มือถือเปิดไม่ติด มือถือค้าง มือถือดับ เป็นปัญหาปกติที่ผู้ใช้มือถือและแท็บเล็ตต่างก็คุ้นเคยกันดี เพราะอย่างน้อยสำหรับคนที่ใช้งานมานานก็คงต้องเจอกันบ้างสักครั้งหรือสองครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปัญหาที่ตัวซอร์ฟแวร์มากกว่าจะเป็นปัญหาที่ตัวเครื่อง
ซึ่งวิธีแก็ปัญหาก็มีไม่ค่อยเยอะ แถมหลาย ๆ วิธียังยากต่อผู้ใช้ทั่ว ๆ ไปอีกด้วย และวิธีสุดท้ายที่เรามักจะใช้กันก็คือเอามือถืออที่มีปัญหานั้นไปส่งศูนย์ซ่อม ซึ่งหากอยู่ในประกันก็นับว่าโชคดีไปเพราะจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่หากหมดประกันไปแล้วค่าซ่อมบางครั้งก็โหดพอที่จะซื้อใหม่ได้สบาย
วันนี้ Specphone เราจะมาแนะนำวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นหากเพื่อน ๆ เจออาการมือถือเปิดไม่ติด, มือถือค้าง หรือมือถือดับกัน ให้ลองแก้กันเองดูก่อน หากไม่ไหวจริง ๆ ค่อยไปส่งซ่อม ซึ่งจะมีวิธีไหนบ้างนั้นไปดูกันได้เลย
1. ตรวจสอบแบตเตอรี่
อย่างแรกเลยที่เราต้องเช็คหลังจากมือถือเปิดไม่ติดหรือมือถือดับไปก็คือมือถือเราแบตเตอรี่หมดหรือเปล่า เพราะบางครั้งมือถืออาจจะแบตเตอรี่หมดโดยที่เราไม่ได้สังเกตก็เป็นได้ หลังจากเอาไปเสียบชาร์จแล้วยังไม่ติดอยู่ดีให้ลองเช้คที่หัวชาร์จหรือไม่ก็สายชาร์จดูว่ามันชาร์จไฟเข้ามือถือเราจริงหรือเปล่า อีกทั้งบางครั้งหากมีเศษฝุ่นไปเกาะอยู่ที่ช่องชาร์จก็สามารถทำให้ชาร์จไฟไม่เข้าได้เช่นกัน หากเจอเศษฝุ่นให้ทำการเป่ามันออก อย่าไปเอาอะไรไปแคะมันออกเชี่ยวไม่อย่างนั้นพอร์ตชาร์จอาจจะเกิดความเสียหายได้
2. ลองรีสตาร์ตเครื่องดู
ถ้าหากพบปัญหามือถือดับเองหรือรีสตาร์ตเรื่อย ๆ ก็ให้ลองจัดการรีสตาร์ตเครื่องด้วยตัวเองหรือปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่สักรอบ หรือถ้าหากเครื่องค้างก็ให้ใช้วิธี Hard Reset ด้วยการกดปุ่ม Power กับปุ่มเพิ่มหรือลดเสียงค้างไว้ (แล้วแต่รุ่นมือถือ) ซึ่งในบางกรณีการทำแค่นี้ก็อาจช่วยแก้ปัญหาให้มือถือสามารถกลับมาใช้เป็นปกติก็ได้
3. Factory Reset ล้างเครื่องใหม่
ถ้าหากทำตามวิธี 2 ข้อแรกแล้วยังไม่ได้ผล ก็คงต้องยอมทำใจจัดการ Factory Reset เพื่อล้างเครื่องดูสักรอบ ซึ่งจะเป็นการทำให้เครื่องกลับไปสู่การตั้งค่าแบบจากโรงงานใหม่อีกครั้ง และแน่นอนว่าแอปฯ รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ในเครื่องจะถูกลบล้างหายไปทั้งหมด โดยวิธีนี้จะสามารถแก้ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดจากด้านซอฟต์แวร์ได้ สำหรับคำสั่ง Factory Reset นั้นจะอยู่ใน Settings ของเครื่อง ซึ่งอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับรุ่นมือถือที่ใช้อยู่
4. Download Mode (Android) / DFU Mode (iOS)
หากทำตามขั้นตอนด้านบนจนถึงขนาด Factory Reset ก็ไม่หาย ลองเข้า Download Mode / DFU Mode เพื่อรีเซ็ตเครื่องโดยไม่ผ่านระบบ ซึ่งวิธีนี้เป้นวิธีที่ไม่ค่อยมีใครใช้กันจนถูกลืมเลือนไปแล้ว ทว่าในสมัยก่อนตอนที่ยังมีการแฟลชรอมหรือรูทเครื่องนั้นทุกคนจะต้องเข้าโหมดนี้กันจนชินเลยทีเดียว ซึ่งใน Android และ iOS นั้นมีวิธีเข้าโหมดนี้ต่างกัน โดยสามารถทำตามได้ดังนี้
Android
- กดปุ่ม Home + Volume Down (ปุ่มลดเสียง) พร้อมกัน แล้วค้างไว้จนกว่าเครื่องจะสั่น
- กดปุ่ม Volume Down (ปุ่มลดเสียง) เพื่อยกเลิกการเข้าสู่ Download Mode
- เครื่องจะทำการ Restart เองเพื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
iOS (เข้า DFU Mode)
- เชื่อมต่อ iPhone / iPad เข้ากับ Mac / PC ด้วยสาย Lightning
- กดปุ่มเพิ่มเสียง แล้วปล่อย
- กดปุ่มลดเสียง แล้วปล่อย
- กดปุ่ม Power ค้าง จนกว่าจอดับแล้วกดค้างต่อไปเรื่อย ๆ
- หลังจอดับ กดลดเสียงค้าง 5 วินาที แล้วปล่อยปุ่มด้านข้าง โดยยังกดปุ่มลดเสียงค้างไว้แบบนั้น
- รอจนว่า iTunes จะมองเห็น iPhone โดยที่หน้าจะ iPhone จะเป็นสีดำ จากนั้นสามารถปล่อยมือได้เลย
iOS (ออก DFU Mode)
- กดปุ่มเพิ่มเสียง แล้วปล่อย
- กดปุ่มลดเสียง แล้วปล่อย
- กดปุ่ม Power ค้างจนกว่าจะเห็น Apple โลโก้
5. ส่งศูนย์ซ่อม
ถ้าหากทำตามวิธีข้างต้นหมดแล้วแต่ปัญหาก็ยังอยู่แก้ไม่หายสักที นั่นอาจเป็นเพราะปัญหาที่เกิดจากด้านฮาร์ดแวร์ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่หรือส่วนอื่น ๆ ภายในตัวเครื่อง ก็คงต้องใช้วิธีสุดท้ายคือส่งเครื่องให้ศูนย์บริการซ่อม แต่ถ้าหากเป็นเครื่องที่หมดประกันหรือเก่ามากแล้ว ซ่อมไม่คุ้ม ก็อาจลองพิจารณาซื้อเครื่องใหม่จะดีกว่า