รวม 10 รถไฟฟ้า รถ EV ราคาไม่เกินล้านในปี 2023 ที่ขายในไทยมีรุ่นไหนน่าซื้อมาใช้งานบ้าง?
ในยุคสมัยนี้อะไรๆ ก็ดูแพง และขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องกันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ หรือว่าวัตถุดิบในการทำอาหารก็ราคาขึ้นไปด้วย และอีกหนึ่งปัจจัยหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง หรือว่าการขนส่ง นั่นก็คือราคาน้ำมัน (ดูแอพเช็คราคาน้ำมันที่นี่) ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก และหลายๆ ประเทศทั่วโลกก็เริ่มหันมาสนใจพลังงานอย่างอื่นแทน ที่เราเริ่มเห็นกันในตลาดรถหรือบนท้องถนน นั่นก็คือรถยนต์ไฟฟ้า หรือว่ารถ EV นั่นเอง ที่สำคัญคือเมื่อเดือนที่ผ่านมานั้นทางราชกิจจาฯ ก็ได้มีการประกาศลดอัตราภาษี และการยกเว้นภาษีอากรศุลกากร สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV สำหรับรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่เป็นแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป และมีการนำเข้ามาทั้งคัน 20% – 40% และทางรัฐก็ยังได้อนุมัติมาตรการให้เงินอุดหนุน สำหรับผู้ประกอบการที่นำเข้าหรือประกอบรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้รถไฟฟ้าหรือ EV มีราคาที่ถูกลงกว่าแต่ก่อนไปอีก ทำให้เราสามารถซื้อรถ EV ในราคาที่ถูกลงตามไปด้วย วันนี้ทาง Specphone เลยจะมาแนะนำ 10 รถไฟฟ้า รถ EV ราคาไม่เกินล้านในปี 2023 ที่ขายในไทย ว่ามีรุ่นไหนน่าซื้อมาใช้งานบ้าง และแต่ละรุ่นมีราคาเท่าไหร่บ้างในตอนนี้
10 รถไฟฟ้า รถ EV ราคาไม่เกินล้านในปี 2023
- FOMM One: ราคา 499,000 บาท
- GWM ORA Good Cat 400 TECH, 400 PRO, 500 Ultra: ราคา 763,000-828,500-959,000 บาท
- MG ZS EV 2022 รุ่น D: ราคา 949,000 บาท
- MG EP PLUS: ราคา 771,000 บาท
- POCCO DD และ MM: ราคา 389,000 – 469,000 บาท
- Wuling Hongguang MINI EV: ราคา 369,000 บาท
- Neta V: ราคาคาดว่าประมาณ 650,000 – 700,000 บาท
- Takano TTE 500: ราคา 490,000 บาท
- VOLT City EV: ราคา 365,000-425,000 บาท
- BYD Dolphin: ราคา 799,999 บาท
รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV คืออะไร?
ก่อนอื่นสำหรับคนที่ไม่รู้ว่ารถยนต์ไฟฟ้า หรือว่ารถ EV นั้นคืออะไร เรามาทำความรู้จักกันแบบคร่าวๆ เข้าใจง่ายๆ กันก่อนดีกว่า โดยรถยนต์ EV (Electric Vehicle) ก็คือรถยนต์แบบใช้ไฟฟ้าทั้งคันแบบ 100% ไม่มีพลังงานอื่นมาใช้งานร่วมด้วย โดยสามารถชาร์จไฟได้อย่างต่อเนื่องเมื่อแบตเตอรี่หมด นอกจากนี้ยังมีการแบ่งประเภทรถไฟฟ้าแบบอื่นๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาดอีกเช่น HEV (Hybrid Electric Vehicle) ที่เป็นแบบผสมระหว่างเชื้อเพลิงปกติกับไฟฟ้า (อย่าง Civic HEV), PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ที่มีการทำงานผสมเหมือนกับ HEV แต่แบบนี้จะสามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟจากภายนอกได้ด้วย, BEV (Battery Electric Vehicle) คือรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่อย่างเดียว และแบบ FCEV (Fuel Cell Electric Vehicle) ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานผลิตจากเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell)
ที่สำคัญก็คือก่อนที่เราจะเลือกซื้อรถยนต์ EV หรือรถไฟฟ้านั้น ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยการใช้งานอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ราคาที่อาจจะไม่ถึงล้าน หรือว่ามีราคามากกว่านี้ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นระยะทางในการใช้งาน ที่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่แล้ว จะมีความแตกต่างเรื่องระยะทางต่อการชาร์จหนึ่งครั้งต่างกัน ทำให้เราจำเป็นต้องนึกถึงสถานที่ชาร์จไฟ หรือปั๊มที่รองรับการชาร์จแบตให้รถด้วย ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะมีหลายๆ ปั๊มให้บริการชาร์จไฟเยอะแล้ว แต่ก็ต้องบอกว่ายังมีน้อยกว่าพลังงานในรูปแบบอื่นๆ อยู่ดี แต่อย่างน้อยเราก็ยังสามารถติดตั้งจุดชาร์จไว้ที่บ้านจากไฟบ้านโดยตรงได้ด้วย แต่อาจจะต้องปรับเปลี่ยนกำลังไฟบ้านตามไปด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการดูแลรักษาที่รถ EV อาจจะมีส่วนประกอบในรายละเอียดที่น้อยกว่าก็จริง แต่ก็ไม่ควรละเลย และควรคำนวณระยะทางในการเดินทางอยู่เสมอด้วย
10 รถไฟฟ้า รถ EV ราคาไม่เกินล้านในปี 2023
1. FOMM One: ราคา 499,000 บาท
ขอเริ่มต้นด้วยรถไฟฟ้าหรือรถ EV ราคาไม่เกินล้าน สุดปุ๊กปิ๊กน่ารักนั่นก็คือ FOMM (First One Mile Mobility) One ที่เป็นรถคันเล็กแบบใช้ไฟฟ้า 100% สำหรับเดินทางระยะสั้น เมื่อชาร์จไฟเต็ม 100% (ประมาณ 6 ชั่วโมง) สามารถวิ่งได้ประมาณ 166 กิโลเมตร ถ้าวิ่งในเมืองเพื่อไปทำงานก็ถือว่าไปกลับได้สบายๆ แถมยังสามารถนั่งได้มากถึง 4 คน หรือจะเปลี่ยนจากด้านหลังเอาไว้ใส่ของไปด้วยก็ยังได้ สำหรับการขับเคลื่อนจะวิ่งด้วยสองล้อหน้า และมีวงเลี้ยว 3.8 เมตร อารมณ์เหมือนขับรถจักรยานยนต์ได้เลย ซึ่งการขับเคลื่อนแบบนี้สำหรับคนที่ขับรถยนต์ปกติมาก่อน อาจจะต้องใช้เวลาสักพักให้ชิน นอกจากนี้ยังมีระบบทำความเย็นแบบ ”High power Cooler system” ที่เข้ากับสภาพแดดบ้านเราด้วย อีกทั้งรุ่นนี้ยังสามารถวิ่งบนน้ำได้ด้วย รถรถไฟฟ้ารุ่นนี้ใช้พลังงานประมาณ 14.8kWh ทำความเร็วได้สูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ติดต่อสอบถามและซื้อได้ที่ FOMM
2. GWM ORA Good Cat 400 TECH, 400 PRO, 500 Ultra: ราคา 763,000-828,500-959,000 บาท
มาต่อกันที่รถไฟฟ้าที่หน้าตาน่ารัก และพบเห็นได้ค่อนข้างบ่อยในช่วงนี้ ด้วยรูปร่างและการออกแบบสไตล์เรโทร บวกกับความน่ารักสะดุดตาของรุ่นนี้ จึงทำให้รถ EV ราคาไม่เกินล้านจาก GWM (Great Wall Motor) ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% น่าใช้งานมากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าหน้าตาของ Good Cat นั้นจะดูคลาสสิค แต่ก็แฝงไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่พัฒนาขึ้นจากแพลทฟอร์ม GWM LEMON ที่มีความอัจฉริยะ สมรรถนะการขับขี่ที่ดี ความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งรถรุ่น ORA Good Cat จะมีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น แต่ถ้าไม่เกินล้านในตอนนี้จะเหลือเพียง 3 รุ่นคือ 400 TECH, 400 PRO และ 500 Ultra ที่ชาร์จหนึ่งครั้งประมาณ 8-9 และ 10 ชั่วโมง ก็จะวิ่งได้ถึง 400-500 กิโลเมตร ให้กำลังสูงสุด 105kW และมีแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 152 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมโหมดการขับ 5 โหมดคือ Standard, Sport, ECO, ECO+ และ Smart ที่ปรับได้เองทั้งหมด อีกทั้งยังกู้คืนพลังงานเพื่อประหยัดพลังงานได้ถึง 3 ระดับเลยด้วย ถือว่าใช้งานเป็นรถไฟฟ้าเพื่อวิ่งไปกลับต่างจังหวัดที่ไม่ไกลมากนักได้แบบสบายๆ ยิ่งถ้าใช้ในเมืองก็ไม่มีปัญหาแน่นอน ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ GWM
3. MG ZS EV 2022 รุ่น D: ราคา 949,000 บาท
รถไฟฟ้า หรือรถ EV ราคาไม่เกินล้านที่ได้รับความนิยมพอสมควรรุ่นต่อมานี้ เป็นรถจาก MG ในรุ่น ZS EV ที่มีรุ่นย่อยแบ่งเป็นสองรุ่นคือรุ่น D และรุ่น X แต่ว่ารุ่น X นั้นจะมีราคาเกินล้านไปนิดหน่อยที่ราคา 1,023,000 บาท และทั้งสองรุ่นต่างกันที่ออพชั่นและการใช้งานบางส่วนเท่านั้น จากเดิมที่ราคาของทั้งสองรุ่นนี้เกินล้านบาท โดยรุ่นนี้มีความจุแบคที่ 50.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และวิ่งได้ประมาณ 403 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ใช้เวลาการชาร์จประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาทีจาก 0-100% และมีชาร์จเร็ว 30-80% ใน 30 นาที (ขึ้นอยู่กับแบตและกำลังไฟด้วย) ส่วนในเรื่องการขับขี่นั้นสามารถทำแรงบิดได้สูงสุด 280 นิวตัน – เมตร ได้กำลังสูงสุดถึง 177 แรงม้าเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีระบบภายใน และการทำงานที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือได้ด้วย โดยรวมแล้วถือว่าเป็นรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยเหมือนกัน สำหรับคนขับรถไฟฟ้าในเมืองหรือว่าเดินทางไปต่างจังหวัดที่ไม่ได้ไกลมากนัก ซึ่งในตอนนี้สถานีชาร์จไฟของ MG ก็เริ่มกระจายไปยังหลายพื้นที่แล้วด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ MG Thailand
4. MG EP PLUS: ราคา 771,000 บาท
อีกหนึ่งรุ่นของรถไฟฟ้าจาก MG ที่เป็นรถ EV 100% เหมือนกัน แต่ว่ารุ่นนี้จะเหมาะกับการใช้เป็นรถครอบครัว หรือว่าเอาไว้ใช้ทั่วไปสำหรับทุกๆ คนก็ยังได้ เพราะมีขนาดพื้นที่ใส่ของความจุถึง 1,456 ลิตร ออกแบบเบาะหน้าคู่แบบ ANTI-CURVED SURFACE DESIGN ลดความเมื่อยล้าขณะขับได้ด้วย ซึ่งก่อนหน้าของรุ่นนี้ก็มีอีกหนึ่งรุ่นคือ MG EP ที่มีราคาถูกกว่าด้วยราคา 761,000 บาท โดยรุ่นนี้มีขนาดความจุของแบตที่ 50.3 Kwh และขับไกลได้มากถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งใช้เวลาปกติในการชาร์จประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที และมีกำลังสูงสุด 163 แรงม้าทำความเร็วได้สูงสุดถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมโหมดขับขี่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ 3 ระดับคือ Sport, Normal และแบบ Eco ถือว่าเป็นอีกรุ่นของ MG ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน แถมยังมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายด้วย สำหรับคนเมืองหรือคนที่ใช้รถเป็นประจำที่อยากใช้รถไฟฟ้าขนาดใหญ่ และเป็นรถ EV ราคาไม่เกินล้านที่ประหยัดค่าน้ำมันไปได้อีกเยอะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ MG Thailand
5. POCCO DD และ MM: ราคา 389,000 – 469,000 บาท
รถไฟฟ้าหรือรถ EV ราคาไม่เกินล้านขนาดจิ๋วแต่แจ๋ว แถมยังมีราคาน่าคบหาพร้อมกับรุ่นย่อยที่มีให้เลือกซื้อกันมากถึง 4 รุ่น แบ่งเป็นรุ่นหลักอย่าง DD กับ MM โดยทั้งสองรุ่นนี้จะมีความต่างกันที่ขนาดและการใช้งาน ซึ่งรุ่น MM จะมีทั้งหมด 3 ประตู แต่ว่ารุ่น DD นั้นจะมีประตูถึง 5 ประตู เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานในเมือง หรือว่าใช้ขับไปกลับจากบ้านไปที่ทำงานก็ทำได้สบายๆ ส่วนความแตกต่างของทุกรุ่นนั้น จะอยู่ที่ขนาดความจุของแบต และระยะทางที่สามารถขับได้ รวมไปถึงความเร็วที่สามารถทำได้สำหรับทุกรุ่นที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถแบ่งเป็นรุ่นย่อยอย่างละสองรุ่นในราคาที่ไม่เกินล้านเหมือนกัน และมีราบละเอียดของแต่ละรุ่นดังนี้
- POCCO DD รุ่น L: ราคา 389,000 บาท มีความจุแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุที่ 10.3kW สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 128 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง โดยใช้เวลาในการชาร์จ 0-100% ที่ 6-8 ชั่วโมง มีขนาดตัวรถอยู่ที่ 1,500 x 3,025 x 1,515 มม.
- POCCO DD รุ่น K: ราคา 449,000 บาท มีความจุแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุที่ 14.5kW สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 178 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง โดยใช้เวลาในการชาร์จ 0-100% ที่ 6-8 ชั่วโมง มีขนาดตัวรถอยู่ที่ 1,500 x 3,310 x 1,588 มม.
- POCCO MM รุ่น YX: ราคา 399,000 บาท มีความจุแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุที่ 9.2kW สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 116 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง โดยใช้เวลาในการชาร์จ 0-100% ที่ 6-8 ชั่วโมง มีขนาดตัวรถอยู่ที่ 1,500 x 3,025 x 1,515 มม.
- POCCO MM รุ่น ZX: ราคา 469,000 บาท มีความจุแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนความจุที่ 14kW สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 170 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง โดยใช้เวลาในการชาร์จ 0-100% ที่ 6-8 ชั่วโมง มีขนาดตัวรถอยู่ที่ 1,500 x 3,025 x 1,515 มม. เท่ากับรุ่น YX
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสอบถามได้ที่ POCCO Thailand
6. Wuling Hongguang MINI EV: ราคา 369,000 บาท
รถไฟฟ้าหรือรถ EV ราคาไม่เกินล้านขนาดเล็กอีกหนึ่งรุ่นจากประเทศจีน ที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศจีน ซึ่งประเทศเราก็ได้นำเข้ามาขายในไทยเหมือนกัน แต่ต้องบอกก่อนว่ามีแค่รุ่นที่เป็นพวงมาลัยด้านซ้ายเท่านั้น พวงมาลัยขวาก็มีผลิตที่อินโดฯ แต่ว่ายังไม่ได้นำเข้ามาวางขาย จึงมีแค่รุ่นพวงมาลัยซ้ายเท่านั้นในตอนนี้ที่รวมภาษีแล้วจะมีราคาที่ 394,830 บาท โดยรถ EV รุ่นนี้จะมีรูปแบบเป็นรถเล็กขนาด 2 ประตู แต่ก็นั่งได้มากถึง 4 คนเลยทีเดียว เหมาะสำหรับใช้ขับในเมืองหรือว่าไปต่างจังหวัดใกล้ๆ แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงพวงมาลัยคนละฝั่งกับบ้านเราด้วย รถรุ่นนี้มีความจุแบตที่ 13.9 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 170 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ใช้เวลาในการชาร์จ 9 ชั่วโมง และมีแรงบิดสูงสุด 85 นิวตันเมตร ทำให้วิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถตัวนี้ก็ยังมีรุ่นเล็กอีกหนึ่งรุ่นที่มีความจุแบต 9.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง วิ่งได้ 120 กม.
7. Neta V: ราคาคาดว่าประมาณ 650,000 – 700,000 บาท
อีกหนึ่งรถไฟฟ้าและเป็นรถ EV ราคาไม่เกินล้านแบบ 100% ที่น่าสนใจ แต่ว่ายังไม่ได้เปิดวางขายอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีการวางแผนเปิดศูนย์บริการมากกว่า 21 แห่งทั่วประเทศ จากข้อมูลของ Neta Auto Thailand คาดว่าจะมีการเปิดเผยราคาและพร้อมวางขายเร็วๆ นี้ ซึ่งราคาที่บอกไว้เป็นราคาคาดเดากันเอาไว้เท่านั้น โดยรถรุ่นนี้เป็นรถที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous มาพร้อมกับขนาดแบตเตอรี่ที่มีความจุ 38.54 kWh และวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ใช้เวลาในการชาร์จปกติ 8 ชั่วโมงจาก 0-100% และยังมีช่องชาร์จไฟ AC แบบ Type 2 กับ DC แบบ CCS ที่ชาร์จได้จาก 30%-80% ภายในเวลาเพียงแค่ 30 นาทีอีกด้วย ส่วนอัตราเร่ง 0-50 กม/ชม. ใช้เวลา 3.9 วินาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร ทำให้สามารถขับได้ด้วยความเร็วสูงสุด 121 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลย โดยรวมแล้วถือว่าเป็นรถ EV ราคาไม่เกินล้านที่น่าสนใจไม่น้อยเลย สำหรับเอาไว้ขับในเมืองหรือเดินทางต่างจังหวัดก็ยังได้ รอลุ้นเปิดตัวได้เร็วๆ นี้ที่ Neta Auto Thailand
8. Takano TTE 500: ราคา 490,000 บาท
รถไฟฟ้าหรือรถ EV ราคาไม่เกินล้านที่เป็นแบบรถกระบะ ที่สามารถใส่ของได้มากถึง 300 กิโลกรัม แต่ทั้งนี้ทางแบรนด์ก็ได้บอกเอาไว้ว่าเหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน, ร้านค้า, รีสอร์ท, โรงแรม หรือเอาไว้ใช้ในโรงงานมากกว่า เพราะว่ารถรุ่นนี้มีความจุแบต 72-80 โวลต์ 11 กิโลวัตต์-ชม. และให้กำลังสูงสุดได้ 5.5 กิโลวัตต์/72 โวลต์ จึงทำให้รถรุ่นนี้มีความเร็วได้ 60 กม./ชม. เท่านั้น แต่ก็สามารถวิ่งได้ในระยะทางสูงสุด 100-120 กม. ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง โดยใช้เวลาในการชาร์จ 6-7 ชั่วโมง สามารถใช้ไฟบ้านในการชาร์จแบตได้ตามปกติ ซึ่งทางแบรนด์ของ Takano ก็มีโปรโมชั่นออกมาอยู่บ่อยๆ สามารถติดตามดูได้ที่แฟนเพจของ Takano ได้เลย ส่วนใครที่จะเอามาใช้เดินทางไกลหรือว่าใช้ในชีวิตประจำวันก็สามารถทำได้ แต่ว่าความเร็วอาจจะไม่ได้เร็วมากนัก จึงเหมาะกับการเอาไว้ขับระยะใกล้หรือเอาไว้ใช้ตามที่ทาง Takano บอกเอาไว้นั่นเอง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Takano Auto Thailand
9. VOLT City EV: ราคา 365,000-425,000 บาท
รถไฟฟ้าหรีอว่ารถ EV ราคาไม่เกินล้านรุ่นต่อมานี้เป็นรถของ VOLT จากจีนอีกเช่นกัน โดยรุ่นย่อยของรถจะมีให้เลือกอยู่ 2 รุ่นย่อยคือรุ่น VOLT City EV For-Two เป็นรถ 3 ประตูพวงมาลัยขวา ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง มาพร้อมมอเตอร์แบบไฟฟ้า และแบตแบบลิเทียมไอออนฟอสเฟตขนาด 11.8 kWh สามารถทำกำลังได้สูงสุด 90 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้ 105 km/h และวิ่งได้ระยะทางประมาณ 115-165 km มีโหมดการขับให้เลือกด้วย ส่วนอีกรุ่นคือ VOLT City EV For-Four เป็นรถขนาดใหญ่กว่ามี 5 ประตู ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ติดตั้งแบตแบบเดียวกันแต่มีขนาด 16.5 kWh ทำกำลังได้ 102 นิวตันเมตร และทำความเร็วได้ 102 นิวตันเมตร ในระยะทางประมาณ 135-200 km อยู่ที่โหมดการขับ และทั้งสองรุ่นไม่รองรับการชาร์จไวกระแสตรง โดยทั้งสองรุ่นมีราคาดังนี้ ดูรายละเอียดได้ที่ VOLT TH
- VOLT City EV For-Two: ราคา 365,000 บาท
- VOLT City EV For-Four: ราคา 425,000 บาท
10. BYD Dolphin: ราคา 799,999 บาท
ขอปิดท้ายกันด้วยรถไฟฟ้าหรือรถ EV ราคาไม่เกินล้านที่มีข่าวว่าจะขายกันตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งล่าสุดนั้นเห็นว่ามีการวางขายแน่นอนแล้ว ถ้าใครที่ไปมอเตอร์โชว์มาก็น่าจะได้สัมผัสความสวยงามของรถกันมาแล้ว โดยรุ่นนี้เป็นรถแบบ 5 ประตูขนาดเล็กสำหรับขับในเมือง โดยรถคันนี้ติดตั้งมอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous ไว้ที่ล้อหน้าขนาด 44.9 kWh ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ทำกำลังได้สูงสุด 95 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 0–100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 12.3 วินาที และทำความเร็วได้ถึง 150km/h พร้อมวิ่งได้ระยะทาง 410 กิโลเมตร มีหัวชาร์จแบบ AC type 2 / DC CCS 2 (60 กิโลวัตต์) ดูรายละเอียดรถไฟฟ้าเพิ่มเติมที่ BYD (Rever Automotive)
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นรถไฟฟ้า หรือว่ารถ EV ราคาไม่เกินล้านที่เราได้นำมาฝากกันทั้งหมด 10 รุ่นในวันนี้ โดยรถไฟฟ้า EV แต่ละรุ่นก็จะมีการใช้งานที่ต่างกันค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นรถขนาดเล็ก หรือว่ารถขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดครอบครัวที่สามารถวิ่งใช้งานไปเที่ยวต่างจังหวัดได้สบายๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูความจำเป็น และเรื่องของการใช้งานเป็นหลัก ว่าเราต้องการใช้แค่ในเมืองขับไปทำงาน หรือว่าต้องการรถที่เอาไว้ขับไปต่างจังหวัดไกลๆ ได้ด้วย เพราะว่ารถไฟฟ้า EV นั้นยังคงมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่พอสมควร แต่ถ้าเราวางแผนดีๆ และเอามาใช้งานได้ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ ก็ถือว่าคุ้มค่าและยังช่วยประหยัดพลังงานได้เยอะมากทีเดียว แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ