เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ณ ประเทศสเปน ได้มีการจัดงานอีเว้นท์ที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งในวงการมือถือแห่งปี นั่นคืองาน Mobile World Congress (MWC 2015) ที่จะมีการเปิดตัวมือถือ แท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีที่น่าสนใจให้ได้ชมกัน ซึ่งในงานนี้ Alcatel เองก็มีมือถือ แท็บเล็ตรุ่นใหม่มาเปิดตัวหลายรุ่นอยู่เหมือนกัน เรามาดูกันดีกว่าครับว่ามีรุ่นไหนมาบ้าง มาทำความรู้จักหน้าค่าตา และสเปคคร่าวๆ กันหน่อย
Alcatel OneTouch Pixi 3 (มือถือจอ 5.5″)
- ชิปประมวลผล Snapdragon 210 (MSM8909) 4 คอร์ ความเร็ว 1.1 GHz ในรุ่น 4G หรือ MediaTek MT6580 ในรุ่น 3G
- แรม 1 GB
- รอม 8 GB มีช่อง MicroSD ใส่ได้สูงสุด 128 GB
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 (รุ่น 4G) หรือ 960 x 540 (รุ่น 3G)
- กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล ไม่มีแฟลช
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- แยกเป็นรุ่น 3G และรุ่น 3G/4G
- แบตเตอรี่ 2800 mAh (รุ่น 4G) หรือ 2910 mAh (รุ่น 3G)
- Android 5.0 Lollipop
- ยังไม่เปิดราคา คาดว่าน่าจะเริ่มวางขายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี
ดูแล้ว น่าจะมาเน้นตีตลาดผู้อยากได้มือถือจอใหญ่ สเปคปานกลาง คุ้มค่าคุ้มราคา เพราะได้ชิปประมวลผลตัวเทคโนโลยีค่อนข้างใหม่ จอใหญ่ กล้องครบ ได้แบตเตอรี่ความจุจัดว่าสูงมากๆ แถมยังได้ Android 5.0 Lollipop มาเลยอีกต่างหาก ซึ่งก็น่าจะเป็นหนึ่งในมาตรฐานของมือถือที่ออกขายช่วงไตรมาสสามของปีเป็นต้นไปอยู่แล้ว
Alcatel OneTouch Pixi 3 (แท็บเล็ตจอ 7″)
- ชิปประมวลผล MediaTek (MT8127) 4 คอร์ ความเร็ว 1.3 GHz ในรุ่น WiFi หรือ MT8312 แบบ 2 คอร์ในรุ่น 3G
- แรม 512 MB (รุ่น 3G) หรือ 1 GB (รุ่น 4G)
- รอม 4 GB มีช่อง MicroSD
- หน้าจอขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 600
- กล้องหลัง 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 2820 mAh
- Android 4.4 KitKat
- ราคารุ่น WiFi เริ่มที่ $77 (ประมาณ 2,500 บาท) รุ่น 3G เริ่มที่ $99 (ประมาณ 3,200 บาท)
ตัวนี้ จุดเด่นคงเป็นที่ความคุ้มค่า กับราคาที่เริ่มต้นแค่ประมาณ 2,500 บาท แต่ได้เป็นแท็บเล็ต 3G จอ 7 นิ้ว ชิป 4 คอร์ กล้องหน้า กล้องหลังให้มาครบ รวมๆ แล้วก็น่าจะตอบสนองการใช้งานได้ในระดับทั่วๆ ไปครับ จะเอามาใช้อ่าน PDF อ่านการ์ตูน อันนี้สบายๆ แน่นอน
Alcatel OneTouch Pixi 3 (แท็บเล็ตจอ 8″)
- ชิปประมวลผล MediaTek (MT8312) 2 คอร์ ความเรร็ว 1.3 GHz
- แรม 1 GB
- รอม 4 GB มีช่อง MicroSD
- หน้าจอขนาด 8 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 800
- มีอินฟราเรดสำหรับใช้เป็นรีโมทคอนโทรล
- ราคาเริ่มต้นที่ $144 (ประมาณ 4,600 บาท)
ส่วนรุ่นนี้ ก็เน้นขายความคุ้มอีกเช่นกันครับ สเปคจัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ ทั่วไป ดูแล้วน่าจะเน้นขายความแข็งแรง เพราะลักษณะเหมือนว่ามันจะค่อนข้างหนาพอสมควร แถมเรื่องความแข็งแกร่งของวัสดุ ก็แทบจะกลายเป็นหนึ่งในจุดขายของมือถือ Alcatel ช่วงหลังๆ ไปแล้วเหมือนกัน แต่ละตัวออกมานี่งานจัดว่าดีทั้งนั้นเลย
Alcatel OneTouch Idol 3 (4.7″)
- ชิปประมวลผล Snapdragon 410 (MSM8916) 4 คอร์ ความเร็ว 1.2 GHz
- แรม 1 GB
- รอม 16 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 4.7 นิ้ว 1280 x 720
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้าเลนส์กว้าง 86 องศา ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- Android 5.0.2
- แบตเตอรี่ 2000 mAh
- รองรับ 3G ทุกเครือข่าย ใช้งาน 4G LTE ได้
- มี NFC
- ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ $200 หรือราวๆ 6,000 กว่าบาท
Alcatel OneTouch Idol 3 (5.5″)
- ชิปประมวผล Snapdragon 615 (MSM8939) 8 คอร์ ความเร็ว 1.5 GHz
- แรม 2 GB
- รอม 16 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว (1920 x 1080)
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้าเลนส์กว้าง 86 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- Android 5.0.2
- แบตเตอรี่ 2910 mAh
- รองรับ 3G ทุกเครือข่าย ใช้งาน 4G LTE ได้
- มี NFC
- ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ $250 หรือราวๆ 7,500 กว่าบาท
สำหรับจุดเด่นของทั้งสองเครื่องนี้ก็คือ มาพร้อมกับลำโพง JBL ระบบเสียงสเตอริโอที่ด้านหน้า พร้อมเทคโนโลยี Clari-Fi ของ Harman Kardon ที่ทำให้เสียงออกมามีคุณภาพดี ทั้งยังสามารถใช้ลำโพงทั้งสองตัวเป็นลำโพงสนทนาได้ ทำให้เวลารับสาย ไม่จำเป็นว่าจะต้องหันด้านหัวเครื่องขึ้นมาถึงจะฟังเสียงอีกฝ่ายได้ แต่คราวนี้เราจะยกด้านหัวหรือด้านท้ายเครื่องขึ้นมาแนบหู ก็สามารถใช้ลำโพงที่ฝั่งนั้นเป็นลำโพงสนทนาได้เลย แถมดีไซน์ก็ดูหรูหรา สวยงามอีกด้วย
Alcatel OneTouch Hero 2+
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6592 (8 คอร์) ความเร็ว 2.0 GHz
- แรม 2 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 Full HD
- พื้นที่รอมเก็บข้อมูล 16 GB มีช่องใส่ MicroSD
- รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE
- กล้องหลัง 13.1 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่น OIS
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- รอม Cyanogen OS 11.0 (ดัดแปลงจาก Android 4.4.4 KitKat)
- มีปากกาสไตลัส พร้อมช่องเสียบปากกาในตัวเครื่อง
- แบตเตอรี่ 3100 mAh
- บอดี้อลูมิเนียม
- ราคาเริ่มต้นประมาณ $299 หรือราวๆ 9,800 บาท
จุดเด่นสุดๆ ของ Hero 2+ ก็คือรอม Cyanogen OS ที่ติดมาในเครื่องเลยนี่ล่ะครับ ถือเป็นผู้ผลิตอีกรายที่จับมือกับทีม CyanogenMod ให้นำรอมมาลงให้กับเครื่องของตน ซึ่งรับประกันได้เลยในเรื่องของประสิทธิภาพ และความเสถียร ที่เป็นจุดเด่นของ Cyanogen อยู่แล้ว ส่วนในด้านสเปค ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มมือถือระดับกลางๆ ค่อนไปทางเกือบสูงอยู่เหมือนกัน ถ้าเข้ามาขายในไทยแล้วเปิดราคามาไม่ถึงหมื่น รับรองว่าน่าจะขายดีแน่ๆ ตัวนี้