นับเป็นข่าวลือกันมาอย่างยาวนาน กับเครื่องเล่นเกมลูกผสมอย่าง Nintendo Switch 2 (NS2) ที่ลือกันมาหลายปีแล้วว่าจะเปิดตัวมาแทนรุ่นแรก โดยจะมาพร้อมกับสเปคที่แรงขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับกับเกมยุคใหม่ ๆ ได้ดี เนื่องจากรุ่นแรกเองก็เปิดตัวมาตั้งแต่ต้นปี 2017 หรือเมื่อเกือบ 8 ปีก่อนเข้าไปแล้ว ซึ่งตอนนี้กระแสข่าวลือก็กลับมาแรงอีกครั้ง หลังจากเริ่มมีภาพหลุดชิ้นส่วนต่าง ๆ รวมถึงบรรดาอุปกรณ์เสริมจากแบรนด์อื่นที่เริ่มนำออกมาจัดแสดงกันบ้างแล้ว
ในบทความนี้ก็จะเป็นการสรุปรวมข้อมูลที่น่าสนใจล่าสุดเกี่ยวกับ Nintendo Switch รุ่นที่ 2 ทั้งเรื่องของดีไซน์ สเปค อุปกรณ์เสริม รวมถึงเกมที่อาจจะวางขายเป็นกลุ่มแรก ๆ หลังเปิดตัวเครื่องด้วย
ดีไซน์ล่าสุดของ Nintendo Switch 2
จากข้อมูลที่มีออกมาถึงปัจจุบัน เชื่อว่าดีไซน์และรูปแบบการทำงานหลัก ๆ ของ NS2 จะยังคงเหมือนกับรุ่นปกติของรุ่นแรก คือสามารถใช้ได้เป็นทั้งเครื่องพกพาและใช้แบบต่อทีวีผ่านแท่น dock ได้ ส่วนจอยคอนก็จะยังคงสามารถถอดและประกบกับด้านข้างจอได้เช่นกัน ทำให้ประสบการณ์การใช้งานน่าจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก
ในแง่รายละเอียดของงานออกแบบตัวเครื่อง เท่าที่มีภาพเรนเดอร์ ภาพอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ออกมาล่าสุด คาดว่าตัวเครื่องและแท่น dock น่าจะยังคงเป็นรูปทรงเดิม แต่มีความโค้งมนตรงเหลี่ยมมุมต่าง ๆ มากขึ้นเล็กน้อย ทำให้จับได้กระชับ เข้ามือมากกว่ารุ่นแรก ส่วนขนาดตัวเครื่อง เมื่อพิจารณาจากเครื่อง mockup ที่ Genki นำมาจัดแสดงในงาน CES 2025 ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีขนาดใหญ่กว่า NS1 รุ่นจอ OLED เล็กน้อย
ซึ่งจากในคลิปข้างต้นก็จะมีภาพของจอยคอนขึ้นมาด้วย ที่เดี๋ยวจะมาลงรายละเอียดกันต่อในลำดับต่อไป แต่กลับมาที่ตัวเครื่องกันอีกเล็กน้อย ที่ผ่านมามีข้อมูลออกมาว่ารอบนี้จะมีพอร์ต USB-C มาให้ 2 ช่อง แบ่งเป็นด้านล่างตามปกติหนึ่งช่อง และเพิ่มเข้ามาให้ที่ด้านบนอีกหนึ่งช่อง ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการเล่นไป เสียบสายชาร์จไป โดยเฉพาะกับผู้ที่กางขาตั้งเพื่อวางเครื่องบนโต๊ะ เพราะในรุ่นปัจจุบันจะไม่สามารถวางเครื่องแบบดังกล่าวพร้อมกับการเสียบสายชาร์จได้เลย
กลับมาที่จอยคอน แม้รูปทรงภายนอกจะดูคล้ายกับ NS1 ก็ตาม แต่สังเกตที่ด้านข้าง (แถบสีฟ้า) ของในภาพด้านบน จะเห็นว่ารอบนี้ทำออกมาเป็นแบบเรียบ โดยมีปุ่มกดต่าง ๆ คล้ายของเดิม แต่จะไม่มีสำหรับสอดในร่องเพื่อประกอบร่างกับหน้าจอแล้ว แต่จะใช้การแปะติดเข้าไปแล้วใช้แรงดึงดูดของแม่เหล็กในการยึดจอยคอนเข้ากับจอหรืออุปกรณ์เสริมแทน นอกจากนี้ยังมีอีกจุดที่น่าสนใจคือจอยฝั่งขวา สังเกตว่าจะมีปุ่มทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพิ่มเข้ามาอีกปุ่มตรงใต้ปุ่มโฮมเดิม โดยบนตัวปุ่มจะมีตัว C อยู่ ก็มีการคาดเดากันว่าอาจจะใช้เป็นปุ่มสำหรับกล้อง (Camera) หรือปุ่มสำหรับแคสต์ภาพขึ้นจอ (Cast) หรือเป็นปุ่มเรียกใช้งานระบบแชท (Chat) ซึ่งคงต้องรอติดตามกันต่อไป
อีกกระแสข่าวลือเกี่ยวกับจอยคอนของ NS2 ที่น่าสนใจคือรอบนี้ตัวจอยอาจจะสามารถนำมาใช้เป็นเมาส์ได้ด้วย เนื่องจากที่บริเวณช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสมุมมนสีดำเหนือแถบสีเหลี่ยมผืนผ้ายาว ๆ สีดำตรงกลางแถบสีฟ้า ตรงนั้นจะเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์ออปติคอลแบบเดียวกับที่อยู่ในเมาส์คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ตรงบริเวณปุ่ม ZL/ZR ของจอยคอนยังได้รับการออกแบบให้นูนขึ้น และอยู่ในจุดที่ต่ำลงมากว่าเดิมเล็กน้อย จึงคาดว่าน่าจะออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้เป็นเมาส์ได้ด้วยในตัว ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ เราก็น่าจะได้เห็นเกมใหม่ ๆ ที่รองรับการใช้อุปกรณ์ชี้ในการเล่นเกมมาลงในแพลตฟอร์ม Nintendo Switch มากขึ้น ตัวอย่างเช่นเกมสาย RTS เป็นต้น หรือรวมถึงอาจจะใช้เป็นเมาส์ฉุกเฉินสำหรับคอมพิวเตอร์ก็ยังได้
ด้านบนนี้ก็เป็นคลิปที่มีผู้ใช้งาน Reddit ลองนำจอยคอนของ NS1 มาใช้งานในลักษณะของเมาส์ ซึ่งก็พบว่าอยู่ในระดับพอใช้งานได้อยู่เหมือนกัน และน่าจะยิ่งเหมาะกับการใช้มากขึ้นไปอีกถ้าจอยคอนของ NS2 มีการออกแบบให้ปุ่ม ZL/ZR อยู่ในตำแหน่งที่ฉีกออกมาจากเดิมเล็กน้อย เพื่อให้รองรับกับการวางนิ้วขณะใช้เมาส์ได้พอดี
ด้านบนนี้ก็เป็นคลิปจาก Genki ที่จะใช้ในการโฆษณาอุปกรณ์เสริมสำหรับ NS2 ซึ่งหลัก ๆ ก็จะเป็นเคส แท่นชาร์จจอยคอน กริปเสริมที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ที่ก็น่าจะทำให้เห็นภาพรวมของดีไซน์ตัวเครื่องว่าจะออกมาเป็นประมาณไหน ตำแหน่งของจุดสำคัญต่าง ๆ ทั้งปุ่มสั่งงาน ช่องใส่ตลับเกม ช่อง USB-C ทั้งด้านบนและล่าง ช่องระบายความร้อน ลำโพง กลไกการถอดและประกบจอยคอนเข้ากับหน้าจอ การใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ รวมถึงแท่น dock ที่ดูมีความโค้งมน และก็ค่อนข้างบางด้วย
สเปค Nintendo Switch 2 และฟีเจอร์ที่อาจเพิ่มเข้ามา
ฮาร์ดแวร์ภายในและสเปคก็เป็นอีกประเด็นที่ได้รับความสนใจมากในการเปิดตัว Nintendo Switch 2 เนื่องจากรุ่นแรกเองก็มีอายุในตลาดมากว่า 8 ปีแล้ว สเปคที่ใช้ก็เป็นชิป NVIDIA Tegra X1 ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ราว 10 ปีก่อน รวมถึงยังมีแรมมาแค่เพียง 4GB เท่านั้น ทำให้เป็นข้อจำกัดของการพอร์ตเกมในยุคปัจจุบันจากเครื่องอื่นมาลงพอสมควร เราจึงได้เห็นบางเกมที่ถูกพอร์ตมาลง NS ด้วยจะมีข้อจำกัดในด้านภาพ ด้านคอนเทนต์ในเกมที่ไม่เทียบเท่ากับในคอนโซลค่ายอื่น
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ภาพแผงเมนบอร์ดของ NS2 หลุดออกมา เผยให้เห็นสเปคสำคัญที่อาจทำให้เห็นแนวโน้มประสิทธิภาพที่เครื่องจะทำได้ในอนาคต ซึ่งถ้ารวมกับข้อมูลต่าง ๆ ที่หลุดมา สเปคของ NS2 น่าจะออกมาประมาณนี้
- ใช้ชิป NVIDIA Tegra T239 ที่ผลิตโดย Samsung มีโหนดการพัฒนาที่ขนาด 8nm (แต่อาจจะมีการสั่งทำพิเศษลงมาใช้ที่ 5nm) ภายในชิปมีแบ่งคอร์ 3 แบบ ได้แก่
- 1x Cortex X1 HP
- 3x Cortex A78 เป็น P-core เน้นความแรง ประมวลผลหนัก
- 4x Cortex A55 เป็น E-core เน้นงานเบา ประหยัดพลังงาน
- iGPU (กราฟิกในชิป) จะใช้เป็นชิปสถาปัตยกรรม Ampere ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเดียวกันกับที่ใช้ในการ์ดจอ NVIDIA RTX 30 series
- มี 1,536 CUDA core / 12 streaming multiprocessors
- แรม 12GB LPDDR5X-7500
- ชิปสตอเรจเป็นแบบ UFS 3.1 ความจุ 256GB
- บอร์ดมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า NS1 รุ่นจอ OLED
- หน้าจอขนาด 8″ (NS1 จอ 7″)
- รองรับ HDMI 2.1
ซึ่งก็มีการวิเคราะห์ความสามารถและประสิทธิภาพจากฮาร์ดแวร์ที่หลุดออกมา โดยมองกันว่าระดับของความแรงแบบดิบ ๆ ความสามารถในการเรนเดอร์กราฟิกน่าจะใกล้เคียงกับเครื่อง PlayStation 4 ของ Sony พอที่จะสามารถเล่นเกมบนหน้าจอความละเอียดระดับ 4K ได้ ด้วยทั้งตัวชิปที่แรงขึ้นและแรมที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 12GB ทั้งยังเป็นแรมที่มีความเร็วสูงเท่า ๆ กับแรมในโน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันด้วย
และถ้ามาเจาะกันในเรื่องกราฟิก ก็มีการวิเคราะห์ผสมคาดการณ์กันว่า Nintendo น่าจะใส่ความสามารถในการประมวลผลแสงแบบ ray-tracing เข้ามาด้วย พร้อมกับจะมีการนำ AI มาใช้ช่วยในการอัปสเกลภาพด้วยเทคโนโลยี DLSS ของ NVIDIA เอง ซึ่งถ้าเทียบจากสถาปัตยกรรม ก็น่าจะได้เป็น DLSS 2.0 ที่รองรับการอัปสเกลภาพโดยการใช้ AI ช่วยประมวลผล เพื่อให้ได้ภาพสุดท้ายที่มีความคมชัดขึ้น เฟรมเรตในเกมสูงขึ้น และเมื่อมาอยู่ในเครื่องเกมลักษณะนี้ ก็น่าสนใจว่าน่าจะมีการทำงานร่วมกันระหว่าง Nintendo และค่ายเกมเพื่อรีดประสิทธิภาพเครื่องออกมาได้อย่างเต็มที่แน่ ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถเล่นเกมบน NS2 ได้ดี ภาพไหลลื่น และมีความหน่วงต่ำในระดับที่รับได้
โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็มีข้อมูลว่า Nintendo ได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ ที่จะทำให้สามารถอัปจากภาพที่เรนเดอร์มาในความละเอียด 540p ให้ขึ้นมาเป็นภาพความละเอียด 1080p ได้ รวมถึงการอัปจาก 720p ขึ้นมาเป็นภาพ 4K ได้เลย ซึ่งทั้งหมดก็อาศัยความสามารถของเทคโนโลยีด้าน AI ในการเรียนรู้และช่วยประมวลผลภาพ แต่ก็จะมีหมายเหตุนิดนึงคือตัวเครื่องอาจจะปิดใช้งานระบบอัปสเกลภาพไว้ให้ ในกรณีที่เป็นการเล่นเกมโดยใช้แบตเตอรี่ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน ส่วนถ้าต้องการใช้งานก็สามารถเข้าไปกดเปิดได้เองจากในหน้าจอการตั้งค่า หรือเป็นการเล่นเกมแบบต่อกับแท่น dock ที่ตัวเครื่องจะสามารถดึงพลังงานจากภายนอกเข้ามาใช้ได้เต็มที่ ระบบอัปสเกลภาพก็จะเปิดการทำงานให้โดยอัตโนมัติ
อีกหนึ่งจุดที่ยังขาดหายไปในภาพเมนบอร์ดข้างต้นก็คือช่องอ่าน MicroSD อันนี้ก็ต้องรอดูกันในการเปิดตัวอีกครั้งว่าจะถูกตัดออกไปจริงหรือไม่ ซึ่งก็พอมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกตัดออก ในกรณีที่ตัวเครื่องมาพร้อมความจุ 256GB ที่อาจจะเป็นเพียงความจุเริ่มต้น แล้วมีรุ่นที่พื้นที่เยอะกว่าให้เลือกซื้อก็ได้
แต่อีกแนวทางหนึ่งที่ส่วนตัวมองว่าเป็นไปได้มากกว่าก็คือตัวเครื่องจะยังมีช่องอ่าน MicroSD เหมือนเดิม แต่จะใช้เป็นแบบโมดูลแยกแล้วเชื่อมเข้ากับบอร์ดผ่านสายแพ เพราะใน NS1 ก็ใช้การออกแบบในลักษณะนี้เช่นกัน ส่วนเรื่องของเทคโนโลยีด้าน SD card เอง ก็มีความเป็นไปได้ว่า Nintendo อาจจะหยิบเอา SD Express จาก Samsung มาใช้ ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของ SD card ที่จะใช้การรับส่งข้อมูลผ่าน PCI 3.1 เพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงขึ้นกว่าเดิม โดยมีแบนด์วิธอยู่ที่ประมาณ 800 MB/s สูงกว่า SD ที่เราใช้กันในปัจจุบันหลายเท่าตัว ซึ่งจะตอบโจทย์กับเกมในปัจจุบันที่มักต้องมีการโหลดข้อมูลปริมาณมากเข้าสู่แรมเพื่อใช้ในการประมวลผลทั้งตัวเกมและกราฟิกอย่างหนักหน่วงกว่าที่ผ่านมา ประกอบกับเกมเองก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ขนาดของไฟล์ asset ก็ใหญ่ขึ้นมาก เกมแนว open world หรือ open zone ที่ต้องโหลดฉากขนาดใหญ่ก็มีมากขึ้นกว่าเดิม จึงค่อนข้างเป็นไปได้ว่ารอบนี้ Nintendo อาจจะเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี SD Express กับระบบการใช้งาน SD card ใน NS2 จริง ๆ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของเกมในปัจจุบัน ไปจนถึงในอนาคตอีกหลายปีตามอายุ gen เครื่อง
โดยสิ่งที่จะได้ก็คือการโหลดเกม โหลดฉากที่เร็วขึ้น แม้จะเป็นเกมที่ติดตั้งในการ์ด MicroSD ก็ตาม แต่สิ่งที่อาจตามมาก็คือผู้ใช้ก็อาจจะต้องเลือกใช้การ์ดที่รองรับ SD Express ด้วย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก และยังมีราคาสูงอยู่ เช่นของ SanDisk 128GB จะมีราคาทางการอยู่ที่ $34.99 หรือประมาณ 1,200 บาท ความจุ 256GB $39.99 หรือประมาณ 1,400 บาท
เกมที่คาดว่าจะมาพร้อมการเปิดตัว / เกมที่คาดว่าจะลง
ปกติแล้วในการเปิดตัวเครื่องเกมคอนโซล เครื่องเกมพกพา ผู้ผลิตก็มักจะเปิดตัวเกมใหม่ล็อตแรกที่พัฒนามาสำหรับเครื่องเกมนั้นโดยตรงด้วย อย่างในรอบการเปิดตัว Nintendo Switch รุ่นแรก ก็มีเกมที่ออกมาพร้อมกันหลายเกม เช่น
- The Legend of Zelda: Breath of the Wild (BOTW)
- 1-2-Switch
- Super Bomberman R
- Just Dance 2017
- Mario Kart 8 Deluxe
สำหรับในการเปิดตัว Nintendo Switch 2 ก็เป็นไปได้สูงว่าจะมีการเปิดเกมออกมาพร้อมกันด้วยเช่นเคย ซึ่งอย่างน้อย ๆ น่าจะมีเกมของ Nintendo เองออกมา เช่นเกมจากซีรีส์ Mario ที่ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่ากำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา โดยจะเป็นเกม Mario ในแบบ 3D ที่ใช้เอนจิ้น Unreal 4 ในการพัฒนา รวมถึงอีกสายก็คือจะเป็นเกมแข่งรถในตระกูล Mario Kart ภาคใหม่ด้วย
ส่วนเกมอื่น ๆ ที่คาดว่าจะมีตามมาก็น่าจะเป็นกลุ่มของเกมที่ลงในเครื่องอื่นไปก่อนแล้ว แต่ได้รับการพอร์ตมาลงใน NS2 ด้วย อาทิ Final Fantasy 7 Remake, Bayonetta Trilogy ที่แพ็ครวมทั้งสามภาคไว้ด้วยกัน
อีกหนึ่งความสามารถที่คาดว่าจะมีใน NS2 ด้วยก็คือ backwards compatibility ที่เปิดให้เครื่องสามารถเล่นเกมจากเครื่องรุ่นก่อนหน้าได้ เช่น เกมจาก Nintendo Switch รุ่นแรกที่น่าจะสามารถนำมาเล่นได้ทันที รวมถึงเกมจากเครื่องรุ่นเก่า ๆ อย่างสมัย Famicom (NES), Super Famicom (SNES), Nintendo 64 (N64) เป็นต้น ซึ่งในกลุ่มหลังอาจจะมีให้ซื้อมาเล่นผ่านระบบ eShop และผ่านบริการ Nintendo Switch Online ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ดังนั้นในแง่ของเกมที่จะมีให้เล่นบน NS2 ก็ไม่น่ามีปัญหานัก เพราะน่าจะมีทั้งเกมใหม่ เกมใหญ่ที่พอร์ตมาจากเครื่องอื่น รวมถึงน่าจะสามารถเล่นเกมของ NS1 ได้แทบทั้งหมด
Nintendo Switch 2 จะเปิดตัวเมื่อไหร่? ราคา?
ล่าสุด Genki หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมให้กับเครื่อง Nintendo Switch เปิดเผยเองเลยว่า Nintendo น่าจะเปิดตัว NS2 อย่างเร็วสุดก็เดือนมีนาคม และวางขายอย่างเร็วสุดภายในเดือนเมษายน 2025 นี้ ซึ่งตัวแบรนด์เองก็มีอุปกรณ์เสริมพร้อมวางจำหน่ายได้ทันทีถึง 8 ชิ้นด้วยกัน
ส่วนราคา Nintendo Switch 2 (NS2) ณ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมา แต่จากกระแสข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ ก็เป็นไปได้ว่าน่าจะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 – 18,000 บาท ซึ่งสูงกว่ารุ่นปัจจุบันพอสมควร อันเนื่องมาจากการปรับสเปคในหลาย ๆ จุด แต่ก็น่าจะมีการปรับระดับราคาให้ต่ำลงมาเล็กน้อยในภายหลัง ตามแนวทางการตั้งราคาเครื่องเกมของ Nintendo ที่จะค่อย ๆ ปรับลดราคาลงมาตามอายุของผลิตภัณฑ์
สรุปข้อมูล Nintendo Switch 2 ณ ปัจจุบัน (ต้นเดือนมกราคม 2568)
- ยังคงเป็นเครื่องแบบไฮบริด ถอดจอยได้เหมือนเดิม
- ตัวเครื่องใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ดีไซน์ดูโค้งมนมากขึ้น จอยคอนจับกระชับมือมากขึ้น สามารถถอดจอยมาใช้เป็นเมาส์ได้
- ยังใช้ตลับเกมรูปทรงเดิม และรองรับการเล่นเกมจากเครื่อง gen เก่า
- สเปคแรงขึ้น ประสิทธิภาพน่าจะใกล้เคียง PS4
- รองรับ ray-tracing และมี DLSS ใช้ AI ช่วยอัปสเกลภาพ
- น่าจะเปิดตัวในเดือนมีนาคม เริ่มขายเดือนเมษายน
- ราคาอาจจะสูงขึ้น เริ่มที่หมื่นกลาง ๆ
- อุปกรณ์เสริมจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ พร้อมขายแล้ว