แม้ว่าโมเมนตัมของโลกตอนนี้จะมุ่งเป้าไปที่การเติบโตอันไม่หยุดยั้งของสมาร์ทโฟนกันเสียหมดแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องการมือถือที่มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมายเสมอไป แน่นอนว่าผู้ผลิตบางรายยังสามารถตอบสนองกับคนกลุ่มนั้นได้อย่างที่เห็นกับปริมาณของฟีเจอร์โฟนที่ยังไม่ลดลงเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับความแรงของสมาร์ทโฟน
วันนี้เราจะมารีวิวมือถือที่ไปถึงจุดสุดของคำว่า Mobility & Simply อย่างเจ้า Card Phone CM 1 ที่ใช้ง่าย และบางจนยัดใส่กระเป๋าตังได้เลยทีเดียว
Hardware
เนื่องจากเจ้า Card Phone ตัวนี้เป็นฟีเจอร์โฟน ดังนั้นเราจะเน้นไปที่ส่วนตัวเครื่องมากกว่า ซอฟต์แวร์ เพราะว่ายังไงเราก็เน้นใช้งานทั่วไปกันอยู่แล้วเนอะ 😀
เริ่มต้นด้วยการแกะกล่องเลย โดยเจ้า Card Phone นี้มาพร้อมกับแพคเกจแบบรักโลกที่เป็นกระดาษ พร้อมคำโปรยแบบตรงไปตรงมาว่า ?Just Mobile Phone Only!? ภายในมีคลิปหนีบกระดาษหนึ่งอัน และตัวเครื่องสีสดใสอยู่ภายใน (ตัวที่รีวิวเป็นสีเขียว แต่ทั้งหมดมี 5 สี ขาว ดำ เขียว ชมพู ส้ม ดังภาพด้านบน)
แกะแพคเกจออกมาจะเห็นรายละเอียดภายในกล่องถึงการแกะซิม หรือการเปิดปิดเครื่องด้วย (ที่ต้องใช้คลิปที่แถมมา) เรียกได้ว่าใช้เนื้อที่คุ้มมาก เพราะว่ามือถือรุ่นนี้ไม่มีคู่มือการใช้แถมมานะ!
พอแกะออกมาแล้วก็จะป๊ะกับด้านหน้าของเครื่อง หน้าตาเหมือนกับมือถือทั่วไป มีปุ่ม Menu ซ้ายขวาข้างจอ? และ 4-Direction buttons ด้านล่างจอ ปุ่มรับสายโทรออกมาตรฐาน และปุ่มหมายเลขที่วางตัวแปลกๆ ไปนิด
ด้านหลังของตัวเครื่องจะเห็นรูเล็กๆ ภายในโลโก้ของเครื่อง ไว้สำหรับใช้คลิปดันซิมออกทางช่องที่เห็นเป็นรอยบากสองเส้นนั่นเอง
ด้านล่างของตัวเครื่องเรียงจากซ้ายไปขวา ได้แก่รูร้อยสายห้อย พอร์ตสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ที่เป็น microUSB และสวิทช์ปิด/เปิดเครื่อง
หน้าจอของ Card Phone แม้ว่าจะจิ๋ว แต่ก็เป็น OLED ที่สว่างมาก ใช้งานกลางแจ้งได้ในระดับหนึ่ง แต่พอเจอแสงจ้ามากๆ ก็ดับอยู่ดีนะ
โปรยหัวไปแล้วว่ามันบาง พูดตัวเลข 6.9 มม. เฉยๆ เกรงจะหาว่าโม้ ดังนั้นเรามาเทียบกับสมาร์ทโฟนยอดฮิตกันอย่าง iPhone 4 กันเลยดีกว่า ส่วนผลหรอ ? ดูรูปประกอบได้เลย!
ยัง ยังไม่พอ! ต้องเอาไปลองเสียบไว้ในกระเป๋าตังด้วยว่ายัดเข้าจริงไหม 😛
ยังไม่จบแค่นั้น ช่องกระเป๋าตังบางคนอาจจะใหญ่ เดี๋ยวจะหาว่าโกง เอาไปใส่ช่องใส่บัตรกันเลย 😀
หมดเรื่องความบางแล้ว ก็เป็นเรื่องของน้ำหนักที่เคลมไว้ว่า 38 กรัม แต่เนื่องจากไม่ได้ชั่งมาให้ดู จึงขอบอกเป็นความรู้สึกแทนว่า ยังไม่เคยเจอมือถือตัวไหนเบาเท่านี้มาก่อนเลยนะ
นอกจากตัวเครื่อง และคลิปหนีบสำหรับแคะแกะเกาตัวเครื่องแล้ว ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่ขายพ่วงกันไปเลยดังนี้ – ซองซิลิโคนแบบมีรูห้อยสาย ด้านหลังสามารถเสียบนามบัตรได้ พร้อมยางผูกเครื่องอีกสามสีสามเส้น
ที่ชาร์จที่แปลงจากไฟบ้านไปเป็น microUSB ที่ทำมาเฉพาะรุ่นเลย มีโลโก้ด้วย 😀
สาย microUSB to USB ที่มีหน้าตาเหมือนกระดูกหมา รองรับการบิดงอได้ในระดับหนึ่ง
พอจับมาวางเรียงกันแล้วก็จะได้ประมาณนี้จ้า เริ่มเยอะละ
Software
เนื่องจากเจ้าเครื่องนี้เป็นฟีเจอร์โฟน ในส่วนนี้จะไม่ลงรายละเอียดมาก เพราะหลายคนคงคุ้นเคยกับมือถือทั่วไปกันอยู่แล้ว และเครื่องนี้ก็ทำได้ในระดับมาตรฐาน เช่นการโทรเข้า รับสาย การดูรายชื่อโทรเข้า-โทรออก รับข้อความได้เฉพาะภาษาอังกฤษ และจีนเท่านั้น
การใช้งานทั่วไป
จากการพกพาใช้งานระยะสั้นๆ บอกได้ถึงจุดเด่น และจุดด้อยของเจ้า Card Phone CM 1 ได้ดังนี้จ้า
การพกพา: ทำได้สะดวกมาก การพกเจ้า Card Phone ไว้ในกระเป๋าตังช่วยเพิ่มพื้นที่ในกระเป๋าอีกหนึ่งช่อง (ปกติถูกจองด้วยสมาร์ทโฟนจอเป้ง)
เสียงเรียกเข้า: ดังมาก! ตัวเล็กๆ แค่นี้ไม่รู้ว่าไปเอาแรงที่ไหนมาร้อง แต่สั่นไม่ค่อยแรงเท่าไร
การรับสัญญาณ: ตามสเปคชีทระบุว่ารองรับ Quad Band GSM ซึ่งครอบคลุมทุกเครือข่ายของประเทศไทย ใช้งานจริงกับเครือข่าย dtac ก็รับสัญญาณได้ดีไม่ขาดตอน
ใช้งานสนทนา: ใช้งานได้แบบพอใช้ มีอาการเสียงเบาบ้าง ไมโครโฟนค่อนข้างเบา
ระยะเวลาการใช้งาน: ตัวเครื่องเปิดแบบสแตนบายด์ได้เป็นสัปดาห์จริง และสามารถชาร์จให้เต็มได้ภายในสองถึงสามชั่วโมง แต่ใช้สนทนาจริงไม่นานเท่าไร น่าจะมาจากขนาดที่บางทำให้บรรจุแบตเตอรี่ไว้ได้น้อย
ฟีเจอร์ในเครื่อง: มีมาให้เกินพอในแง่การใช้งานทั่วไป และการจัดตารางนัดหมาย (ปฏิทิน เครื่องคิดเลข ฯลฯ) แต่มีข้อเสียตรงที่ไม่สามารถรับ/พิมพ์ข้อความภาษาไทยได้
Video Review
สรุป
สำหรับ Card Phone CM 1 เรียกได้ว่าทำมาได้สุดโต่งสำหรับมือถือเพื่อการใช้งานอย่างแท้จริง ได้คะแนนเต็มในแง่การใช้งานพื้นฐาน และการพกพาที่ไม่ทำให้รู้สึกเป็นภาระเหมือนสมาร์ทโฟนตัวใหญ่ๆ เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการมือถือสำหรับโทรเข้า-ออก และเบาบาง
นอกจากสองอย่างที่ว่าไปแล้ว Card Phone CM 1 ยังเป็นมือถือไม่กี่รุ่นที่กล้าแหวกการออกแบบ และอุปกรณ์เสริมให้แตกต่างกับเจ้าอื่นๆ (ดูแค่สายชาร์จก็แปลกแล้ว) สำหรับคนที่เน้นพกมือถือเก๋ๆ ไม่เหมือนใครก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกันครับ
The Good
- บาง เบา และออกแบบได้แนวมาก
- สแตนบายด์ได้นาน
- เสียงเรียกเข้าดังมาก
- การทำงานทั่วไปตอบสนองได้รวดเร็ว
The Bad
- ใช้สนทนาได้ไม่นาน
- วัสดุบุบสลายง่าย
- พิมพ์/อ่านข้อความภาษาไทยไม่ได้