กรุงเทพฯ 22 เมษายน 2554: โนเกียแถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ประจำปี 2554 ยอดขายสุทธิ 10,400 ล้านยูโร หรือราว 460,720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2553 พร้อมกันนี้ โนเกียยังได้ลงนามสัญญาความร่วมมือกับไมโครซอฟต์อย่างเป็นทางการ
ในไตรมาสแรกของปี 2554 โนเกียมียอดจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ทั้งหมด 108.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดขายอุปกรณ์สื่อสารคอนเวอร์เจนซ์ (สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่) 24.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 13% จากปีที่แล้ว ยอดขายสุทธิของเครื่องและบริการอยู่ที่ 7,100 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 6% จากปีที่แล้ว
มร.สตีเฟ่น อีลอป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โนเกีย กล่าวว่า ?ในไตรมาสแรก เราเริ่มนำกลยุทธ์ที่วางไว้มาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เราได้ลงนามสัญญาความร่วมมือกับไมโครซอฟต์เรียบร้อยแล้ว งานออกแบบผลิตภัณฑ์และระบบวิศวกรรมของเรากำลังคืบหน้าไปด้วยดี จากผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาสแรกเราคาดว่าจะพบกับความท้าทายมากขึ้นในไตรมาสที่สอง อย่างไรก็ตามเรามีความเชื่อมั่นในแผนการวางจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Symbian หลากหลายรุ่นในปีนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่ความรับผิดชอบ ความรวดเร็ว และผลการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนผลประกอบการที่ดีต่อไปในอนาคต?
ภายใต้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่ได้ลงนามร่วมกันในวันที่ 21 เมษายน 2554 โนเกียวางแผนที่จะใช้ Window Phone เป็นระบบปฏิบัติการหลักในผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีในการทยอยเปลี่ยนถ่ายระบบปฏิบัติการ ในระหว่างนี้โนเกียจะยังคงลงทุนในระบบปฏิบัติการ Symbian เพื่อให้ผู้บริโภค นักพัฒนา และโนเกีย ได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่อง
ไตรมาสแรกของปี 2554 เป็นไตรมาสสุดท้ายที่เราดำเนินการภายใต้โครงสร้างเดิม นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 โนเกียมีโครงสร้างการดำเนินงานใหม่ ประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Smart device ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมุ่งเจาะตลาดหลักของโนเกียทั้งสองตลาด นั่นคือ โทรศัพท์มือถือ และสมาร์ทโฟน โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจจะรับผิดชอบกำไร-ขาดทุน และภาพรวมของการมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้บริโภคของกลุ่มธุรกิจตนเอง
* อัตราแลกเปลี่ยน 44.3 บาท ต่อ 1 ยูโร ณ วันที่ 21 เมษายน 2554