ตอนที่มีการเปิดตัว Redmi Note 13 Series 5G ไปนั้นได้มีการเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่อย่าง Redmi Buds 5 และ Redmi Buds 5 Pro เพิ่มด้วย โดยจุดเด่นของหูฟังรุ่นใหม่นี้คือระบบตัดเสียง ANC กับแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน และตอนนี้เราก็ได้ Redmi Buds 5 Pro มารีวิวแล้วด้วย จะเป็นอย่างไรเราไปชมกันได้เลย
สเปคของ Redmi Buds 5 Pro
- สี : ขาว (Midnight White), ดำ (Midnight Black), ม่วง (Aurora Purple)
- ขนาด :
- หูฟัง (ต่อข้าง) : 6.5 × 6.5 × 29.7 มม.
- เคสชาร์จ : 61 มม. × 46.8 มม. × 25 มม.
- น้ำหนัก :
- หูฟัง (ต่อข้าง) : 5.1 กรัม
- เคสชาร์จ : 32.6 กรัม
- ไดรเวอร์ : Coaxial Dual Driver
- ไดรเวอร์เบสพร้อมไดอะแฟรมไทเทเนียม ขนาด 11 มม. เพียโซอิเล็กทริกเซรามิกทวีตเตอร์ ขนาด 10 มม.
- ระบบเสียง : HiFi, LDAC
- ไมโครโฟน : 3 ตัว / ข้าง
- ระบบตัดเสียง : Hybrid ANC
- เวอร์ชั่น Bluetooth : Bluetooth 5.3 พร้อมเทคโนโลยี Bluetooth Low Energy
- ระยะการเชื่อมต่อ : 10 ม.
- เซ็นเซอร์ : VPU Sensor / IMU Sensor /Hall Sensor / CAP Sensor
- มาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น : IP54
- แบตเตอรี่ :
- หูฟัง : 54 mAh
- เคสชาร์จ : 480 mAh
ดีไซน์
ในส่วนของหน้าตานั้นขอเริ่มที่ตัวเคสชาร์จก่อนเลย โดยตัวเคสชาร์จจะมาในดีไซน์ที่เรียบหรูดูแพง มีให้เลือก 3 สีคือสีขาว (Midnight White), สีดำ (Midnight Black) และสีม่วง (Aurora Purple) ซึ่งสีที่ทางเราได้มานั้นจะเป็นสีม่วง Aurora Purple มาบอกเลยสวยอลังการมาก นอกจากนี้ยังมีการวางไฟสถานะ LED แบบแนวยาวไว้ตรงกลาง ใต้ฝา ทำให้เป็นจุดที่เด่นสุดๆ เวลาไฟติดขึ้นมาเลย
เมื่อพลิกมาด้านหลังก็จะเจอข้อความว่า “Redmi” ตัวโตๆ อยู่
ที่ด้านล่างนั้นจะมีพอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C และปุ่มกดสำหรับใช้ตอนจับคู่กับอุปกรณ์ใหม่
มาที่ตัวหูฟังกันบ้างโดยตัวหูฟังจะมาเป็นทรง In-Ear ที่มีสีเดียวกับตัวเคสชาร์จ ที่ก้านจะมีการเว้าพื้นที่ลึกลงไปเล็กน้อยพร้อมกับมีการเล่นสีที่เข้มกว่าตัวหูฟังเล็กน้อย แต่ที่พิเศษหน่อยจะเป็นรุ่นสีขาวและสีดำที่จะมีความไม่เหมือนใครตรงบริเวณก้านหูฟัง โดยบริเวณก้านจะมีการใส่ดีไซล์ลายหินอ่อนเพิ่มลงไปทำให้เกิดความแตกต่างแต่ก็ละเอียดอ่อนในตัวเอง
สำหรับจุกหูฟังนั้นจะมีมาให้เปลี่ยนทั้งหมด 3 ขนาด ไซส์ S M L โดยที่ใส่มาตั้งแต่ต้นจะเป็นขนาด M สำหรับรูไมโครโฟนนั้นบนตัวหุฟังแต่ละข้างจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดข้างละ 3 จุดคือด้านบน, ด้านล่าง และภายใน นอกจากนี้ยังมีปุ่มสำหรับเอาไว้ใช้ควบคุมหูฟังที่บนก้านด้วย
สำหรับสิ่งที่อยู่ในกล้องนอกจากตัวหูฟังและจุกเปลี่ยนขนาดแล้วก็จะมีหนังสือคู่มือและสายชาร์จแบบ USB Type-A to Type-C อยู่เพียงเท่านั้นครับ
การเชื่อมต่อ
ในเรื่องของการเชื่อมต่อนั้นตัว Redmi Buds 5 Pro นั้นจะทำการเชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth ซึ่งจะเชื่อมต่อแบบทั่วๆ ไปก็ได้ หรือจะเชื่อมต่อด้วยแอปฯ ที่ชื่อ Xiaomi Earbuds ก็ได้ โดยสามารถโหลดได้จากใน Google Play และ App Store หรือถ้าไม่อยากไปพิมพ์หาก็สามารถแสกน QR Code ที่อยู่ในใบคู่มือได้เลย (แต่แนะนำให้เชื่อมต่อกับแอปฯ จะดีกว่า เพราะทำให้สามารถตั้งค่าหูฟังได้ละเอียดมาก)
สำหรับหน้าตาของแอปฯ นั้น เปิดมาเราจะเห็นรูปตัวหุฟังและเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ของแต่ละข้าง ถัดลงมาจะมีให้ตั้งค่าระบบตัดเสียง โดยตรงนี้เราสามารถตั้งค่าได้ด้วยว่าจะตัดเสียงไปถึงระดับไหน หรือจะตั้งค่าให้ระบบมันออโต้เองเลยก็ยังได้ นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นการตั้งค่าต่างๆ ตามปกติอย่างเช่นการตั้งค่าคำสั่ง Gestures, รูปแบบเสียง, ไมโครโฟน, การเชื่อมต่อ ฯลฯ
แต่ความเจ๋งของแอปฯ Xiaomi Earbuds ก็คือมันมีการใส่คู่มือการใช้งานหูฟังเอาไว้ในแอปฯ ด้วย ใครที่ลืมวิธีใช้งานหรือวิธีเชื่อมต่อก็สามารถเข้าไปดูได้โดยไม่ต้องไปนั่งหากระดาษคู่มือเลย
เสียงและการใช้งาน
สำหรับเรื่องคุณภาพเสียงนั้นตัวหูฟังที่มาพร้อมไดรเวอร์ขนาด 10.8 มม. พร้อมระบบเสียงอะคูสติก Coaxial Dual Driver ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างไดรเวอร์เบสพร้อมไดอะแฟรมไทเทเนียม ขนาด 11 มม. และเพียโซอิเล็กทริกเซรามิกทวีตเตอร์ ขนาด 10 มม. ทำให้ได้ยินเสียงแบบครบทุกย่านอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีโหมดจำลองเสียงแบบเน้นเบสหรือเน้นเสียงร้องให้เลือกเพิ่มด้วย แต่จากที่ลองแล้วไม่ต้องไปปรับอะไรมันหรอก แบบเดิมๆ นี่แหละเพราะสุดแล้ว แต่ที่เจ๋งคือตัวหูฟังนี้รองรับระบบเสียงแบบ LDAC และ Hi-Res Audio ด้วย
เรื่องระบบตัดเสียงเองก็ไม่ธรรมดาเพราะตัวหูฟังมีระบบตัดเสียงแบบ Hybrid ANC ที่สามารถตัดเสียงได้สูงถึง 52dB/4kHz และเราสามารถไปปรับเพิ่ม-ลดได้ในแอปฯ ด้วย แต่ที่เจ๋งกว่าหูฟังแบรนด์อื่นเลยก็คือถึงจะไม่ได้ทำการเชื่อมต่อกับตัวแอปฯ แค่ต่อด้วย Bluetooth เฉยๆ ANC ก็ยังทำงานนะเออ ถึงจะทำงานด้วยค่าเริ่มต้น แต่ก็มากพอที่จะตัดเสียงรอบข้างได้แล้ว
ในส่วนเรื่องไมโครโฟนนั้นต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา โดยเฉพาะระบบที่ทาง Xiaomi ใส่มา เพราะนอกจากการทำงานร่วมกันของไมโครโฟนทั้ง 3 ตัวและระบบ ANC แล้วยังมี AI มาช่วยในการวิเคราะห์เสียงให้ด้วย ทำให้ได้เสียงที่เงียบสงบกว่าปกติมาก ส่งผลให้ไม่ต้องพูดซ้ำอีกรอบเลยแม้จะอยู่ในที่ๆ มีเสียงรบกวนเยอะก็ตาม แต่ก็ด้วยความที่เป็นหูฟังไร้สาย คุณภาพเสียงที่ได้เลยอาจจะดรอปลงไปเล็กน้อย
สำหรับตัวแบตเตอรี่นั้นที่ตัวหูฟังจะมีแบตเตอรี่ขนาด 55mAh และตัวเคสชาร์จจะมีแบตเตอรี่อยู่ 480mAh ซึ่งทาง Xiaomi เคลมว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานที่สุด 38 ชั่วโมง และมีอายุการใช้งานตัวหูฟังแต่ละครั้งนานสุด 10 ชั่วโมง เมื่อไม่มีการเปิด ANC ซึ่งจากที่ลองบอกเลย ใส่ทำงานจนหมดวันได้สบาย (มีการถอดบ้างแต่ไม่ได้ใส่กลับเข้าไปในเคสเพราะงั้นก็เท่ากับว่าไม่มีการชาร์จเพิ่ม) เพียงแต่ด้วยความที่ผู้เขียนเป็นคนที่มีขนาดรูหูค่อนเข้างเล็กเลยทำให้ถึงจะเปลี่ยนไปใช้จุกขนาดเล็กสุดแล้วก็ยังไม่ค่อยพอดีหูสักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้เจ็บหูแต่อย่างใด ซึ่งนั่นนับว่าดีมากเลยทีเดียว
สรุปการรีวิว Redmi Buds 5 Pro
สรุปการรีวิวหลังจากที่ได้เอา Redmi Buds 5 Pro ไปลองใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้่องยอมรับเลยว่าครั้งนี้ทาง Xiaomi จัดเต็มกับตัวหูฟัง Redmi รุ่นนี้มาก เพราะคุณภาพเสียงที่ได้ ระบบตัดเสียงที่ใส่มา แม้กระทั่งดีไซน์และสีสัน ก็ทำออกมาได้อย่างลงตัว แถมราคาเองก็ยังไม่ได้แรงเกินไปด้วยกับค่าตัวเพียง 2,690 บาท ซึ่งก็ถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มาก ใครที่กำลังหาหูฟังไร้สายเสียงดีๆ ไมโครโฟนดีๆ มีระบบ ANC ทางผู้เขียนอยากขอแนะนำ Redmi Buds 5 Pro ตัวนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกเลยทีเดียว หากสนใจตอนนี้สามารถสั่งซื้อได้แล้วนะทาง Shopee และ Lazada