มือถือหาย!! เป็นฝันร้ายของผู้ใช้งานมือถือทุกคน เพราะเดี่๋ยวนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่มือถือทำได้แค่เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ทุกวันนี้มือถือนั้นเสมือนกับอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว เทคโนโลยีต่างๆ นั้นก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ทำให้มือถือในยุคปัจจุบันนี้นั้นสามารถทำได้เกือบทุกอย่างที่ไม่ต้องใช้แรงงาน หรือไม่แน่ว่าอาจจะทำได้ทุกอย่างไปแล้วก็ได้? เมื่อดูจากทุกวันนี้ที่ค่าน้ำ-ค่าไฟ รวมถึงบิลต่างๆ นั้นก็สามารถจ่ายได้แล้วบนมือถือ
ยังไม่รวมถึงการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ที่เราสามารถควบคุมได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้มนุษย์เรายกระดับความสำคัญให้กับมือถือเป็นอันดับต้นๆ ไปโดยปริยาย และแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาที่มือถือที่เราใช้งานนั้นหายไป เราจะรู้สึกเครียด และวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากข้อมูลภายในเครื่อง เช่น รูปถ่าย,วีดีโอ,ข้อมูลสำคัญๆ แล้วราคาของตัวเครื่องนั้นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรานั้นต้องคิดหนัก
จะเห็นได้ว่ายิ่งนานวันราคาของมือถือนั้นเริ่มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และที่น่าสนใจนั่นคือถึงแม้ราคาจะสูงขนาดไหนก็ยังคงมีคนซื้อไปใช้งาน โดยเฉพาะมือถือแบรนด์ดังๆ ทำให้เรื่องของราคาในบางครั้งกลับกลายเป็นอันดับท้ายๆ ที่คนเบางกลุ่มคิดถึง แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่นั้นจัดให้เรื่องของราคาเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน
แต่ถ้าตัวเครื่องนั้นซื้อมาถูกก็อาจจะรู้สึกแค่เพียงเสียดายนิดหน่อยเท่านั้น แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างแน่นอน แต่หากต้องพบเจอกับเหตุการณ์นี้เราจะต้องทำยังไง และนี่คือที่มาของบทความในวันนี้นั่นคือ การป้องกันมือถือไม่ให้สูญหายนั้นทำอย่างไร และเราจะต้องทำอะไรบ้างหากมือถือของเรานั้นเกิดหายไป
มือถือหายทำยังไงดี?
ตั้งสติให้ดี!!
เชื่อหรือไม่ว่าหากค้นหาบน Google ด้วยคำว่า”มือถือหาย ทำยังไง” เราจะเจอผลลัพธ์ถึง 341,000 เลยทีเดียว เนื่องจากเวลาที่คนเรานึกไม่ออกแล้วว่าจะทำยังไงต่อไปก็อาจจะเลือกมาค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ต่างๆ หรืออาจจะเป็นในสังคมออนไลน์ทั่วๆไป เพื่อหาคนที่เคยมีประสบการณ์ดังกล่าว ซึ่งผมบอกเลยว่าเสียเวลาเปล่าๆ ควรหยุดการถามคนอื่น และเปลี่ยนมาเป็นตั้งสติและคิดให้ออกว่าเราเห็นมือถือครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และที่ไหน ไม่แน่ว่ามือถืออาจจะอยู่ใกล้ๆ แต่มองไม่เห็นมากกว่า แต่ถ้านึกไม่ออกและหาไม่เจอเลยจริงๆ ก็ควรทำขั้นต่อไปนั่นคือ
โทรหามือถือเครื่องที่หาย!!
การใช้โทรศัพท์ของคนใกล้ตัวมาช่วยในการตามหานั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยอดนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเสียงเรียกเข้าจะเปรียบบเหมือนเสียงที่เรียกตระโกนบอกว่า “อยู่ตรงนี้คร้าบบ” ให่้เราไปเดินตามหากันต่อไป แต่ข้อมีข้อยกเว้นในกรณีที่เราปิดเสียง การตามหาเบื้องต้นนั้นจะยุ่งยากมากกว่าเพราะเราจะไม่รู้เลยว่ามือถืออยู่ตรงไหนนอกจากจะตั้งใจฟังการสั่นเตือนของมือถือให้ดี ซึ่งหากเราไปลืมไว้นอกบ้านหรือตามที่สาธารณะ ก็จะเกิดทางเลือกเล็กๆอีกสองทางนั่นก็คือ
- โทรออกติด มีคนรับสาย – หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นถือว่าคุณเป็นคนโชคดีมาก เพราะคนที่เก็บมือถือของคุณได้นั้นมีจิตใจที่ค่อนข้างดี โอกาสในการได้เครื่องคืนนั้นมีสูง ซึ่งอาจจะสูงถึง 99% เว้นเสียแต่ว่าคนที่เก็บได้จะบอกกลับมาว่า “ไม่คืนให้หรอก”
- โทรออกปิดเครื่อง – เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้เตรียมทำให้ไว้เลยว่าอาจจะไม่ได้คืนแล้ว คนที่เก็บได้นั้นอาจจะเชื่อเรื่องของโชคชะตาว่าฟ้าส่งมือถือเครื่องนี้มาเป็นของเรา เพื่อให้แน่ใจว่ามือถือจะเป็นของเราจริงๆ เลยปิดเครื่องเสียเลยเพื่อไม่ให้ใครสามารถติดต่อได้ หากเป็นแบบนี้คนที่ทำหายก็ต้องทำขั้นตอนถัดไปนั่นคือ
รวบรวมข้อมูลตัวเครื่องแล้วรีบเข้าแจ้งความกับตำรวจ
เมื่อไม่สามารถโทรหามือถือเครื่องที่หายได้ขั้นต่อมาคือการเข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อนำหลักฐานในการแจ้งความที่ได้มา ไปติดต่อกับทางผู้ให้บริการเครือข่าย โดยอาจจะให้ทางเครือข่ายนั้นช่วยเราตามหามือถือเครื่องที่หายได้อีกทางหนึ่ง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้เราจะต้องรู้เหมายเลข IMEI ของตัวเครื่องซึ่งกล่องที่ใส่มือถือมาก็จะมีเลข IMEI ที่ว่านี้ระบุไว้ด้วยเช่นกัน
แต่หากเป็นคนที่ไม่ชอบสะสมข้าวของ ทิ้งกล่องไปแล้วตั้งแต่วันแรก ก็ยังอีกวิธีนั่นคือตรวจสอบว่ามีเอกสารที่เกี่ยวกับมือถืออะไรบ้างที่เราเก็บไว้ และหากไม่มีอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว Google ก็ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกนั่นคือเราสามารถเข้าถึงข้อมูลของตัวเครื่องจากระยะไกลได้ที่ ลิงค์นี้ ได้เลย ซึ่งจะมีข้อจำกัดอยู่สองอย่างนั่นคือ
- ต้องจำ Gmail Account ของตัวเองได้ อย่างน้อยยังสามารถล็อคเครื่องและลบข้อมูลได้อยู่
- มือถือต้องเปิด Location เอาไว้ไม่อย่างนั้นจะเป็นดังภาพด้านล่าง
ใช้แอพช่วยตาม เอาคืนมาให้ได้
และวิธีสุดท้ายซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชอบการผจญภัย และชื่นชอบความตื่นเต้น นั่นก็คือการใช้แอพหรือซอฟท์แวร์ในการช่วยตามหามือถือเครื่องที่หายไป ซึ่งใน Play Store นั้นก็ยังมีแอพประเภทตามหามือถือหายให้เห็นอยู่หลายต่อหลายแอพ ซึ่งก็มีที่ฟรีบ้าง และที่ต้องเสียเงินซื้อบ้าง ตรงนี้ก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน โดยแอพดังกล่าวนั้นจะค้นหาสถานที่ที่มือถือของเรานั้นอยู่ ซึ่งก็อย่างที่ผมได้บอกไปว่าเหมาะสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้น ซึ่งในกรณีนี้เราจะต้องไปเคาะประตูทีละบ้านเลยก็ว่าได้ เพราะบางครั้งตำแหน่งที่อยู่ที่ถูกส่งมาก็อาจจะมีการคาดเคลื่อนเกิดขึ้นทำให้ได้ตำแหน่งที่ไม่แน่นอน ส่วนความตื่นเต้นที่ได้นั้นก็คือเราจะต้องลุ้นกันแบบซึ่งหน้าเลยว่าคนที่เก็บได้จะคืนให้เราหรือไม่นั่นเอง