Samsung Galaxy Buds Live เปิดตัวออกมาในงาน Galaxy Unpacked ที่พึ่งผ่านมาในวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นทาง GSMArena ก็ได้นำมาทำการรีวิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้นั้นเราจึงขอนำเอาบทความรีวิวของ Samsung Galaxy Buds Live มาให้ทุกท่านได้ศึกษากันเนื่องจาก Samsung Galaxy Buds Live นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในของแถมของ Galaxy Note 20 ซีรีส์เมื่อทำการจองล่วงหน้า จะเป็นเช่นไรนั้นไปติดตามกันได้เลย
แกะกล่อง Galaxy Buds Live
เมื่อทำการแกะกล่องออกมานั้นสิ่งที่คุณจะได้พบจะประกอบไปด้วย 2 สิ่งคือกล่องเคสที่มีชุดหูฟัง Galaxy Buds Live อยู่ภายในและสายชาร์จที่เป็นแบบ USB Type-A to Type-C เอาไว้ใช้สำหรับชาร์จตัวเคสของ Galaxy Buds Live โดยจะต้องเชื่อมต่อฝั่งของ Type-C เข้าสู่เคสเพื่อทำการชาร์จ
ดีไซน์ Galaxy Buds Live
มาดูกันที่กล่องเคสสำหรับเก็บชุดหูฟังกันก่อนโดยจะเห็นได้ว่าดีไซต์ของตัวกล่องนั้นดูหรูหราและพรีมเมียมสมกับราคาของมัน ตัวกล่องเคสนั้นจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ภายในความจุ 500 mAh ทว่าขนาดของกล่องเคสนั้นมีขนาดเล็กกว่ากล่องเคสของ AirPods 2 อยู่พอสมควรโดยสามารถที่จะอยู่ในอุ้งมือได้แบบสบายๆ ตัวกล่องนั้นจะยึดชุดหูฟังเอาไว้ด้วยแม่เหล็กทำให้เวลาที่ทำการเปิดออกมานั้นไม่ต้องกลัวว่าตัวหูฟังจะตกหลุดออกมาแต่อย่างใด
ตัวกล่องเคสนั้นใช้พอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C ตามที่ได้บอกไปไว้ในตอนต้นซึ่งทำให้สามารถที่จะใช้สายอื่นๆ ที่มีวางจำหน่ายในตลาดได้เลยแต่ถึงกระนั้นแล้วในชุดจำหน่ายก็มีสายสำหรับทำการชาร์จแถมมาให้ด้วยดังนั้นเรื่องสายชาร์จนี้ไม่ต้องกลัวแต่อย่างใดสามารถที่จะพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย
ดีไซน์ของตัว Galaxy Buds Live นั้นได้รับการปรับมาใหม่ให้มีขนาดเล็กลงและแตกต่างไปจากชุดหูฟังแบบ TWS ที่มีวางจำหน่ายอยู่ในตลาด ณ เวลานี้เป็นอย่างมาก บนตัว Galaxy Buds Live นั้นจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 60 mAh ซึ่งอาจจะดูว่ามากและหลายๆ ท่านอาจจะคิดว่ามันน่าจะหนักหูทว่าในความเป็นจริงแล้วนั้นเมื่อสวมตัว Galaxy Buds Live เขากับหูแล้วนั้นจะไม่รู้สึกเลยว่ามันหนักแถมที่สำคัญตัว Galaxy Buds Live นั้นจะแนบไปกับช่องของหูทำให้ไม่หลุดออกมาง่ายไม่ว่าจะทำกิจกรรมหนักๆ อย่างเช่นการออกกำลังกายเป็นต้น หากเป็นคนที่มีผมยาวปิดหูด้วยแล้วนั้นเรียกได้ว่าหากใส่ Galaxy Buds Live อยู่นั้นจะมองไม่เห็นตัว Galaxy Buds Live เลยทีเดียว
Galaxy Buds Live นั้นมีช่องเสียงขนาดอยู่ที่ 12 mm โดยจะมีช่องลำโพงเบสและ IR sensor อยู่ทางด้านล่างหันเข้าหาหูทางฝั่งช่องหูเมื่อทำการสวมใส่ส่วนด้านบนนั้นจะมีพินสำหรับการชาร์จที่ไม่ต้องกลัวว่าใส่แล้วจะช๊อตหูของท่านแต่อย่างใด ลักณะของ Galaxy Buds Live นั้นจะเป็นชุดหูฟังแบบสูญญากาศซึ่งอาจจะทำให้มีทั้งผู้ใช้ที่ชอบและไม่ชอบ ทว่าที่ทาง Samsung ออกแบบมาเช่นนี้นั้นก็เนื่องมาจากว่าดีไซน์ชุดหูฟัง TWS แบบสูญญากาศนั้นจะไม่ต้องยัดเข้าไปในรูปหูทำให้ไม่เกิดความเจ็บปวดสะสมเมื่อใช้เป็นระยะเวลานานๆ
ทางด้านเสียงนั้นต้องบอกเอาเลยว่าดีเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านของการแยกเสียงรบกวนและเสียงเบสที่สามารถทำได้ดีกว่า Galaxy Buds/Buds+ และ AirPods Pro เป็นอย่างมาก(แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลด้วย
เมื่อเทียบของของ Galaxy Buds Live ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างแตกต่างไปจากชุดหูฟังแบบ TWS อื่นๆ ในตลาดพอสมควร อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้น Galaxy Buds Live ยังคงมีข้อเสียอยู่บ้างคือมันไม่ได้เหมาะกับใบหูของผู้ใช้ทุกๆ คนเนื่องด้วยการออกแบบที่วางตัวในแนวนอนทำให้คนที่มีใบหูใหญ่หรือเล็กกว่าปกตินั้นอาจจะใส่ Galaxy Buds Live แล้วรู้สึกไม่ค่อยที่จะถนดอยู่บ้างแต่ถึงกระนั้นก็ไม่พบว่ามีการตกออกมาจากใบหูแต่อย่างใดถึงแม้จะใช้ Galaxy Buds Live ในเวลาวิ่งก็ตาม
ฟีเจอร์ของ Galaxy Buds Live
Galaxy Buds Live นั้นสามารถที่จะใช้งานกับอุปกรณ์ได้ทุกชนิดที่มีการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ Android, iOS หรือแม้กระทั่ง PC ก็ตาม ทว่าเพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์แบบที่สุดนั้นทาง Samsung แนะนำให้ใช้งานกับสมาร์ทโฟน Galaxy ของทาง Samsung เอง
ในการเชื่อมต่อนั้นเรียกได้ว่าง่ายเหมือนกับชุดหูฟังแบบ TWS ทว่าหากใช้งานกับสมาร์ทโฟน Galaxy ของทาง Samsung แล้วนั้น Galaxy Buds Live จะสามารถเชื่อมต่อได้ง่ายมากกว่าเพียงแค่ท่านลงแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable และเปิด Bluetooth ของสมาร์ทโฟน เมื่อทำการเอา Galaxy Buds Live ออกจากกล่องเคสสมาร์ทโฟนก็จะสามารถที่จะจับได้ทันทีว่ามี Galaxy Buds Live อยู่ใกล้ๆ และถามท่านว่าต้องการที่จะเชื่อมต่อกับ Galaxy Buds Live หรือไม่(สำหรับอุปกรณ์ระบบปฎิบัติการ Android เมื่อลงแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable ก็จะใช้ฟีเจอร์นี้ได้เช่นเดียวกัน ส่วนอุปกรณ์ iOS นั้นท่านต้องไปตั้งค่าการเชื่อมต่อในการตั้งค่า Bluetooth อีกที)
สำหรับอุปกรณ์ Android ที่ลงแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable ไว้นั้นท่านสามารถที่จะปรับตั้งค่าต่างๆ ของ Galaxy Buds Live ได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งเสียงให้เหมาะสมกับที่ท่านต้องการ, การเปิดปิด active noise cancellation รวมไปถึงการอัพเดทเฟิร์มแวร์ของตัว Galaxy Buds Live ก็สามารถที่จะทำได้ด้วยเช่นเดียวกัน นอกไปจากนั้นแล้วท่านยังสามารถสั่งรีเซ็ท Galaxy Buds Live เพื่อที่จะเอาไปทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ผ่านทาางแอปได้อีกด้วย
การสั่งการบน Galaxy Buds Live นั้นใช้วิธีการสั่งการแบบสัมผัสโดยสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
- สัมผัส 1 ครั้งเพื่อหยุดหรือเล่นเพลงและสื่อที่เปิดอยู่
- สัมผัส 2 ครั้งเพื่อเปลี่ยนเป็นเพลงถัดไป
- สัมผัส 3 ครั้งเพื่อเปลี่ยนเป็นเพลงก่อนหน้าที่เล่นไปแล้ว
- สัมผัสค้างเอาไว้บน Galaxy Buds Live ทั้ง 2 ข้างจะเป็นการเรีกใช้งาน Bixby, Spotify, เพิ่มหรือลดเสียง และ ativate หรือ disable ฟีเจอร์ noise cancellation โดยจะต้องตั้งค่าเอาไว้ก่อนผ่านทางแอปพลิเคชัน
คุณภาพเสียง, active noise cancellation และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
Samsung Galaxy Buds Live นั้นให้เสียงหนักไปทางด้านเบวค่อนข้างที่จะมากเมื่อเทียบกับชุดหูฟังแบบ earbud TWS แบบทั่วไป นอกไปจากนั้นแล้วยังให้เสียงดีมากๆ เมื่อตั้งค่าเสียงเป็น Dynamic หรือ Normal ผ่านทางแอปพลิเคชัน โดยเสียงเบสที่ได้นั้นจะไม่ได้ดังมากจนเกินไปถึงขั้นที่จะกลบเสียงอื่นๆ ซึ่งต้องถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเป็นอย่างมากโดยเสียงที่ออกมานั้นถึงแม้จะตั้งค่าเสียงไว้ที่ความดังกลางก็สามารถที่จะได้ยินเสียงต่างๆ ครบถ้วนแล้ว
เมื่อเทียบในเรื่องของความดังของตัวลำโพงของ Galaxy Buds Live แล้วนั้นต้องบอกว่าดังพอๆ กับ AirPods Pro แต่ก็ไม่ถึงกับ AirPods 2 และ Galaxy Buds+ ซึ่งชุดหูฟังทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวนี้นั้นจะให้เสียงที่ดังกล่าวและเยสที่หนักมากกว่า โดยจุดนี้นั้นก็น่าจะมาจากการดีไซน์ของตัวหูฟัง Galaxy Buds Live ที่ไม่ได้ใส่เข้าไปโดยตรงในรูหูของผู้ใช้นั่นเอง
ทางด้านฟีเจอร์ active noise cancellation นั้นน่าเสียดายที่ Galaxy Buds Live นั้นยังทำออกมาได้ไม่ค่อยดีมากเท่าไรนักโดยคุณภาพของการลดเสียงรบกวนนั้นจะพอๆ กันกับ Huawei Freebuds 3 อย่างไรก็ตามแต่แล้วนั้นในการตัดเสียงรบกวนของ Galaxy Buds Live ก็ยังคงมีจุดดีอยู่ที่มันสามารถที่จะทำได้อย่างต่อเนื่องไม่มีจุดที่ติดขัดแต่อย่างใด ตรงจุดนี้นั้นหากต้องการให้การตัดเสียงรบกวนของ Galaxy Buds Live ดีขึ้นคุณจะต้องเพิ่มความดังของเสียงให้มากขึ้นตามไปด้วย
ทางด้านอายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้นต้องบอกว่า Galaxy Buds Live สามารถทำออกมาได้อย่างดีมากๆ โดยคุณสามารถที่จะฟังเพลงที่ระดับเสียง 100% ต่อเนื่องได้ยาวนานมากถึง 5 ชั่ว 15 นาที และจะดีมากขึ้นหากคุณทำการปิดฟีเจอร์การเรียกใช้ Bixby Voice Wake-up และการตัดเสียงรบกวนโดยพบว่าเมื่อปิด 2 ฟีเจอร์ดังกล่าวนี้แล้วนั้นจะสามารถยืดเวลาการใช้งานได้เพิ่มถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
สำหรับการชาร์จตัวชุดหูฟัง Galaxy Buds Live กับกล่องเคสนั้นพบว่าเมื่อใช้ชุดหูฟัง Galaxy Buds Live จนหมดแล้วนำกลับไปชาร์จต่อในกล่องเคสเป็นระยะเวลา 25 นาที ตัวชุดหูฟัง Galaxy Buds Live จะมีแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50% โดยสำหรับการชาร์จผ่านกล่องเคสนั้นพบว่าสามารถใช้ชาร์จชุดหูฟัง Galaxy Buds Live ให้เต็มได้ 2 ครั้งครึ่ง ส่วนการชาร์จตัวกล่องเคสให้เต็มนั้นจะใช้เวลาอยู่ที่ราวๆ 40 นาทีเท่านั้น
สำหรับ Samsung Galaxy Buds Live ที่มีราคาอยู่ที่ราวๆ 6,999 บาท(หรือได้ฟรีเมื่อท่าน pre-ordered Galaxy Note 20 ซีรีส์) นั้นคงต้องบอกว่าหากซื้อแยกแล้วดูเหมือน Galaxy Buds Live จะไม่ค่อยเหมาะเท่าไรนักเพราะในตลาดนั้นมีตัวเลือกที่ดีกว่าอย่าง Samsung Galaxy Buds+, Apple AirPods 2 ที่ราคาค่อนข้างจะต่ำกว่ามากพอสมควร จุดที่น่าเสียดายมากที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้นฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนของ Galaxy Buds Live ที่ทำออกมาไม่ค่อยดีมากเท่าไรนัก แต่หากท่านตัดสินใจ pre-ordered Galaxy Note 20 ซีรีส์แล้วได้ตัว Galaxy Buds Live แถมมาด้วยนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะในการใช้งานทั่วไปนั้นมันก็สามารถที่จะทำหน้าที่ได้ดีเหมือนกัน
ที่มา : gsmarena