มีราคาหลายช่วงราคาให้เลือกซื้อ
เปลี่ยนมาใช้ซีพียู Snapdragon
จะเห็นได้ว่ามือถือ ASUS Zenfone 2 รุ่นแรกๆ รวมถึงมือถือระดับเรือธงจะมาพร้อมกับซีพียูจาก Intel ทั้งสิ้น ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีไม่แพ้ชิปเซ็ทเจ้าตลาด แต่ก็ยังเป็นรองในเรื่องความนิยม รวมทั้งยังไม่ตอบโจทย์ในการใช้งานได้ดีเท่าชิปเซ็ท Snapdragon ที่ทาง ASUS ได้เริ่มเปลี่ยนมาใช้งานในมือถือ ASUS Zenfone 2 รุ่นหลังๆ ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเนื่องจากชิพเซ็ท Snapdragon ที่ทาง ASUS เลือกใช้นั้นยังเป็นชิพเซ็ทระดับกลาง
และสิ่งนี้เองที่ทำให้เราได้เห็นการพัฒนาใน ASUS Zenfone 3 ที่ทาง ASUS เลือกใช้ชิพเซ็ท Snapdragon ตระกูล 800 มาเป็นตัวขับเคลื่อนในมือถือเรือธงรุ่นล่าสุดโดย ASUS Zenfone 3 Deluxe จะมาพร้อมกับซีพียู Snapdragon 820 , ASUS Zenfone 3 จะมาพร้อมกับซีพียู Snapdragon 625 และ ASUS Zenfone Ultra มาพร้อมกับซีพียู Snapdragon 652
นอกจากนี้จะมีรุ่นย่อยอย่าง ASUS Zenfone 3 Laser และ Zenfone 3 Max ที่อาจจะมาพร้อมกับชิปเซ็ท Snapdragon เช่นเดียวกัน และด้วยเรื่องของประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ซีพียู Snapdragon เป็นเหตุผลข้อที่สองที่ทำให้ ASUS Zenfone 3 นั้นน่าใช้งาน
มีการอัพเดตซอฟท์แวร์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับคนที่ใช้งานมือถือ ASUS Zenfone 2 ก็จะรู้ดีว่านอกจากเรื่องของประสิทธิภาพการทำงานที่ดีแล้ว เรื่องของการอัพเดทซอฟท์แวร์นั้นก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจว่ามือถือที่ตัวเองใช้อยู่นั้นได้รับการดูแลจากทางค่ายมือถืออย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ละเลยในการปรับปรุงข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยปกติแล้วทาง ASUS จะปล่อยอัพเดทซอฟท์แวร์ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการอัพเดตแก้ไขเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน ไปจนถึงการอัพเดต OS และแน่นอนว่า ASUS Zenfone 3 ก็จะได้รับการอัพเดทซอฟท์แวร์อย่างต่อเนื่องแบบนี้เช่นเดียวกัน และนี่ก็คือเหตุผลข้อที่สามที่ทำให้ ASUS Zenfone 3 เป็นมือถือที่น่าซื้อมาใช้งาน
ดีไซน์พัฒนาขึ้นกว่าเดิม
นอกจากเรื่องของสเปคหรือประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องแล้ว ในด้านของดีไซน์ตัวเครื่องก็มีการพัฒนาจากเดิมด้วยเช่นเดียวกัน จากเดิมที่เคยใช้ดีไซน์แบบพลาสติกใน ASUS Zenfone 2 ทาง ASUS ได้เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบโลหะครอบทับด้วยกระจกใน ASUS Zenfone 3 และนอกจากนี้ทาง ASUS ยังใส่เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ที่ด้านหลังตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่ามือถือรุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นในตอนนี้ล้วนมาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือหมดทั้งสิ้น นอกจากนี้ ASUS Zenfone 3 ยังมาพร้อมกับ USB Type-C ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า USB 3.0 ถึง 1 เท่าตัว และนอกจากนี้ยังสามารถจ่ายกระแสไฟได้มากกว่าพอร์ท Micro USB แบบที่เราใช้งานกันอยู่อีกด้วย และนี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้ ASUS Zenfone 3 เป็นมือถือที่น่าใช้งาน
ZenUI ปรับแต่งได้หลากหลาย
และเหตุผลสุดท้ายที่ทำให้ ASUS Zenfone 3 เป็นมือถือที่น่าสนใจนั่นคือ ZenUI จาก ASUS ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่นในการใช้งานโดยสามารถปรับแต่งได้ไม่ว่าจะเป็น Theme , รูปแบบไอคอนแอป , แบบอักษร ทั้งขนาดและสีสัน รวมถึงแอปพลิเคชั่นที่ติดเครื่องมานั้นก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน โดยจะแบ่งเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน อาทิเช่น แอปเพื่อความบันเทิง , แอพเครื่องมือต่างๆ หรือจะเป็นแอปพลิเคชั่นจากทาง Google ก็มีให้เราเลือกใช้ รวมไปถึงโหมดการใช้งานตัวเครื่องที่มีให้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นโหมดเด็กที่สามารถตั้งเวลาให้เด็กเล่นเกมได้ หรือจะเป็นโหมดใช้งานง่ายที่มีเพียงเมนูหลักๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น และด้วยสิ่งนี้เองจึงทำให้ ZenUI เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ ASUS Zenfone 3 เป็นมือถือที่น่าใช้งาน
นี่ก็คือ 5 เหตุผลที่ทำให้ ASUS Zenfone 3 เป็นมือถือที่น่าใช้งาน และหากราคาเปิดตัวในบ้านเราไม่แพงเหมือนกับมือถือเรือธงจากค่ายอื่นๆ ก็เท่ากับว่า ASUS Zenfone 3 จะเป็นมือถือที่เขย่าทั้งวงการอีกครั้ง หลังจากที่ ASUS เคยได้สร้างปรากฎการณ์ไว้แล้วใน ASUS Zenfone 2 มือถือแรม 4 GB รุ่นแรกของโลกที่เปิดตัวในบ้านเราในราคาไม่ถึง 20,000 บาท และถ้า ASUS Zenfone 3 เปิดตัวในบ้านเราในช่วงราคาไม่เกิน 20,000 บาทรับว่า ASUS Zenfone 3 จะกลายเป็นฝันร้ายของมือถือค่ายอื่นๆ ในบ้านเราแน่นอน