จากตอนเเรกที่ได้พูดถึงเรื่องความเร็ว จอ เเละเเบตเตอรี่ไปเเล้ว ซึ่งในตอนนี้จะมาพูดถึงประสบการณ์ใช้งานรวมๆ ของตัวนี้กันโดยไม่พูดถึงสเปคครับ
เพิ่มเติมจากเรื่องฮาร์ดเเวร์จากตอนเเรกเสียหน่อยเพราะเป็นเรื่องที่พึ่งเจอ ส่วนตัวเเล้วเกือบทำเครื่อง Gaalxy S III ร่วงลงพื้นหลายรอบ เพราะอะไร? เพราะเครื่องนั้นเหมือนเคลือบเงาทั้งตัว เเละดีไซน์ของเครื่องค่อนข้างมนมาก อีกถ้าวางไวบนพื้นผิวที่ไม่เรียบจริงๆ มีโอกาสเครื่องร่วงครับ (เจอมา 3-4 รอบเเล้ว) ก็อย่าไปวางไว้บนที่ผาดโผนมากนะครับ หรือถ้าใส่เคสเเล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ด้วยความที่ Samsung นั้นใช้อินเตอร์เฟซ TouchWiz มาตลอด ใน Android 4.0 ก็เช่นกัน ด้วยที่หน้าตาของ Android 4.0 นั้นค่อนข้างจะทำมาสวยงามอยู่เเล้วก็เลยทำให้ TouchWiz โดยรวมดูดีขึ้น
TouchWiz ใน Samsung Galaxy S III นั้นมาถึงเวอร์ชัน 5 เเล้ว ครั้งนี้ Samsung ได้เน้นโทนความเป็นธรรมชาติในเครื่องมากในคอนเซ็ป ?Designed by human abd Inspire by Nature? อย่างหน้าจอเวลาอันล็อคสกรีนนั้นก็จะมีลูกเล่นเเตะเเล้วเป็นเสียงหยดน้ำ รวมถึง Notification ต่างๆ วอลเปเปอร์ก็เป็นโทนธรรมชาติ ทำให้ Galaxy S III ดูมีธีมเป็นของตัวเอง เเต่โดยรวมดีไซน์ยังคงความเป็น TouchWiz โทนฟ้าดำ เเละไอคอนสีสดใสออกเเนวการ์ตูนเป็นหลักเหมือนเดิม โดยรวมเเล้วถือว่าไม่ได้ปรับปรุงเรื่องหน้าตาให้สวยงามมากขึ้นมากนัก อย่าง HTC Sense 4.0 นั้นจะดูมีพัฒนามามากกว่าในเรื่องการรีดีไซน์ของครอบ UI ที่ดีกว่า หรือพูดอีกอย่างว่าเเค่เอา TouchWiz มายัดลง ICS เเละเพิ่มเสียงหยดน้ำ วอลเปเปอร์โทนธรรมชาติเเค่นั้น เเต่รอมโดยรวมนั้นสถียรเเทบไม่พบปัญหาเเอพไม่ตอบสนองในการใช้งาน ส่วน TouchWiz น่าจะเป็นเรื่องของรสนิยมมากกว่า ถ้าไม่ติดใจอะไรก็ไม่น่าจะมีปัญหา เเต่อย่างที่บอกไปว่ามันสวยขึ้นก็จริงเเต่ยังดูไม่น่าใช้งานเท่ารอมของ Sony / HTC
Galaxy S III นั้นก็พบว่ามีฟีเจอร์กิมมิคเพิ่มมาหลายอย่าง จากที่เห็นในงานก็คงพอจะทราบกันเเล้วว่าตอนพรีเซนท์ Galaxy S III นั้น Samsung เลือกที่จะไม่พูดถึงสเปคว่าเป็นมือถือ Android ที่เร็วที่สุดในขณะที่วางจำหน่าย โดยบอกเเค่ว่าเป็น Quad-Core เท่านั้น (ทั้งๆ ที่สามารถพูดได้) เเต่เน้นฟีเจอร์อย่าง S-Voice, Social Tag, S-Beam, Smart Stay, Social Tag
วันนี้จะพูดเป็นหลักในเรื่อง Social Tag การทำงานของมันนั้นจะทำการตรวจจับหน้าภายในรูปเเละให้เราเลือกใส่ Tag จากรายชื่อของเราได้ เเละเมื่อกดจากหน้านั้นก็จะสามารถโทรออก ส่งข้อความ หรือกดเข้า Facebook จากรูปที่ติด Tag ได้โดยตรง เเต่การติด Tag นั้นต้องทำเเบบเเมนวลหรือติดเข้าไปด้วยตัวเองเเต่ละรูปนะครับ รวมๆ เเล้วไม่ค่อยเห็นประโยชน์จากฟีเจอร์นี้เท่าไรเพราะกดเข้าจาก contact หรือ Facebook โดยตรงจะง่ายกว่า ส่วน Smart Stay นั้นเมื่อใช้งานจริงเเล้วข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ โดยจะใช้กล้องหน้าในการจับว่าหน้าของเราอยู่บนเครื่องรึเปล่า เมื่อใช้งานจะมีไอคอน Smart Stay อยู่บน Notification เป็นระยะๆ จากที่ใช้งานเเล้วพบว่ามันใช้งานไม่ได้ คือมีไอคอน Smart Stay โผล่ขึ้นมา เเต่หน้าจอกลับดับไปเฉยๆ เมื่อถึงเวลา Time Out เเต่ดูจากวีดีโอของต่างประเทศเเล้วก็พบว่าใช้งานได้อันนี้อาจจะเป็นปัญหาที่ตัวซอฟเเวร์มากกว่าครับ
ในเรื่องของกล้องนั้นยังคงมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเหมือนกับ Galaxy S II เเต่มีการปรับในเรื่องของค่ารูรับเเสงที่ดีกว่าเดิมเล็กน้อยเป็น 2.6 เเละทางยาวโฟกัสเป็น 3.7 ซึ่งดีกว่า Galaxy S II ที่มีค่า 2.65 เเละ 3.97 ตามลำดับ กล้องให้รายละเอียดของวัตถุเเละภาพสูง เเต่ว่าวันนี้ถ่ายรูปนี้อาจจะทำร้ายกล้องสักหน่อยเพราะบรรยากาศค่อนข้างครึ่ม ซึ่งถึงให้เกิดอาการภาพสว่างมากเกินไปในบางจุด (ดูจากรูปรถ 2 คันรูปเเรก) เเต่พอปรับเป็นโหมด HDR ที่ติดมากับเครื่องเเล้วก็อาการหายไป เมื่อเปิด HDR ส่วนใหญ่ภาพจะมีความละเอียดขึ้นเเละเเก้ไขในส่วนของรายละเอียดภาพหายไปในบางจุด เเล้วกล้องของ Galaxy S III ก็เป็น Zero Shutter ด้วยคือกดเเล้วได้รูปเลยโดยระยะเวลาดีเลย์ถือว่าต่ำมาก สรุปเเล้วถือว่าซอฟเเวร์กล้องมีความฉลาดดีค่อนข้างประทับใจ เเต่ในที่มืดนั้นยังคงไม่ดีนักซึ่งเป็นจุดอ่อนของกล้องมือถือเหมือนเคย กล้องในที่มืดนั้นเเชมป์ยังคงเป็น iPhone 4S ต่อไป โดยรวมนั้นกล้องตอนกลางก็อยู่ในระดับที่ดี – ดีมากเเล้ว เเต่กลางคืนถือว่ากลางๆ คลิกดูรูปเพื่อดูขนาดเต็มได้ครับ
รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #1 (ซ้าย) รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #1 เปิด HDR (ขวา)
รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #2 (ซ้าย) รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #2 เปิด HDR (ขวา)
รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #3 (ซ้าย) รูปถ่ายจากกล้อง Galaxy S III #3 เปิด HDR (ขวา)
โดยรวมเเล้วเป็นโทรศัพท์ที่ตอบสนองการใช้งานระดับสูงได้อย่างครบครัน ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องเเบตเตอรี่ที่สูงกว่า HTC One X เเละซีพียูที่กินพลังงานต่ำกว่า Tegra 3 เเละการตอบสนองความเร็วที่ดี กล้องโอเค เเต่ฟีเจอร์กิมมิคที่พยายามโฆษณาหลายอย่างไม่ค่อยจำเป็นในชีวิตประจำวันเท่าไรครับ อีกทั้งถ้าไม่คำนึงเรื่องเเบตเตอรี่ HTC One X ดูเเล้วค่อนข้างน่าใช้กว่า อย่างกราฟข้างล่างเป็นการใช้งานเเบบทั่วไปไม่หนักมากครับ