พบกับ SmartWatch ระบบปฎิบัติการ Android Wear OS แท้ๆ เจ๋งๆ ประจำช่วงต้นปี 2023 สำหรับผู้ที่อยากได้สมาร์ทวอทช์ที่เป็นระบบ Android แท้ๆ โดยเฉพาะ
สำหรับผู้ใช้งาน Smartwatch หลายๆ คนนั้นอาจจะยังไม่ทราบว่าจริงๆ แล้ว Smartwatch ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันนั้นมีระบบปฎิบัติการที่แตกต่างกันไปตามราคาและแบรนด์นั้นๆ อย่างไรก็ตามแต่แล้วระบบปฎิบัติการหนึ่งที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันสำหรับการใช้งานร่วมกับ Smartwatch นั้นก็คือ Android Wear OS ที่มาจากทาง Google โดยเฉพาะ
แน่นอนว่าเมื่อมาจาก Google เองทำให้ Smartwatch ระบบปฎิบัติการ Android Wear OS นั้นรองรับการใช้งานกับสมาร์ทโฟน(และแท็บเล็ต) ระบบปฎิบัติการ Android อย่างเต็มรูปแบบ นอกไปจากนั้นแล้วยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่มากกว่า Smartwatch ทั่วไปตามตลาดให้ผู้ใช้สามารถได้ปรับแต่งการทำงานได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี Smartwatch ระบบปฎิบัติการ Android Wear OS นั้นจะเป็น Smartwatch ที่ค่อนข้างมีราคาสูงพอสมควรคือราคาอาจจะอยู่ตั้งแต่ในระดับ 4,xxx ขึ้นไป ทำให้ในปัจจุบันอาจจะยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ทว่าเมื่อมาพร้อมกับราคาที่อาจจะสูงนิดหน่อยแล้วนั้นเรื่องของแบรนด์, ดีไซน์การออกแบบรวมไปจนถึงความทนทานและความสามารถในการใช้งานนั้นก็จะมีมากกว่า Smartwatch ที่ราคาต่ำกว่า ในช่วงเวลาเช่นนี้หากท่านต้องการมองหา Smartwatch เครื่องใหม่มาไว้ใช้งาน(หรือเป็นของขวัญให้แฟน) แล้วล่ะก็ ขอเชิญพบกับ Smartwatch ระบบปฎิบัติการ Android Wear OS แท้ๆ ที่เราคัดเลือกมาให้ทุกท่านได้เลือกสรรค์กัน จะมีรุ่นไหนบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย
- Samsung Galaxy Watch 5
- Google Pixel Watch
- Samsung Galaxy Watch 5 Pro
- Samsung Galaxy Watch 4 & Watch 4 Classic
- TicWatch E3
- Garmin Forerunner 255 Music
Samsung Galaxy Watch 5
SPECIFICATIONS | Processor: Samsung Exynos W920 RAM: 1.5GB Storage: 16GB Display size: 40mm / 44mm Band size: 20mm Weight: 28.7 grams (40mm) / 33.5 grams (44mm) Battery life: 40 hours OS: Wear OS Powered by Samsung Colors: Graphite, Silver, Pink Gold, Sapphire Water-resistant: ✔️ (5ATM) LTE: Yes, Optional GPS: ✔️ NFC: ✔️ Heart rate monitor: ✔️ Automatic workout tracking: ✔️ Sleep tracking: ✔️ Wireless charging: ✔️ (Qi) |
จุดเด่น | + ชาร์จด้วยกำลังไฟฟ้า 10W ที่รวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด + กระจกกันรอยเรือนหน้าจอเป็น Sapphire + เซ็นเซอร์สุขภาพได้รับการอัปเกรดออกมาให้ดีขึ้นจนแม่นยำอย่างเห็นได้ชัด + ซอฟต์แวร์ Wear OS 3.5 ที่เป็นรุ่นล่าสุด + มีรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ LTE โดยตรง + มีตัวเลือกขนาดเรือนหน้าจอสองขนาด + รองรับการใช้งาน Google Assistant และ Wallet โดยตรง |
จุดด้อย | – อายุแบตเตอรี่ยังไม่ค่อยดีมากเท่าไรนัก – เซ็นเซอร์อุณหภูมิใหม่ไม่ทำงานในช่วงแรกของการวางจำหน่าย(แต่มีอัปเดทแก้ไขออกมาแล้ว) – คุณสมบัติหลักบางอย่างเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Samsung (ที่ต้องใช้กับสมาร์ทโฟน Samsung เท่านั้นถึงจะใช้งานได้) |
เมื่อเทียบกับ Galaxy Watch 4 ที่สร้างความน่าประทับใจกับการเป็น Smartwatch ระบบปฎิบัติการ Android Wear OS 3 แล้ว Galaxy Watch 5 ในปี 2022 นั้นเป็นการอัปเกรดที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเท่าไรนัก ด้วยดีไซน์ที่ค่อนข้างเหมือนกับรุ่นพี่ของมันเป็นอย่างมากทำให้ผู้ใช้ Galaxy Watch 4 อยู่แล้วอาจจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างมากเท่าไรนัก ทว่า Galaxy Watch 5 นั้นก็ได้รับการแก้ไขต่างๆ ในส่วนของฟีเจอร์การใช้งานมาเป็นอย่างดีจนสามารถที่จะปิดข้อบกพร่องของรุ่นพี่ไปได้อย่างสวยสดงดงาม แต่ถ้าหากคุณหวังว่า Galaxy Watch 5 จะแรงมากกว่าเดิมแล้วล่ะก็ต้องขอแสดงความผิดหวังด้วยเพราะว่าสเปคหลายๆ ส่วนของ Galaxy Watch 5 นั้นยังคงดึงมาจาก Galaxy Watch 4 อยู่
จุดที่น่าผิดหวังของ Galaxy Watch 5 นั้นก็คือเซ็นเซอร์อุณหภูมิใหม่สำหรับการอ่านค่าสุขภาพที่ถูกเพิ่มขึ้นมาบน Galaxy Watch 5 นั้นไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงแรกที่ Galaxy Watch 5 มีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ(ทว่าปัญหาดังกล่าวนี้ได้รับการแก้ไขแล้วในอัทเดทใหม่แต่ก็เฉพาะกับผู้ใช้ในบางภูมิภาคเท่านั้น) ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ในเรื่องของการใช้งานสำหรับการติดตามค่าทางด้านสุขภาพและการออกกำลังกายของ Galaxy Watch 5 นั้นก็เจ๋งกว่าคู่แข่งอยู่หลายขุม
อย่างที่ได้บอกเอาไว้ว่า Galaxy Watch 5 มีสเปคคล้ายกับรุ่นพี่ Galaxy Watch 4 เป็นอย่างมากทำให้ในการใช้งานเทียบกันนั้นอาจจะไม่เห็นความแตกต่างในส่วนของความเร็วมากเท่าไรนัก แถมหากเอา Galaxy Watch 5 ไปเทียบกับ Smartwatch ที่ใช้ชิปเซ็ท Snapdragon Wear แล้วในเรื่องความเร็วการเปลี่ยนแอปยังคงต้องยอมรับว่า Galaxy Watch 5 ว่าทำออกมาได้แย่กว่าอยู่(แต่ก็ไม่มากนัก) จุดสำคัญที่ทำให้ Galaxy Watch 5 ยังคงทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรก็คือการใช้งานแบตเตอรี่ที่หากเทียบกับรุ่นน้องแล้วพบว่ายังมีอายุการใช้งานเพิ่มขึ้นมาได้ไม่มากเท่าไรนัก หากคุณใช้งานแบบเปิดหน้าจอตลอดเวลาพร้อมเปิดฟีเจอร์สำหรับการสั่งการด้วยเสียงไปด้วยแล้วล่ะก็คุณอาจจะใช้งาน Galaxy Watch 5 ได้เพียง 10 ชั่วโมงต่อการชา์จเต็มหนึ่งครั้งเท่านั้น
อ่านดูแล้วอาจจะงงว่าทำไม Galaxy Watch 5 ถึงได้กลายมาเป็น Smartwatch รุ่นแรกที่ได้รับการแนะนำในบทความนี้ ต้องบอกเลยว่าจริงๆ แล้วนั้นจุดเด่นของ Galaxy Watch 5 นั้นสามารถที่จะกลบจุดด้อยของ Galaxy Watch 5 ได้แบบสบายๆ ที่สำคัญมากที่สุดก็คือเรื่องของราคาที่ Galaxy Watch 5 นั้นไม่ได้แพงเวอร์มากจนเกินไปนักหากเทียบกับความพรีเมียมที่คุณจะได้รับ
Google Pixel Watch
SPECIFICATIONS | Processor: Exynos 9110, Cortex M33 co-processor RAM: 2GB SDRAM Storage: 32GB Display size: 1.2 inches Weight: 36g (no band) Battery life: 24 hours OS: Wear OS 3.5 Colors: Matte Black, Polished Silver, Champagne Gold Water resistance: 5ATM LTE: ✔️, optional GPS: ✔️ NFC: ✔️ Heart rate monitor: ✔️ Automatic workout tracking: 🚫 Sleep tracking: ✔️ Wireless charging: ✔️ (proprietary charger) |
จุดเด่น | + ดีไซน์การออกแบบที่สวยงามและมีน้ำหนักเบา + ซอฟต์แวร์ที่ยอดเยี่ยมและรองรับการเชื่อมต่อแอป Google เต็มรูปแบบ + ประสิทธิภาพการใช้งานราบรื่น + รวมความพรีเมียมมาจากแบรนด์ Fitbit ได้อย่างแบบยล +จอแสดงผลที่สว่างสดใสพร้อมหน้าปัดนาฬิกาที่ยอดเยี่ยม |
จุดด้อย | – ราคาค่อนข้างแพง – มีเพียงขนาดตัวเรือนและสายรัดข้อมือเพียงแค่แบบเดียวเท่านั้น(ซึ่งอาจจะทำให้ไม่เหมาะกับผู้ใช้บางคน) – ฟีเจอร์การติดตามออกซิเจนในเลือดไม่สามารถใช้งานได้ตอนเปิดตัว(ได้รับการอัปเดทแก้ไขแล้วในบางภูมิภาค) |
เรียกได้ว่าให้แฟนๆ รอกันมากหลายปีทีเดียวกว่าที่ Google จะลงมาเล่นตลาด Smartwatch อย่างเป็นทางการกับ Google Pixel Watch ซึ่งต้องบอกเลยว่า Google Pixel Watch นั้นทำให้แฟนๆ Google และ Wear OS ไม่ผิดหวังเพราะการปรับแต่งที่ลงตัวของตัว Smartwatch, ระบบปฎิบัติการ Wear OS และบริการของ Google เอง
Google Pixel Watch มีสไตล์มากกว่าสมาร์ทวอทช์ Android ทุกรุ่นที่เคยมีมาและดูเหมือนในความเป็นจริงแล้ว Google Pixel Watch โดยรวมอาจจะเจ๋งกว่า Galaxy Watch 5 ด้วยซ้ำไป แต่สิ่งที่น่าติดใจอยู่นั้นก็คือดีไซน์ของตัวเครื่อง Google Pixel Watch ที่ขอบหน้าปัดที่หนาหากเทียบกับสมาร์ทวอทช์ของผู้ผลิตรายอื่นๆ อาจจะทำให้ผู้ใช้บางคนรู้สึกไม่ชอบเอาได้ ทว่าจุดเด่นของการที่เป็น Google เองนั้นทำให้ Google Pixel Watch มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Wear OS 3.5 เป็นรุ่นแรกที่ได้รับการปรับแต่งและเพิ่มฟีเจอร์สำหรับตัว Google Pixel Watch ให้ผู้ใช้มากกว่าสมาร์ทวอทช์แบรนด์อื่นๆ ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ประสบการณ์การใช้งาน Google Pixel Watch นั้นน่าประทับใจเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้มีข้อสังเกตุอยู่ก็คือถึงแม้ว่า Google Pixel Watch จะใช้ชิปเซ็ทอย่าง Samsung Exynos 9110 ที่มีอายุมากกว่าสี่ปีแล้ว ทว่าในการใช้งานจริงนั้นกลับไม่พบความช้าแต่อย่างใด แถมด้วยหน่วยความจำมากถึง 2GB ก็ยังช่วยทำให้การใช้งานหลายๆ แอปพลิเคชัน(แบบสลับไปมา)บน Google Pixel Watch นั้นก็ดีกว่าสมาร์ทวอทช์แบรนด์อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด จุดที่เป็นข้อเสียนิดหน่อยสำหรับ Google Pixel Watch ก็คือการใช้งานแบบแสดงผลนาฬิกาตลอดเวลา(ผ่านฟีเจอร์ AOD) พบว่าอายุการใช้งานแบตตเอรี่จะอยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น(แต่อย่างน้อยก็เอาชนะ Apple Watch ได้นะ)
Samsung Galaxy Watch 5 Pro
SPECIFICATIONS | Processor: Samsung Exynos W920 RAM: 1.5GB Storage: 16GB Display size: 45mm Band size: 22mm Weight: 46.5g (Band not included) Battery life: 80 hours OS: Wear OS Powered by Samsung Colors: Black Titanium, Gray Titanium Water-resistant: ✔️ (5ATM) LTE: Yes, Optional GPS: ✔️ NFC: ✔️ Heart rate monitor: ✔️ Automatic workout tracking: ✔️ Sleep tracking: ✔️ Wireless charging: ✔️ (Qi) |
จุดเด่น | + อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึงสามวันและสามารถชาร์จได้รวดเร็ว + ตัวเรือนไทเทเนียมที่ทนทานยิ่งขึ้นพร้อมขอบหน้าปัดแบบจม(ทำให้หน้าปัดเกิดรอบขีดข่วนยากขึ้น) + มาพร้อม Wear OS 3.5 และรองรับ Google Assistant + HR, SpO2, ECG, BIA, เซ็นเซอร์อุณหภูมิ + มีตัวเลือกเครื่องที่รองรับการเชื่อมต่อ LTE |
จุดด้อย | – ดีไซน์ตัวเครื่องหนาและหนักมาก – ราคาถือว่าแพงมากหากเทียบกับสมาร์ทวอทช์ระบบปฎิบัติการ Android Wear OS ด้วยกัน – มีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มจากรุ่นปกติเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น |
ข้อดีทั้งหมดของ Galaxy Watch 5 ตั้งแต่ Wear OS UI ที่ให้ประสบการการใช้งานที่ราบรื่นไปจนถึงการอ่านค่าเซ็นเซอร์ที่ได้รับการปรับปรุงและการชาร์จที่เร็วขึ้นถูกนำมาไว้บน Galaxy Watch 5 Pro ทั้งหมด ดังนั้นหากจะบอกว่า Galaxy Watch 5 Pro กับ Galaxy Watch 5 ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรนักในเรื่องของฟีเจอร์การใช้งานก็ไม่แปลกนัก อย่างไรก็ตามด้วยความเป็น Galaxy Watch 5 Pro นั้นทำให้ตัวเรือนมีขนาดใหญ่กว่าและหนักกว่าเพราะมีการเพิ่มขนาดหน้าปัดและขนาดความจุของแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น ที่สำคัญก็คือวัสดุที่ใช้งานบน Galaxy Watch 5 Pro นั้นยังแข็งแรงทนทานมากกว่าสมาร์ทวอทช์จากของทาง Samsung ทั้งหมดอีกด้วย
Galaxy Watch 5 Pro สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสามวันโดยเปิดฟีเจอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดอัตราออกซิเจนในเลือดและการติดตามการนอนหลับอยู่ตลอดเวลา นอกไปจากนั้น Galaxy Watch 5 Pro ยังรองรับการออกกำลังกายที่ต้องใช้แผนที่เพราะ Galaxy Watch 5 Pro มี GPS ในตัว ถ้าคุณใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ทั้งหมดรวมถึงเล่นหน้าจอไปด้วยเกือบทั้งวัน Galaxy Watch 5 Pro ก็ยังสามารถที่จะทำงานได้ต่อเนื่องถึง 31 ชั่วโมงเรียกได้ว่าใช้กันต่อเนื่องแบบจุใจ นอกไปจากนั้นแล้วด้วยการรองรับการชาร์จที่กำลังไฟฟ้าถึง 10W ทำให้คุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่ Galaxy Watch 5 Pro ให้เต็มได้ภายในเวลาเพียงประมาณ 90 นาทีเท่านั้น
ตัวเคสทำจากวัสดุไททาเนียมซึ่งมีแนวโน้มที่จะทนต่อการตกหนักได้โดยไม่มีอะไรเสียหายหรือเป็นรอย การออกแบบเองมีจอแสดงผลฝังอยู่ใต้กรอบด้านนอกช่วยให้ป้องกันรอบขีดข่วนได้อีกในระดับหนึ่ง(จอแสดงผลมาตรฐานของ Galaxy Watch 5 เป็นแบบเรียบไปกับตัวเรือนทำให้อาจเกิดรอบขีดข่วนได้ง่ายกว่า) ข้อเสียใหญ่สุดคงอยู่ที่ราคาของ Galaxy Watch 5 Pro ที่แพงเอามากๆ หากเทียบกับสมาร์ทวอทช์รุ่นอื่นๆ แต่หากคุณต้องการความพรีเมียมที่มาพร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานจัดเต็มพร้อมแบตเตอรี่อึดแล้วล่ะก็ Galaxy Watch 5 Pro คุ้มค่ากับการลงทุนเป็นอย่างมาก
Samsung Galaxy Watch 4 & Watch 4 Classic
SPECIFICATIONS | Processor: Samsung Exynos W920 RAM: 1.5GB Storage: 16GB Display size: 40mm / 44mm Band size: 20mm Weight: 25.9 grams (40mm) / 30.3 grams (44mm) Battery life: 40 hours OS: Wear OS Powered by Samsung Colors: Silver, Black, Green, Pink Gold Water-resistant: ✔️ (5ATM) LTE: Yes, Optional GPS: ✔️ NFC: ✔️ Heart rate monitor: ✔️ Automatic workout tracking: ✔️ Sleep tracking: ✔️ Wireless charging: ✔️ (Qi) |
จุดเด่น | + การออกแบบที่น่าดึงดูดและรอบคอบ + ตัวเลือกการเชื่อมต่อ LTE + ตัวเลือกขอบหน้าปัดแบบหมุนได้แบบดิจิตอลหรือแบบกายภาพ + การติดตามสุขภาพ / การออกกำลังกายที่ครอบคลุม + ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมและการสนับสนุนแอพ |
จุดด้อย | – อายุการใช้งานแบตเตอรี่ก็โอเค – การติดตามสุขภาพไม่แม่นยำเท่า Garmin |
แม้ว่าจะถูกแทนที่ด้วย Galaxy Watch 5 แต่ Galaxy Watch 4 ก็ไม่ได้ล้าสมัยในทันทีเพราะ Galaxy Watch 4 นั้นมีสเปคหลายอย่างเหมือนกันกับ Galaxy Watch 5 แบบยกกันมาเกือบทั้งหมดเลยทีเดีัยว ด้วยความที่สเปคเหมือนกันมากแล้วนั้นเป็นไปได้ว่าทาง Samsung น่าจะได้อัปเดทซอฟต์แวร์ Galaxy Watch 4 คล้ายกันกับ Galaxy Watch 5 ออกมาด้วยอีกหลายปี นอกจากนั้นแล้วดีไซน์ของ Galaxy Watch 4 ยังคล้ายกันกับ Galaxy Watch 5 อีกด้วยต่างหากไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอเท่ากัน, การป้องกัน IP68 และ MIL-STD-810H, ขอบจอสัมผัสแบบ Capacitive ที่เป็นเอกลักษณ์ชอง Samsung และวัสดุอะลูมิเนียมเกรดเยี่ยม
Galaxy Watch 4 รุ่นปี 2021 มีราคาต่ำกว่ารุ่น Galaxy Watch 5 รุ่นใหม่ราวๆ 1,xxx บาท(สำหรับราคาที่วางจำหน่ายในช่วงปกติ) ยิ่งถ้าหากเป็นช่วงโปรโมชั่นด้วยแล้ว Galaxy Watch 4 นั้นน่าจะมาพร้อมกับส่วนลดที่มากกว่า Galaxy Watch 5 ด้วย อย่างไรก็ตามแม้เราจะบอกว่าสเปคของ Galaxy Watch 4 คล้ายกับกับ Galaxy Watch 5 เป็นอย่างมากแต่ก็มีบางอย่างที่ Galaxy Watch 5 มีแต่ Galaxy Watch 4 ไม่มีเช่นเซ็นเซอร์อุณหภูมิใหม่, การอัพเกรดความจุแบตเตอรี่เพิ่ม 37mAh และไม่มีกระจกกันจอแซฟไฟร์ใหม่แต่ก็มีกระจก Corning Gorilla Glass พร้อมระบบป้องกัน DX+ ซึ่งทำให้ Galaxy Watch 4 มีข้อดีกว่ารุ่นน้องของมันก็คือแต่ตัวนาฬิกานั้นเบาและบางกว่ารุ่นใหม่กว่ามาก
แม้ว่าการซื้อของใหม่จะยังดีกว่าเสมอ(สำหรับผู้ใช้ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนเลย) แต่กับ Galaxy Watch 4 นั้นก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ามันยังคงเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ดีมากอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ที่ถูกกว่า Galaxy Watch 5 คุณสามารถดู Galaxy Watch 4 แทนได้จากเหตุผลที่บอกไปข้างต้นว่า Galaxy Watch 4 เองนั้นน่าจะได้รับการอัปเดทต่ออยู่อีกหลายปี(หรือดูตัวเลือกอื่นๆ ต่อไป)
TicWatch E3
SPECIFICATIONS | Processor: Qualcomm Snapdragon 4100 RAM: 1.GB Storage: 8GB Display size: 44mm / 1.3-inch HD Display, 360×360 Band size: 20mm Weight: 25.9g (40mm) / 30.3g (44mm) Battery life: Up to 3 days OS: Wear OS Colors: Panther Black Water-resistant: ✔️ IP68+Pool Swimming suitable LTE: 🚫 GPS: ✔️ NFC: ✔️ Heart rate monitor: ✔️ Automatic workout tracking: ✔️ Sleep tracking: ✔️ Wireless charging: 🚫 |
จุดเด่น | + ดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายเหมาะกับคนที่ชอบความเรียบแต่หรู + มี GPS ในตัว + มาพร้อมการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ + ราคาไม่แพง |
จุดด้อย | – ดีไซน์การออกแบบอาจเรียบเกินไปสำหรับบางคน – ที่ชาร์จเฉพาะซึ่งทำให้อาจเกิดปัญหาภายหลังหากทำหาย(เพราะต้องซื้อที่ของที่ได้รับการรับรองจากบริษัทเท่านั้น) – ยังคงไม่ได้รับการอัปเดท Wear OS 3 |
TicWatch E3 เหมาะสำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของสมาร์ทวอทช์โดยไม่สนใจเรื่องดีไซน์ว่าจะต้องแฟชั่นจ๋าเพราะ TicWatch E3 มีการออกแบบที่เรียบง่ายประกอบด้วยตัวเรือนโพลีคาร์บอเนตน้ำหนักเบาและจอแสดงผลความละเอียดสูง(HD) แบบโค้ง แม้ว่าหน้าจออาจไม่คมชัดเท่าจอแสดงผล AMOLED แต่ก็คมชัดมากพอที่จะช่วยให้คุณะมองเห็นได้แม้อยู่ภายใต้แสงแดดโดยตรง
ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายและราคาที่จับต้องได้ TicWatch E3 อาจจะไม่ได้มาพร้อมกับฟีเจอร์และความพรีเมียมแบบจัดเต็มเหมือนแบรนด์อื่นมากนัก อย่างไรก็ตามบริษัทผู้ผลิตอย่าง Mobvoi ก็ตัดสินใช้ชิปเซ็ท Snapdragon Wear 4100 รุ่นล่าสุดพร้อมด้ววยหน่วยความจำขนาด 1GB บน TicWatch E3 ทำให้รับประสิทธิภาพการใช้งานนั้นลื่นไหลเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
TicWatch E3 ครบครันด้วย GPS, การติดตามกิจกรรม/การนอน, การตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, Google Assistant, Google Pay, การตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ฯลๆ นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนและลำโพงให้กับผู้ใช้อีกด้วย เมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติทั้งหมดที่ได้รับแล้วนั้น TicWatch E3 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มเอามมากๆ เพราะแบตเตอรี่ของ TicWatch E3 ก็สามารถที่จะอยู่ได้นานถึงสามวันในโหมด SmartWatch
นอกจากนี้ TicWatch E3 ยังมี Essential Mode ซึ่งช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ด้วยการปิดใช้งานคุณสมบัติหลัก(ยังสามารถติดตามการนอนหลับของคุณได้) โดยคุณสามารถปรับการตั้งค่าเพื่อให้ TicWatch E3 ของคุณเปลี่ยนเป็นโหมด Essential โดยอัตโนมัติที่เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ที่กำหนด
Garmin Forerunner 255 Music
SPECIFICATIONS | Display size: 0.9-inch, 176 x 176 AMOLED Band size: 22mm Weight: 53g Battery life: 2-day OS: Garmin OS Colors: Graphite, Electric Lime, Mist Gray, Tidal Blue Water-resistant: ✔️ (10ATM), MIL-STD-810G LTE: 🚫 GPS: ✔️ NFC: ✔️ Heart rate monitor: ✔️ Automatic workout tracking: ✔️ Sleep tracking: ✔️ Wireless charging: ✔️ (Solar) |
จุดเด่น | + ชาร์จโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ + อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุดถึง 65 วัน + มีรุ่นพิเศษที่แตกต่างกัน(รุ่นย่อย) ให้เลือกซื้อได้ด้วย + ความสามารถในการติดตามกิจกรรมการออกกำลังการที่ยอดเยี่ยม + กันน้ำได้ถึง 10ATM |
จุดด้อย | – คุณสมบัติอัจฉริยะต่างๆ มีน้อยเอามากๆ – ไม่สามารถรับสายโทรศัพท์จากตัวสมาร์ทวอทช์ได้ – ราคาแพงสุดๆ(เพราะโซลาร์เซลล์) |
หากคุณต้องการสมาร์ทวอช์ทระบบปฎิบัติการ Android พร้อมเครื่องมือออกกำลังกายจำนวนมากมาย Galaxy Watch 5 พร้อม Samsung Health ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มมากทว่าก็มาพร้อมกับราคาที่สูงพอสมควร แต่หากคุณต้องการสมาร์ทวอช์ทระบบปฎิบัติการ Android ที่เน้นเรื่องการออกกำลังกายมากกว่าแล้วล่ะก็ Garmin Forerunner 255 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในนั้นเลยทีเดียว
Garmin Forerunner 255 มาพร้อมการนำทางด้วย GPS ที่มีความแม่นยำเป็นอย่างมากนอกไปจากนั้นการติดตามค่าของด้านสุขภาพโดยเฉพาะอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายก็อยู่ในระดับที่แม่นยำแบบสุดๆ อีกด้วยต่างหาก อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Garmin Forerunner 255 ได้รับการปรับปรุงจากรุ่น Garmin Forerunner 245 เป็นอย่างมากจนมั่นใจได้ว่าอยู่ได้สองสัปดาห์เต็มต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง นอกไปจากนั้น Garmin Forerunner 255 ยังมาพร้อมวิดเจ็ตใหม่ที่เป็นประโยชน์เช่น Morning Report และ Race Widget แม้ว่า Garmin Forerunner 255 จะหนักและหนาพอสมควรแต่หากเทียบกับ Galaxy Watch 5 Pro แล้วนั้นก็ยังถือว่าดีกว่ากันอยู่มาก
Garmin Forerunner 255 มีสองรุ่น โดยรุ่นย่อยอย่าง Forerunner 255S จะลดอายุแบตเตอรี่ลงเล็กน้อยจาก 14 วันเป็น 12 วัน และหน้าจอจาก 1.3 นิ้วเป็น 1.1 นิ้ว แต่อย่างอื่นนั้นก็จะเหมือนกันทั้งหมด(เว้นเรื่องน้ำหนักที่ลดลงตามไปด้วยอีก 10 กรัม) ทั้ง Garmin Forerunner 255 และ Garmin Forerunner 255S มีเวอร์ชันที่รองรับการเล่นเพลงได้ในตัวโดยจะมีราคาสูงกว่ารุ่นปกติอยู่ที่ราวๆ 1,6xx บาทสำหรับการจัดเก็บ 500 เพลงจากเพลย์ลิสต์ Spotify, Amazon Music หรือ Deezer ด้วย Garmin Forerunner 255 รุ่นที่รองรับการเล่นเพลงในตัวนี้่จะช่วยให้คุณทิ้งสมาร์ทโฟนไว้ที่บ้านและฟังเพลงไปออกกำลังกายไปได้แบบสบายใจมากที่สุด(ผ่านการฟังเพลงด้วยชุดหูฟังแบบ TWS)
นี่คือ Smartwatch 6 รุ่นแรกที่เรานำมาแนะนำให้ทุกท่านได้ดูกัน เรายังมี Smartwatch ระบบปฎิบัติการ Android Wear OS สุดเด็ดอีก 6 รุ่นที่จำแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักและใช้เป็นตัวเลือก และจะมาอีกในไม่ช้าเกินรออย่างแน่นอน
ที่มา : androidcentral