มือถือจอแตกถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งหลาย ๆ คนก็เลือกที่จะใช้มันต่อไปทั้ง ๆ แบบนั้น และอีกหลาย ๆ คนก็เอาไปเปลี่ยนจอที่ศูนย์พร้อมเจอค่าซ่อมมหาโหด เพราะการทำจอแตกไม่ได้อยู่ในการรับประกันของผู้ผลิตแน่นอน ซึ่งหน้าจอแตกนั้นจะมีทั้งหมด 3 แบบแล้วแต่ความแรงของการกระแทก โดยทั้ง 3 แบบนั้นจะมีดังนี้
หน้าจอมือถือแตก 3 รูปแบบ
1. แตกเฉพาะกระจก
การแตกเฉพาะกระจกนั้นเป็นอะไรที่สังเกตุได้ง่ายที่สุดแล้ว เพราะถ้าแตกแค่ที่กระจกกระแสดงผลภาพจะเป็นปกติ ไม่มีเส้นขึ้นที่หน้าจอ สีไม่เพี้ยน ทัชสกรีนไม่รวน จุดดำไม่มี สามารถใช้งานต่อได้
2. แตกเฉพาะจอแสดงผล
การแตกในกรณีนี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการตกกระแทก มักเกิดจากแรงกด เช่นนั่งทับเครื่อง ตัวเครื่องถูกเบียดด้วยความแรง ของหนักหล่นใส่บริเวณหน้าจอเป็นต้น เพราะการแตกลักษณะนี้จะเสียหายหรือแตกที่หน้าจอชั้นใน ซึ่งวิธีสังเกตุว่าจอในแตกเบื้องต้นนั้น ภาพจะไม่เป็นปกติ มีจุดดำ จอมืด เส้นขึ้นมากน้อยหรือทั่วจอ สีเพี้ยน จอกระพริบตลอดเวลา ทัชรวนหรือทัชไม่ได้ เป็นต้น
3. แตกทั้งกระจกหน้าจอและจอใน
อันนี้คงไม่ต้องอธิบายกันเยอะ เพราะมันจะเละ ๆ หน่อย กระจกก็แตก จอในก็แตก ทัชก็ไม่ได้ ภาพไม่ปกติ มีจุดดำ มีเส้นขึ้น มาหมดเลย อาการหนัก ๆ ทั้งนั้น
วิธีการซ่อมมือถือจอแตก
1. ซ่อมโดยวิธีการลอกกระจกหรือเปลี่ยนเฉพาะกระจก
การลอกกระจกหรือเปลี่ยนเฉพาะกระจกโดยที่ยังคงจอในแท้ ๆ เอาไว้ใช้งานต่อ เป็นเพียงวิธีเดียวที่เรายังสามารถรักษาจอแท้ตัวเดิมของเราเอาไว้ใช้งานต่อได้ แต่การที่จะซ่อมโดยการลอกกระจกหรือเปลี่ยนเฉพาะกระจกได้นั้น หน้าจอที่แตกจะต้องแตกเฉพาะกระจกเท่านั้น ถ้าจอในแตกไปด้วยก็หมดสิทธิ์ที่จะลอก (ในกรณีนี้จะต้องใช้วิธีที่ 2) ส่วนพวกจอเทียบทั้งหลายนี่ก็ไม่สามารถนำมาลอกกระจกได้
ข้อดี
- คุณภาพของหน้าจอจะยังคงเดิม โดยเฉพาะมือถือ Samsung และ iPhone ที่จะมีสีสัน ความสด ความสว่าง ความละเอียด ความชัด การทัชสกรีนและความทนทานเหมือนเดิม
- ราคาถูกกว่าเปลี่ยนจอแท้ทั้งชุด
ข้อเสีย
- การเปลี่ยนเฉพาะกระจกมีความเสี่ยงที่อาจทำให้จอในมีตำหนิหรือเสียหายได้
2. เปลี่ยนยกชุดทั้งกระจกและจอใน
การเปลี่ยนจอทั้งชุดนั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว หาร้านเปลี่ยนง่าย แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าการเปลี่ยนแค่กระจก
ข้อดี
- เร็วกว่าการเปลี่ยนกระจก
- ไม่มีความเสี่ยงเรื่องตำหนิ
- หาร้านเปลี่ยนได้ง่ายกว่า
ข้อเสีย
- ส่วนใหญ่จะเป็นจอเทียบ เพราะศูนย์ไม่มีนโยบายขายอะไหล่จึงไม่สามารถหาจอแท้ใหม่ ๆ ได้
- คุณภาพของจอจะลดลงทุก ๆ ด้าน ทั้งสี ความสด ความสว่าง ความละเอียด ความชัด การทัชสกรีนและความทนทาน
- กรณีที่เป็นหน้าจอแบบโค้งหรือจอแบบ OLED ถ้าเป็นงานแท้จะราคาแพงมาก
ทางเลือกในการซ่อมมือถือจอแตก
1. ซ่อมกับศูนย์บริการ
การซ่อมมือถือกับทางศูนย์บริการนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียในการส่งมือถือไปซ่อม ซึ่งข้อดีก็คือการที่ได้อะไหล่แท้และหากเครื่องยังมีประกัน ตัวประกันก็จะไม่ขาดด้วย แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องแลกมาด้วยค่าบริการที่สูงลิ่ว และต้องใช้เวลาในการซ่อม (รออะไหล่นาน)
2. ซ่อมกับร้านนอก
การซ่อมมือถือกับร้านนอกนั้นด้วยจำนวนร้านที่มีมากมายอาจจะต้องพิจารณาความน่าเชื่อถือกันอยู่พอสสมควร ซึ่งร้านนอกนั้นจะมีอยู่ 2 ประเภทคือร้านที่เปลี่ยนได้แค่หน้าจอทั้งชุด กับร้านที่สามารถลอกดปลี่ยนกระจกอย่างเดียวได้ ซึ่งการหาร้านพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจำเป็นต้องใช้เครื่องมือเยอะพอสมควร แต่ก็แลกมาด้วยการที่คุณยังได้หน้าจอเดิมที่มีคุณภาพสูงอยู่
ตัวอย่างราคาค่าเปลี่ยนจอ
Samsung Galaxyรุ่น | กระจกไม่รวมจอ | เปลี่ยนจอยกชุด |
---|---|---|
iPhone 6s | 1,200 | 3,000 |
iPhone 6s Plus | 1,500 | 3,500 |
iPhone 7 / 8 | 1,800 | 4,000 |
iPhone 7 Plus / 8 Plus | 2,200 | 4,500 |
iPhone X / XS | 3,000 | 8,000 |
iPhone XS Max / 11 Pro | 3,500 | 10,000 |
iPhone 11 Pro Max | 4,000 | 12,000 |
Samsung Galaxy Note 8 | 2,800 | 7,000 |
Samsung Galaxy Note 9 | 3,200 | 7,500 |
Samsung Galaxy Note 10 | 3,500 | 8,000 |
Samsung Galaxy Note 10 Plus | 4,000 | 8,900 |
Samsung Galaxy S7 | 2,000 | 4,200 |
Samsung Galaxy S7 Edge | 2,200 | 6,000 |
Samsung Galaxy S8 | 2,500 | 6,000 |
Samsung Galaxy S8+ | 2,600 | 7,000 |
Samsung Galaxy S9 | 2,600 | 6,000 |
Samsung Galaxy S9+ | 3,000 | 7,500 |
Samsung Galaxy S10 | 3,500 | 7,000 |
Samsung Galaxy S10+ | 4,000 | 7,500 |
**ราคาจาก yukifix**