กสท ชิงธงนำผู้ให้บริการ 3 จี เชิงพาณิชย์รายแรก ทั้งของบริษัท รวมถึงคู่สัญญาทรู-ดีแทค ดีเดย์ เม.ย.นี้ เล็งรายได้ 400 ล้านบาทต่อเดือน
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า เดือน เม.ย.นี้ กสท จะเป็นผู้ให้บริการรายแรก ที่มีโทรศัพท์มือถือระบบ 3 จี ให้แก่ประชาชนแบบเชิงพาณิชย์ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะแบ่งเป็น 3 จีของ 1. กสท ที่ยังทำตลาดโทรศัพท์มือถือ 3 จี ซีดีเอ็มเอ อีวีดีโอแบรนด์ “แคท 3 จี” ใน 51 จังหวัดทั่วประเทศ ระดับความเร็วสูงที่สุดกว่า 7 เมกะบิตต่อวินาที 2. บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ลงนามเซ็นสัญญาให้บริการ 3 จี บนคลื่นความถี่เดิม 850 เมกะเฮิรตซ์ (เอชเอสพีเอ) จำนวน 1,600 สถานีฐานใน กทม. ครอบคลุมทุกพื้นที่ และหัวเมืองใหญ่ เช่น หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่น ภายใต้แบรนด์ “ทรูมูฟ เอช”
3. การให้บริการของ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ที่จะได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) กสท ให้เปิดบริการ 3 จี แบบเชิงพาณิชย์ (คอมเมอร์เชียล) จำนวน 1,220 สถานีฐานได้ทันที หลังจากบอร์ดได้สั่งฝ่ายบริหาร นำเรื่องดังกล่าวกลับไปศึกษาแผนการดำเนินการ และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการมาตรา 22 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมและดำเนินการให้กิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) โดยจะนำเรื่องอนุมัติให้ดีแทคให้บริการเชิงพาณิชย์ได้วันที่ 31 มี.ค.นี้
“ตอนนี้คณะกรรมการมาตรา 22 ก็เห็นชอบให้ดีแทคสามารถดำเนินการได้แล้วทันที ซึ่ง กสท ก็เคยนำเรื่องให้บอร์ดอนุมัติและได้รับเห็นชอบมาตั้งแต่ปี 2551 และเมื่อได้รับเห็นชอบจาก ม. 22 ก็จะนำเข้าบอร์ดวันที่ 31 มี.ค.นี้ ก็ไม่ต้องขออนุมัติแล้ว เพียงแจ้งให้ทราบเท่านั้น หลังจากนั้น จะส่งหนังสือไปยังดีแทคอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งดีแทคก็น่าจะเปิดบริการได้ใน เม.ย.นี้”
นอกจากนี้ กสท ยังเดินหน้าและเร่งแผนธุรกิจให้เร็วขึ้นจากเดิม เพื่อเร่งสร้างรายได้ โดยเดือน เม.ย.นี้ จะสามารถเปิดทดสอบบริการแคท 3 จีในรูปแบบซอฟต์ลอนช์ ในโครงข่ายซีดีเอ็มเอที่มีอยู่ 1,400 สถานีฐานในต่างจังหวัด โดยจะทำตลาดในแบบยูเอสบี ดองเกิล สำหรับใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย ส่วนทรูมูฟเอช บนโครงข่ายเอชเอสพีเอได้บางพื้นที่ และให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ หรือประมาณ 2,000 สถานีฐานเดือน มิ.ย.-ก.ค. คาดมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 400 บาทต่อเดือน
เขา กล่าวว่า ในอนาคต ธุรกิจหลักที่เป็นสายเลือดใหญ่ของ กสท จะมาจากบริการ 3 จี และธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยปี 2554 คาดว่า ผลประกอบการรวมของ กสท จะมี 55,000 ล้านบาท โดยแบ่งมาจากรายได้สัมปทาน 60% และรายได้จากธุรกิจของ กสท เอง 40%
ด้านนายเจษฎาวัฒน์ เพรียบจริยวัฒน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน กสท กล่าวว่า ขณะนี้ กสท มีเงินสดหมุนเวียน 30,000 ล้านบาท การเบิกจ่ายงบประมาณรอบปีนี้ 9,000 ล้านบาท แต่งบการลงทุนของปีนี้มีมากกว่า 9,000 ล้านบาท เนื่องจากมีงบลงทุนต่อเนื่องด้วย ส่วนงบลงทุนในส่วนของธุรกิจโทรศัพท์มือถือตลอดทั้งปีนี้ น่าจะใช้จำนวน 1,500-2,000 ล้านบาท
นายเจษฎาวัฒน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากการลงทุนด้านโทรคมนาคมแล้ว กสท ยังมีแผนจะไปลงทุนซื้อพันธบัตรของต่างประเทศ ซึ่ง กสท พร้อมจะลงทุนด้านพันธบัตรขณะนี้ 100 ล้านบาท โดยมีเป้าหมาย คือ อิสราเอลเป็นประเทศแรก เนื่องจากมีผลตอบแทนกลับมาสูง และมีความเสี่ยงน้อย ผลตอบแทนระดับเอ หรือเอบวก ดอกเบี้ยกว่า 3 ขณะที่ไทยผลตอบแทนในระดับเอ ลบ เท่านั้น ส่วนประเทศต่อไปกำลังพิจารณาที่อินเดีย จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งจะทำให้ กสท มีรายได้กลับมาปีละประมาณ 100 ล้านบาท
ที่มา :?bangkokbiznews