเห็นได้ชัดนอกจากจอความละเอียดสูงระดับ Full HD แล้ว ก็คือน้ำหนักเครื่องที่เบามากๆ ฟีลลิ่งการจับ โดยรวมก็ทำออกมาได้ดี ตัวเครื่องไม่ใหญ่เกินกว่าจะใช้งานด้วยมือเดียว ความลื่นของการทำงานโดยทั่วไปจัดว่าดี ส่วนใหญ่จะตอบสนองได้ทันใจ
เรื่องกล้องหลังของ i-mobile IQ X2 ก็ยังคงมาที่ความละเอียดสูงสุด 18 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกับ IQ X ที่เปิดตลาดมาก่อนหน้านี้ และก็ยังคงใช้หลักการ Image Interpolation ที่จะประมวลผลและแทรกเม็ดพิกเซลเข้าไปในภาพ เพื่อให้ขนาดของภาพใหญ่ขึ้นเป็นถึงกว่า 18 ล้านพิกเซล ซึ่งถ้าสำหรับการถ่ายรูปเพื่ออัพโหลดขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คแบบขำๆ แนะนำว่าตั้งสูงสุดแค่ 8 ล้านพิกเซลก็เพียงพอแล้วครับ เพราะเวลาอัพขึ้นไป ส่วนใหญ่ก็จะถูกปรับลดขนาดไฟล์ลงอยู่ดี และยังไม่เปลืองเน็ต 3G อีกด้วย แต่ถ้าใครใช้ WiFi อัพรูป ก็จัดเต็มไปเลยก็ได้ โดยถ้าตั้งค่าความละเอียดที่ 18 ล้านพิกเซล จะได้ไฟล์ภาพขนาดราวๆ 2 ถึง 6 MB กว่าๆ แต่ถ้าลดความละเอียดลงมาเหลือ 13 หรือ 8 ล้านพิกเซล ไฟล์ภาพจะเหลือขนาดราว 2 MB เท่านั้น
ส่วนการถ่ายวิดีโอ ก็สามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงสุดถึง 1080p ด้วยฟอร์แมต .3GP (ตั้งค่าคุณภาพเป็น Fine) ไฟล์ออกมาก็พอใช้งานได้ครับ วิดีโอความยาว 8 วินาที มีขนาดไฟล์ราว 18 MB ด้วยกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง i-mobile IQ X2 (กล้องหลัง สภาพแสงกลางแจ้งปกติ)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง i-mobile IQ X2 (กล้องหลัง ถ่ายเวลากลางคืน)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง i-mobile IQ X2 (กล้องหน้า)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง i-mobile IQ X2 (โหมดพาโนรามา)
ตัวอย่างหน้าตาอินเตอร์เฟสจากรีวิว i-mobile IQ X2
สามารถย้ายแอพไปยัง MicroSD ที่ใส่เพิ่มเข้าไปได้เลยในตัว ทีนี้เรื่องรอมที่ให้มาเพียง 4GB คงไม่ใช่ปัญหาแล้วนะครับ สามารถติดตั้งแอพได้เยอะตามใจชอบเลย (แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวแอพด้วยว่ารองรับการย้ายแอพไปอยู่ใน MicroSD หรือเปล่า)
ผลทดสอบประสิทธิิภาพประกอบการรีวิว i-mobile IQ X2
ด้านของประสิทธิภาพจากผลการทดสอบนั้น จัดว่าน่าพอใจทีเดียวกับเครื่องราคาเกือบหมื่น ส่วนถ้าเทียบกับรุ่นที่ใช้ชิปรุ่นใกล้เคียงคือ MediaTek MTK6589 เช่นใน Lenovo S920 พบว่า MTK6589T (เป็นรุ่นอัพเกรดจาก 6589 ปกติ) ใน IQ X2 สามารถทำคะแนนส่วนของการประมวลผลออกมาได้ดีกว่า MTK6589 สอดคล้องกับพลังการประมวลผลกราฟิกที่เพิ่มขึ้นจากในหลายๆ การทดสอบเท่าที่ทางเรารีวิวไป ก็นับว่าเป็นชิปที่น่าสนใจทีเดียว สำหรับ MTK6589T ซึ่งก็น่าจะเริ่มเข้ามาในตลาดในสมาร์ทโฟนระดับราคาไม่ถึงหมื่นหรือหมื่นนิดๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้ในฐานะชิปรุ่นอัพเกรดครับ
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ จากการรีวิว i-mobile IQ X2
ส่วนของแบตเตอรี่นั้น มีหลายคนห่วงว่าการใช้จอความละเอียดระดับ Full HD จะทำให้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สั้นเกินไปหรือไม่ เท่าที่ลองใช้งานมา ด้วยรูปแบบการใช้งานทั่วไปดังนี้
- ใช้งาน 2 ซิม เปิด 3G ทั้งวัน (TriNet)?คุยโทรศัพท์บ้าง
- เล่น Facebook ?Twitter บ้างเรื่อยๆ
- อ่านอีเมลเมื่อมีเข้ามา
- เล่นเกม Asphalt 8 เป็นช่วงๆ?ดู YouTube นิดหน่อย
- ปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ ส่วนช่วงหลังๆ ปรับแบบล็อคค่าให้พอดีกับสายตาและความสว่างในห้อง
- ช่วงกลางวันระหว่างทำงาน ไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไร แต่สแตนด์บายเครื่องไว้ตลอด
ผลออกมาก็คือสามารถใช้งานได้เป็นวันอยู่เหมือนกัน โดยเวลาที่แคปเจอร์สองภาพนี้คือตอนตีหนึ่ง พอตอนเช้าราวๆ แปดโมงครึ่ง พบว่าแบตหมดไปแล้ว ส่วนใครที่ใช้งานมือถือหนักกว่านี้ ระยะเวลาก็จะลดหลั่นลงมา
สรุปปิดท้ายรีวิว i-mobile IQ X2
i-mobile IQ X2 นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมากสำหรับผู้อยากได้มือถือแรงๆ ในราคาไม่ถึงหมื่นบาท ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่จัดว่าลื่นน่าพอใจใกล้เคียงกับรุ่นระดับราคาสูงกว่า แต่ที่โดดเด่นกว่าอย่างชัดเจนก็คือหน้าจอที่ให้ความละเอียดสูงถึงระดับ Full HD จึงสามารถจัดอันดับให้ i-mobile IQ X2 เป็นสมาร์ทโฟนจอ Full HD ที่มีราคาถูกที่สุดในตลาดบ้านเราได้เลย อีกทั้งอุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องก็จัดมาเอาใจลูกค้าอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกันรอยหน้าจอที่ติดมาให้กับเครื่องเลย รวมไปถึงเคสที่แถมมาให้ ทำให้ลูกค้าไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มเติม ก็สามารถใช้งานเครื่องได้ทันที ซึ่งจากที่ดูแล้ว IQ X2 น่าจะเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่มีกระแสตอบรับที่ดีจากตลาดอย่างแน่นอน ด้วยราคาเพียง 9,490 บาทเท่านั้น
ข้อดี
- เป็นสมาร์ทโฟน Android จอ Full HD ที่ราคาถูกสุดในตลาด
- ระบบทำงานได้เร็ว ไหลลื่นในเกณฑ์ดี
- หน้าจอสวย คมชัด มุมมองกว้าง
- ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ไม่สั้นอย่างที่คิด
- กล้องหน้าให้ภาพถ่ายที่ชัด เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายภาพ ส่วนกล้องหลังก็โอเคอยู่นะ
- แถมฟิล์มกันรอยหน้าจอและเคสมาให้ในกล่อง
ข้อสังเกต
- ระบบปรับความสว่างจออัตโนมัติยังทำได้ไม่ดีนัก
- แบตเตอรี่ไม่สามารถอดออกได้
- จะมีวางจำหน่ายเป็นสองรุ่นย่อย คือ IQ X2 และ IQ X2A ก่อนซื้อต้องตรวจสอบให้ดีๆ (ข้อแตกต่างอยู่ด้านบนของรีวิว)
เปรียบเทียบกับรุ่นอื่นที่ใกล้เคียงกัน
ลิ้งค์หน้าเปรียบเทียบสเปค 😕https://specphone.com/compare/Find-Mirror,S820/584,513,510,498,589/
รุ่นที่น่าสนใจในช่วงราคาใกล้เคียงกับ i-mobile IQ X2 มีดังนี้ครับ (ทุกรุ่นมีจอความละเอียดน้อยกว่า X2 ทั้งหมด)
- i-mobile IQ 9 : จอใหญ่กว่า กล้องเท่าๆ กัน มีแบ่งเป็นสองโมเดลย่อยเหมือนกัน (9 กับ 9A แยกตามการรองรับ 3G) ราคาเท่ากัน
- Lenovo S920 : จอใหญ่กว่า เครื่องบางเหมือนๆ กัน กล้องความละเอียดน้อยกว่า (แต่คุณภาพของภาพถ่าย S920 ดีกว่าเล็กน้อย) รองรับ 3G เฉพาะความถี่ 900 กับ 2100 เท่านั้น ราคาแพงกว่า IQ X2
- Lenovo S820 : จอเล็กกว่า กล้องชัดใกล้เคียงกัน (เพราะ IQ X2 ใช้การประมวลผลเพิ่ม เพื่อเพิ่มความละเอียด) ราคาแพงกว่า IQ X2
- Oppo Find Mirror : จอเล็กกว่า รองรับ 3G ทุกเครือข่าย ราคาแพงกว่า IQ X2
- i-mobile IQ 6.1 : จอใหญ่เท่ากัน กล้องความละเอียดเท่ากัน สเปคเท่ากัน รองรับ 3G ทุกเครือข่าย ราคาถูกกว่า