แนะนำ 10 หูฟังไอโฟนยี่ห้อไหนดี ทั้งแบบมีสายและไร้สาย เชื่อมต่อง่ายให้เสียงดีมีราคาถูกในปี 2024
สำหรับคนที่ใช้ iPhone ก็ต้องมีหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือหูฟัง ที่เป็นอุปกรณ์เสริมมีให้เลือกอยู่หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังแบบมีสาย ที่ต้องเสียบกับช่องชาร์จด้านล่าง ก็จะมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องชาร์จแบต จะหยิบใช้ตอนไหนหรือกี่ชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา กับอีกแบบที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือหูฟังไร้สายของไอโฟน ที่มีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลายหมื่น ก็จะมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องห่วงเรื่องสายพันกันหรือพื้นที่ในการเก็บ แต่ก็ต้องมาคอยชาร์จแบตอยู่เสมอเพื่อใช้งาน วันนี้ทาง Specphone เลยจะมาแนะนำ 10 หูฟังไอโฟนยี่ห้อไหนดี ทั้งแบบมีสายและไร้สายที่ให้เสียงดีมีราคาไม่เกิน 1,000 บาทมียี่ห้อไหนน่าใช้บ้างในตอนนี้ไปดูกันเลย
แนะนำ 10 หูฟังไอโฟนยี่ห้อไหนดี ให้เสียงดีมีราคาไม่เกิน 1,000 บาทในปี 2024
1. Apple EarPods: ราคา 790 บาท
เริ่มต้นกันที่หูฟังไอโฟนรุ่นเบสิคๆ กันก่อนเลยสำหรับหูฟังแบบมีสายของ Apple เองที่มีให้เลือกทั้งแบบหัวต่อ USB-C หรือว่า Lightning ก็มีให้ครบในราคาเดียวกันคือ 790 บาทเท่านั้น โดยสายหูฟังของ Apple นั้นได้ออแบบมาให้เข้ากับรูหูได้แบบพอดีๆ สวมใส่ได้สบายทุกขนาด ให้เสียงคุณภาพสูงทั้งเสียงเบสที่ทุ้มลึก พร้อมกับการป้องกันเหงื่อและน้ำ นอกจากนี้ยังมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ควบคุมเพลง หรือรับสาย-วางสายได้ด้วย สั่งซื้อได้ที่ Apple
2. JBL Tune 310C: ราคา 990 บาท
หูฟังสำหรับ iPhone แบบมีสายที่ใช้ USB-C ได้อันต่อมานี้เป็นหูฟังจาก JBL ที่ขึ้นชื่อเรื่องลำโพงและหูฟังอยู่แล้ว ซึ่งรุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมในระดับหนึ่งเลย ด้วยราคาและสเปคการใช้งานที่คุ้ม โดยหูฟังตัวนี้มีคุณภาพเสียงสูง ทั้งเบสที่นุ่มลึกรองรับ Hi-Res AUDIO ปรับตัว EQ เพื่อให้กับการฟังได้ มาพร้อมปุ่มควบคุม 3 ปุ่มที่ปรับระดับเสียง เล่นเพลง รับสาย ได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังออกแบบสายมาเป็นแบบ Flat หรือสายแบนทำให้ไม่พันกันง่ายอีกด้วย ซื้อได้ที่ Shopee, Lazada
3. ENYX รุ่น E1X: ราคา 199 บาท
หูฟัง iPhone แบบมีสายจากแบรนด์ไทยที่มีราคาเบาๆ แต่สเปคแน่น สามารถใช้กับพอร์ตแบบ USB-C หรือ iPhone 15 ขึ้นไป จะเอาไว้ใช้งานทั่วไปหรือฟังเพลงก็ได้สบายๆ เข้ากับหูได้พอดีเป็นแบบ in-ear มีดีไซน์สวยงามและเข้ากับรูปหูไม่หลุดร่วงง่าย และยังมีน้ำหนักเบาอีกด้วย ตัวเสียงนั้นให้เสียงเบสแน่น เสียงกลาง-แหลมออกครบหมด นอกจากนี้ยังมีปุ่มเอาไว้ลด-เพิ่มเสียงได้ แต่กดรับสายไม่ได้ เทียบกับราคานี้ก็ถือว่าคุ้ม สั่งซื้อได้ที่ Shopee, Lazada
4. Remax รุ่น RM-711i: ราคา 235-547 บาท
สำหรับคนที่ใช้พอร์ตแบบ Lightning ตั้งแต่ iPhone 15 ลงไปก็มีสายที่รองรับและน่าใช้งานอยู่เหมือนกัน กับหูฟังแบบมีสายของ Remax รุ่นนี้ที่ราคาไม่สูงมาก ดีไซน์ทั้งตัวหูฟังที่เป็นแบบ earbuds และสายที่ไม่พันกันง่าย ให้เสียงครบแต่อาจจะไม่ได้เน้นเสียงเบสมาก โดยรวมคือมีเสียงที่คมชัดเหมาะสำหรับการฟังเพลง ดูหนังหรือการใช้งานทั่วไปได้ดีแน่นอน นอกจากนี้ยังมีทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง กดรับสาย-วางสายได้เลย หรือจะใช้คุยโทรศัพท์ก็ทำได้เช่นกัน ซื้อได้ที่ Shopee, Lazada
5. Edifier X2s: ราคา 418-549 บาท
มาดูกันที่หูฟังไอโฟนไร้สายกันบ้างที่มีให้เลือกหลายยี่ห้อเลย และของ Edifier รุ่นนี้ก็เป็นอีกรุ่นที่ราคาดีงามและน่าใช้เลยแหละ โดยรุ่นนี้ออกแบบมาเป็นกึ่งอินเอียร์ที่สวมใส่ได้สบายๆ มีน้ำหนักเบา ให้เสียงกว้างครบทุกแบบ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ปรับแต่งให้ฟังเฉพาะตอนนอน ค้นหาหูฟังได้ และตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อีกด้วย การใช้งานใช้ได้ต่อเนื่อง 6.5 ชั่วโมง หรือชาร์จด้วยเคสได้สูงสุด 26 ชั่วโมง กันน้ำได้ IP54 พร้อมควบคุมเสียงได้ด้วยการสัมผัส สั่งซื้อที่ Shopee, Lazada
6. Soundcore by Anker R50i: ราคา 599 บาท
หูฟังไอโฟนไร้สายรุ่นฮิตติดใจคนใช้งานมาอย่างยาวนาน ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ตัดเสียงรบกวนไม่ได้ แต่ถ้าหากอยากได้ตัดเสียงรบกวนด้วยจะมีรุ่น R50i NC ในราคา 799 บาทก็ยังคุ้มอยู่ดี ตัวกูฟังนั้นเป็นแบบ In-ear กระชับเข้ากับหู มีฟีเจอร์เพิ่มเสียงเบสให้คมชัดมากขึ้น และให้เบสหนักด้วยขนาดไดร์เวอร์ 10 มม. ส่วนเสียงอื่นๆ ก็ออกครบ สามารถโทรได้เสียงคมชัดด้วยไมค์ 2 ตัวปรับด้วย AI สามารถกันน้ำฝุ่นได้ที่ IPX5 ใช้ได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง หรือชาร์จต่อด้วยเคสได้ถึง 30 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไวด้วย สั่งซื้อที่ Shopee, Lazada
7. JBL Wave 300BT: ราคา 165-250 บาท
หูฟังไอโฟนไร้สายของ JBL รุ่นราคาเบาๆ มีสีสันให้เลือกเยอะ ตัวหูฟังรุ่นนี้เป็นแบบกึ่ง Inear เพราะมีซิลิโคนให้ใส่ได้แน่นขึ้น มีน้ำหนักเบา สามารถปรับให้กระชับข้ากับหูได้ตามที่ต้องการ คุณภาพเสียงเหมาะกับการใช้งานแบบทั่วไป ใช้ฟังเพลงหรือดูหนังได้ปกติ เสียงเบสพอดีๆ ด้วยไดรเวอร์ขนาด 8 มม. กดเพิ่มลดเสียงหรือว่ารับสายได้ด้วยการสัมผัส กันละอองน้ำหรือเหงื่อได้ที่ IPX2 ส่วนการใช้งานใช้ได้สูงสุด 6 ชั่วโมง หรือใช้ร่วมกับเคสจะใช้สูงสุด 26 ชั่วโมง สั่งซื้อที่ Shopee, Lazada
8. UGREEN HiTune T3 Pro: ราคา 735 บาท
ต่อเนื่องด้วยหูฟังไอโฟนไร้สายตัวจี๊ดราคาแจ๋วจาก UGREEN ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) จะฟังเพลงดูหนังแบบไม่ให้เสียงอะไรเข้ามาเลยก็ทำได้สบายๆ หรือจะกดเปลี่ยนเป็นแบบปกติที่ฟังไปด้วย ได้ยินเสียงข้างนอกไปด้วยก็ได้ ตัวหูฟังนั้นเป็นแบบ In-ear ใช้ร่วมกับแอพของ UGREEN เพื่อปรับเสียงได้ และยังเชื่อมต่อได้ถึง 2 เครื่องในเวลาเดียวกัน การฟังทำได้ดีด้วยไดร์เวอร์ขนาด 10 มม. ให้เบสแน่นตึ้บ ลดความหน่วงตอนเล่นเกมได้อีก สามารถใช้ได้ยาวนาน 7.5 ชั่วโมง หรือชาร์จต่อในเคสได้สูงสุด 30 ชั่วโมง และกันน้ำที่ IPX5 ควบคุมได้หลากหลายด้วยการสัมผัส สั่งซื้อที่ Shopee, Lazada
9. AUKEY EP-M2: ราคา 659-799 บาท
หูฟังไอโฟนไร้สายอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมากๆ นั่นก็คือหูฟังของ AUKEY รุ่นนี้ที่ดีไซน์ออกมาได้สวยงาม โดยตัวเคสทำเป็นแบบใสมองเห็นข้างในได้ ตัวหูฟังเป็นแบบ earbuds ใส่ได้พอดีๆ มีฟีเจอร์ที่ปรับการใช้งานของเสียงได้ 3 แบบทั้งเน้นเบส ฟังเพลงทั่วไป หรือการโทรที่คมชัดขึ้น แต่หลักๆ ถ้าใครชอบเบสหนักก็จะดีหน่อยเพราะมีไดร์เวอร์ขนาด 13 มม. ที่ให้เสียงแน่นๆ สามารถควบคุมการทำงานต่างๆ ได้ด้วยการสัมผัส กันละอองน้ำได้ที่ IPX4 ใช้ได้นาน 5 ชม. หรือชาร์จกับเคสได้สูงสุด 20 ชม. สิ่งซื้อที่ Shopee, Lazada
10. Lenovo LP40 PRO: ราคา 200-300 บาท
ปิดท้ายด้วยหูฟังสำหรับไอโฟนแบบไร้สายของ Lenovo รุ่นฮิตอีกเช่นกัน แต่ว่าตัวนี้มีราคาเบาๆ น่าคบหา และยังมีสีสันให้เลือกอีกเพียบ ถ้าซื้อร่วมกับเคสใสก็เพิ่มได้อีกไม่เกิน 50 บาท ตัวหูฟังนั้นเป็นแบบกึ่ง In-ear ใส่ได้พอดีกับหู การฟังให้เบสเสียงดีเสียงอื่นๆ ก็ได้ครบด้วยไดร์เวอร์ขนาด 13 มม. ให้เสียงคมชัดสำหรับการโทรคุย ควบคุมได้ด้วย สามารถงานได้ยาวนาน 5-6 ชั่วโมง และใช้กับเคสชาร์จได้สูงสุด 20 ชั่วโมง กันน้ำได้ที่ IPX5 โดยรวมถือว่าเป็นตัวที่คุ้มกับราคามากๆ สั่งซื้อที่ Shopee, Lazada
ทั้งหมดนี้ก็เป็นหูฟังสำหรับไอโฟนที่เราได้นำมาฝากกันทั้งหมด 10 รุ่นในวันนี้ มีทั้งหูฟังมีสายและแบบไร้สาย ที่การใช้งานจะต่างกันเลย อย่างตัวหูฟังที่มีสายนั้นอาจจะเหมาะกับคนที่ใส่อยู่บ้าน นอนดูหนังฟังเพลงหรือว่าใช้ได้แบบไม่ต้องกลัวหล่นหาย หรือต้องมากังวลเรื่องของแบตเตอรี่เลย โดยเฉพาะการเดินทางนานๆ ที่ต้องใช้หูฟังไปด้วยการใช้แบบมีสายก็ตอบโจทย์มากกว่า ส่วนแบบไร้สายก็มีข้อดีตรงที่พกพาสะดวก มีฟังก์ชันและฟีเจอร์ให้ใช้งานได้เยอะกว่า มีให้เลือกหลายยี่ห้อหลายแบบ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดไปบ้างในเรื่องของแบต แต่เรื่องการใช้งานก็ยังมีความสะดวกและได้รับความนิยมมากว่าในตอนนี้