ในโลกแห่งการติดต่อสื่อสาร เครื่องเครือข่ายไร้สาย มีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้ตลอดเวลา ถึงแม้จะอยู่ห่างกันแค่ไหน เทคโนโลยีไร้สาย ก็ทำให้เรามาอยู่ใกล้กันได้ สังคมโซเชียล เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เครือข่ายไร้สาย มีการพัฒนาตั้งแต่
1G หรือ (1st Generation) เป็นยุคของระบบอนาล็อค ใช้การส่งคลื่นเสียงโดยใช้สัญญานวิทยุ สามารถโทรเข้า โทรออก ได้อย่างเดียว ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ จนมีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ มาถึงยุคของ 2G (2nd Generation) เปลี่ยนการส่งสัญญานจากอนาล็อค ให้กลายมาเป็นแบบ ดิจิตอล ทำให้ 2G สามารถ ส่งข้อความ SMS MMS รวมไปถึงการดาวน์โหลดต่างๆ ที่คนยุคนั้นเรียกว่า GPRS (General Packet Radio Service)ความเร็วในการส่งข้อมูล จะอยู่ที่ ประมาณ 10-50Kbps เท่านั้น ซึ่งความเร็วเท่านี้ จะส่งรูปหนึ่งรูป ก็ใช้เวลานานมาก
จากนั้น ก็มีการพัฒนาต่อ เป็นยุคของ EDGE (Enhance Data Rates for Global) หรือ 2.75G สามารถส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นจากเดิม 4 เท่า คือประมาณ 220-236.8Kbps สูงสุดขอ EDGE อยู่ที่ 473Kbps แนนอนหละครับว่า มันก็ยังไม่เพียงพอ จนเข้ามาถึงยุค ของ 3G (3rd Generation) ที่กว่า ไทยจะได้ใช้ ก็นานเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน 3G นั้น เป็นการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาผสมผสานกัน เ่นโทรศัพท์+PDA+GPS+Walkman+กล้องถ่ายรูป+TV+Internet ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องใช้ความเร็วในการเชื่อมต่อสูงกว่าเดิมมาก ระบบ 3G หรือ UMTS Universal Mobile Telecommunications Services มีความเร็ว Download สูงสุดอยู่ที่ 42Mbps Upload 22Mbps ทำให้การใช้งานด้านมัลติมีเดีย สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้ก็ได้มาถึงยุคของ 4G LTE ซึ่งประเทศไทย ได้ประมูลเสร็จสิ้นไปอย่างเป็นทางการแล้ว ในวันที่ 12 พฤษจิกายน 2558 และสิ้นสุดลงเมื่อเวลา 17.30 น. ผู้ที่ชนะการประมูลสำหรับชุดคลื่นความถี่ชุดที่ 1 คือ บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด มูลค่าที่เสนอสุดท้ายคือ 39,792 ล้านบาท และผู้ที่ชนะการประมูลคลื่นความถี่ชุดที่ 2 คือบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ราคาเสนอประมูลสุดท้ายคือ 40,986 ล้านบาท รวมมูลค่าการประมูล เป็นเงินกว่า 80,778 ล้านบาท
แต่สิ่งที่หลายคนยังสงสัยอยู่คือ หลังจากนี้ เครือข่ายไร้สายที่ถูกพัฒนาขึ้น ไปอีกหนึ่งก้าวนั้น ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ได้รับประโยชน์อะไรบ้าง รวมไปถึงความเร็วในการรับส่งข้อมูลของมาตรฐาน 4G ในการใช้งานจริงนั้นจะต่างจากเดิมแค่ไหน ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ