แนะนำ 10 หูฟัง JBL แท้รุ่นไหนดีในปี 2025 หูฟังไร้สาย (True Wireless) ให้เสียงดี เบสแน่น มีรุ่นไหนน่าซื้อบ้าง
หนึ่งในยี่ห้อหูฟัง และลำโพงที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานต่อเนื่องนั่นก็คือ JBL ที่หลายคนไว้วางใจในเรื่องของเสียงและราคาที่เข้าถึงได้ ถึงแม้ว่าว่าส่วนใหญ่จะนึกถึงลำโพง (แนะนำ 10 ลำโพง JBL แท้รุ่นไหนดี) ก็ตาม แต่ว่าทางด้านหูฟังแบบไร้สายหรือว่า True Wireless ของ JBL นั้นก็มีให้เลือกหลายแบบ มีดีไซน์ที่หลากหลายทั้งแบบ In-ear และ Earbuds รวมไปถึงแบบอื่นๆ มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ครบเครื่อง ให้เสียงเบสแน่นตึ้บครบทุกย่านเสียง ดีงามตามแบบของ JBL วันนี้เราก็เลยจะมาแนะนำ 10 หูฟัง JBL แท้รุ่นไหนดีในปี 2025 หูฟังไร้สาย (True Wireless) จาก JBL มีรุ่นไหนน่าซื้อบ้างไปดูกัน
แนะนำ 10 หูฟัง JBL แท้รุ่นไหนดีในปี 2025
1. JBL Tour Pro 3: ราคา 11,500 บาท
เริ่มต้นกันด้วยหูฟัง JBL แท้รุ่นไหนดีกับรุ่นยอดนิยมที่มีดีไซน์สวยงาม มาพร้อมกับเคสชาร์จอัจฉริยะรุ่นใหม่ มีหน้าจอที่สัมผัสได้ สามารถควบคุมการทำงานต่างๆ ได้ง่าย รองรับ Auracast ที่สามารถแชร์เสียงกับคนรอบข้างได้ด้วย ในส่วนของตัวหูฟังเป็นแบบ In-ear คุณภาพเสียงระดับ Pro Sound มีไดร์เวอร์คู่ในแต่ละข้างทำให้เสียงเบส และเสียงอื่นๆ ออกมาได้ครบละเอียด รองรับ Hi-Res ระดับ LDAC ให้เสียงคมชัดรอบทิศทาง Spatial 360 พร้อมการติดตามศีรษะ และการตัดเสียงรบกวนที่ปรับแต่งได้แบบเรียลไทม์ พูดคุยได้ชัดเจนด้วยไมค์ 6 ตัว ใช้ฟังเพลงได้นานสูงสุดถึง 44 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL
2. JBL Live Buds 3: ราคา 7,990 บาท
หูฟัง JBL แท้รุ่นต่อมาเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงอีกเช่นกัน ซึ่งตัวซีรีส์ Live ทั้งสามรุ่นรวมรุ่นนี้ด้วยเปิดตัวออกมาใหม่ช่วงปลายปีที่แล้ว ตัวเคสเป็นแบบ Smart Charging Case มีหน้าจอ 1.45 นิ้ว ที่สัมผัสและควบคุมได้ง่าย โดยไม่ต้องเข้าไปในแอพให้ยุ่งยาก ตัวหูฟังเป็น In-ear แบบไม่มีก้าน กันน้ำกันฝุ่นที่ IP55 ให้เสียงดี มีเบสนุ่มลึกและเสียงอื่นๆ ที่ลงตัวด้วยไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 10 มม. สามารถตัดเสียงรบกวนได้แบบเรียลไทม์ และให้ความละเอียดในระดับ Hi-Res พร้อมโทรคุยได้คมชัดด้วยไมค์ 6 ตัว ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 40 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL
3. JBL Live Beam 3: ราคา 7,990 บาท
หูฟัง JBL แท้รุ่นไหนดีอีกหนึ่งรุ่นในซีรีส์ Live รุ่นใหม่ที่ตัวนี้จะคล้ายๆ กับตัว Buds 3 ด้านบนเลย ไม่ว่าจะเป็นเคสแบบ Smart Charging Case ที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 1.45 นิ้ว สัมผัสและควบคุมการใช้งานได้ง่ายผ่านเคสได้เลย ไม่จำเป็นต้องเข้าแอพบนมือถือ ตัวหูฟังกันน้ำกันฝุ่นที่ IP55 ให้เสียงคมชัดด้วยไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 10 มม. เท่ากัน ทำให้เสียงเบสและเสียงต่างๆ ออกมาแน่นครบ และให้ความละเอียดเสียงในระดับ Hi-Res รวมไปถึงการตัดเสียงรบกวนตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ และไมโครโฟน 6 ตัวที่เก็บเสียงการคุยได้อย่างคมชัดอีกด้วย ส่วนที่ทำให้รุ่นนี้ต่างไปก็คือดีไซน์หูฟังที่เป็น In-ear แบบมีก้าน และใช้งานได้นานสูงสุดถึง 48 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL
4. JBL Live Flex 3: ราคา 7,990 บาท
อีกหนึ่งรุ่นสุดท้ายที่เปิดตัวมาพร้อมกันในซีรีส์ Live แต่ว่าหูฟัง JBL รุ่นนี้สเปคจะต่างไปจากทั้งสองรุ่นเลย ถึงแม้ว่าจะมีเคสแบบ Smart Charging Case ที่มีหน้าจอ 1.45 นิ้วสัมผัสและควบคุมได้ผ่านหน้าจอง่ายๆ เหมือนกันก็ตาม แต่ที่ต่างไปเลยก็คือตัวหูฟังที่รุ่นนี้เป็นแบบ Earbuds สวมใส่และฟังได้ไม่เจ็บหู สามารถกันน้ำกันฝุ่นที่ IP54 ให้เสียงเบสนุ่มลึก เสียงกลางและอื่นๆ ครบด้วยไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 12 มม. ความละเอียดสูงรองรับ Hi-Res และมีเสียงดังรอบด้านในแบบ Spatial Sound อีกทั้งยังตัดเสียงรบกวนได้แบบเรียลไทม์ พูดคุยได้ชัดด้วยไมค์ 6 ตัวและใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 50 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL
5. JBL Soundgear Sense: ราคา 5,990 บาท
มาดูที่หูฟัง JBL แท้รุ่นไหนดีในรูปแบบอื่นกันบ้างที่รุ่นนี้ทำหูฟังออกมาแบบ Open-ear สามารถถอดใส่หูฟังได้ง่ายโดยไม่ต้องปิดช่องหูด้วยเทคโนโลยี JBL OpenSound ซึ่งตัวหูฟังจะมีที่เกี่ยวหูหมุนได้ ทำให้ไม่หลุดง่ายเวลาออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆ แน่นอนว่าจะได้ยินเสียงรอบข้างไปพร้อมๆ กันด้วย ในเรื่องของเสียงนั้นมีไดรเวอร์ขนาด 16.2 มม.ข้างละสองตัว ให้เสียงเบสหนักแน่นถึงแม้ว่าจะมีเสียงรอบข้างก็ตาม และมีไมค์ 4 ตัวเก็บเสียงได้ดี เลือกปรับได้ว่าจะเน้นคุยหรือเน้นฟังเพลง สามารถควบคุมได้ง่ายด้วยการสัมผัส ใช้งานได้นานสูงสุด 24 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL
6. JBL Tune Beam และ JBL Tune Beam Ghost: ราคา 4,290 บาท
หูฟัง JBL แท้รุ่นต่อมาเป็นตัวซีรีส์ Tune ที่รุ่นนี้มีสองแบบคือแบบปกติและแบบ Ghost โดยมีดีไซน์ที่ต่างกันคือรุ่น Ghost จะเป็นเคสและหูฟังแบบใสนั่นเอง โดยซีรีส์นี้จะต่างกับตัว Live ในเรื่องของเบสที่รุ่นนี้จะให้ความแน่นและดีกว่าด้วย Pure Bass Sound ไดร์เวอร์ขนาด 6 มม. ตัดเสียงรบกวนได้ด้วย Smart Ambient และคุยชัดเจนด้วยไมค์ 4 ตัว กันน้ำกันฝุ่นที่ IP54 โดยตัวหูฟังเป็นแบบ In-ear ที่สวมใส่ได้สบายหู เชื่อมต่อง่ายด้วย Bluetooth ที่รองรับ LE Audio ใช้ได้นานสูงสุด 48 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL รุ่นปกติ, รุ่น Ghost
7. JBL Live Pro 2: ราคา 6,990 บาท
ต่อเนื่องด้วยหูฟัง JBL รุ่นซีรีส์ Live แต่เป็นตัวโปร ที่ให้พลังเสียงออกมากระหึ่มครบทุกย่านเสียงด้วยไดร์เวอร์ขนาด 11 มม. และพลังเสียงที่เป็น JBL Signature Sound สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้แบบ Smart Ambient มีดีไซน์หูฟังเป็นแบบ In-ear ที่ให้จุกหูฟังมาแบบวงรี ทำให้เข้ากับหูและมีความกระชับมากขึ้น ลดเสียงภายนอกและให้เสียงที่แน่นมากขึ้นอีกระดับ สามารถกันน้ำได้ที่ IPX5 และควบคุมได้ง่ายด้วยการสัมผัสหรือสั่งงานด้วยเสียง พร้อมการใช้งานยาวนานสูงสุด 40 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL
8. JBL Endurance Race: ราคา 4,490 บาท
หูฟัง JBL แท้รุ่นไหนดีสำหรับสายลุยหรือการออกกำลังกาย พร้อมให้ใช้งานได้ทุกสถานการณ์กับหูฟังรูปแบบ In-ear ที่มีการออกแบบตามหลักสรีรวิทยา โดยมีตัว Twistlock ที่ช่วยรองรับไลฟ์สไตล์แบบ Active ไม่หลุดร่วงง่าย และยังลดจุดกดทับในขณะที่สวมใส่ ทำให้ใช้งานนานๆ หรือว่าทำกิจกรรมต่างๆ ได้โดยไม่รู้สึกเจ็บหู และยังให้เสียงที่คมชัดขึ้น เบสแน่นนุ่มในแบบของ JBL Pure Bass Sound ที่มีไดร์เวอร์ขนาด 6.0 มม. สามารถกันน้ำกันฝุ่นที่ IP67 มาพร้อมระบบ Ambient Aware ที่ช่วยระวังเสียงรอบข้าง และคุยได้ชัดเจนด้วยไมค์คู่แบบ VA ใช้งานได้นานกว่า 30 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL
9. JBL Reflect Flow Pro: ราคา 6,990 บาท
อีกหนึ่งหูฟัง JBL แท้ที่มีการออกแบบมาสำหรับคนที่ต้องการหูฟังไว้ออกกำลังกาย ตัวเคสมีเชือกไว้คล้องหรือถือได้ง่าย โดยตัวหูฟังเป็นแบบ In-ear ที่ดีไซน์ให้มีตัว POWERFINS ช่วยให้หูฟังแน่นและมีความกระชับเข้ากับหูของแต่ละคนได้มากขึ้น ใส่ได้นานโดยไม่ทำให้เจ็บหูหรือว่าหลุดร่วงได้ง่ายๆ ทางด้านเสียงมีไดร์เวอร์ขนาด 6.8 มม. ให้เสียงออกมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวหนักแน่นทุกรูปแบบเสียง สามารถตัดเสียงรบกวนได้แบบ Smart Ambient คุยโทรศัพท์คมชัดด้วยไมค์ 2 ตัวและอีก 1 ตัวที่ช่วยลดเสียงลม พร้อมกันน้ำกันฝุ่นที่ IP68 เชื่อมต่อได้ง่ายด้วย sync Bluetooth ควบคุมได้ด้วยการสัมผัสหรือใช้เสียง ใช้งานได้สูงสุด 30 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL
10. JBL Wave Buds: ราคา 2,390 บาท
ปิดท้ายด้วยหูฟัง JBL รุ่นที่มีราคาเบาๆ มาพร้อมดีไซน์และสีสันพาสเทลสวยๆ แต่ก็มีฟังก์ชั่นและการใช้งานพร้อมคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม โดยหูฟังตัวนี้เป็นแบบ In-ear ออกแบบมาให้กระชับใส่เข้ากับหูได้พอดี (แบบไม่มีก้าน) ไม่มีเสียงเล็ดลอดเข้าไปได้ง่ายๆ ที่มีไดร์เวอร์ขนาด 8 มม. ส่งผลให้มีเสียงเบสที่หนักแน่นและนุ่มลึกด้วย JBL Bass Sound มีระบบ Smart Ambient และ TalkThru ฟังเพลงและพูดคุยกับคนอื่นๆ ได้สบายๆ นอกจากนี้ยังปรับแต่งเสียงขณะพูดคุยได้ และตัวเคสกันน้ำที่ IPX2 ส่วนหูฟังกันน้ำกันฝุ่น IP54 พร้อมใช้งานได้สูงสุด 32 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ JBL
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการแนะนำหูฟังของ JBL แท้รุ่นไหนดีในปี 2025 ในช่วงต้นปีนี้ทั้ง 10 รุ่น โดยมีรุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาช่วงปลายปีที่แล้วก็คือซีรีส์ Live 3 ทั้งหมด 3 รุ่นที่อัพเกรดให้คุณภาพการใช้งานและเสียงได้ดีมากกว่าเดิม โดยเฉพาะตัวเคสที่มีหน้าจอไว้สัมผัสและควบคุมการทำงานต่างๆ ได้ง่ายขึ้นไปอีกระดับ ส่วนอีกหนึ่งรุ่นล่าสุดที่พลาดไม่ได่เช่นกันก็คือ JBL Tour Pro 3 ที่ได้อัพเกรดสเปคเพิ่มขึ้นมาใหม่ทำให้ดีขึ้นไปอีกขั้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหูฟังที่มีฟังก์ชันและฟีเจอร์การใช้งานครบจบในตัวเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีรุ่นอื่นๆ ทั้งรุ่นที่เหมาะกับการออกกำลังกาย หรือว่าใช้งานทั่วไปให้เลือกอีกด้วย
ขอบคุณภาพและข้อมูลทั้งหมดจาก JBL