
แนะนำ 5 แอพเช็คฝุ่น PM 2.5 ปี 2025 ที่ควรมีติดเครื่อง เช็คค่าฝุ่น PM 2.5 ได้แม่นยำทุกที่ทุกเวลา
ในยุคที่ฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นปัญหาสุขภาพระดับชาติ การมีเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยติดมือถือถือในการเช็คค่าฝุ่นต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรารับมือ กับมลพิษทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแอพเหล่านี้ไม่เพียงช่วยตรวจสอบค่าฝุ่นละอองในพื้นที่ที่เราอยู่ แต่ยังให้ข้อมูลสภาพอากาศและคำแนะนำ พร้อมคำเตือนในการป้องกันตัวจากมลพิษทางอากาศได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองใหญ่หรือพื้นที่ชนบท แอพเช็คฝุ่นจะช่วยให้เราสามารถวางแผนกิจกรรมประจำวันได้อย่างปลอดภัย พร้อมรับมือกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว มาดูกันว่าในปี 2025 มีแอพไหนบ้างที่ควรมีติดเครื่องไว้เลย
ค่าฝุ่นต่างๆ มีแบบไหนบ้าง แบบไหนที่อันตราย และแบบไหนคือค่าปกติ
ค่าฝุ่นละอองในอากาศถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ที่เป็นตัวอันตรายและทำลายสุขภาพได้หลักๆ ก็คือฝุ่น TSP, PM10 และ PM2.5 ที่มีความแตกต่างกันคือ
- TSP (Total Suspended Particulates) – คือฝุ่นละอองที่มีขนาดตั้งแต่ 0.001 ถึง 100 ไมโครเมตร ซึ่งเป็นกลุ่มฝุ่นที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาฝุ่นละอองทั้งหมด มักเกิดจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การก่อสร้าง การเผาไหม้เชื้อเพลิง และการพัดพาของฝุ่นจากธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะไม่สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจลึกๆ ได้ เนื่องจากขนาดใหญ่เกินไปและถูกกรองโดยจมูกและลำคอ
- PM 10 – ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าฝุ่น TSP และสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ลึกขึ้น มักเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง การพัดพาของฝุ่นดิน และกิจกรรมอุตสาหกรรม สามารถสะสมในหลอดลมและปอดได้ ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด และในกรณีที่สัมผัสระยะยาว
- PM 2.5 – คือฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตร ซึ่งเล็กที่สุดในกลุ่มนี้และเป็นฝุ่นที่อันตรายที่สุด เนื่องจากสามารถแทรกซึมเข้าสู่ส่วนลึกของปอดและกระแสเลือดได้ง่าย เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น รถยนต์ โรงงาน และไฟป่า รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การผลิตทางอุตสาหกรรม
ผลกระทบต่อสุขภาพของ PM2.5 รุนแรงกว่าฝุ่นชนิดอื่นๆ โดยส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัย นอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งปอดและการลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน สามารถวัดค่าความเสี่ยงได้ตามดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ดังนี้:
- 0-50: คุณภาพอากาศดี ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
- 51-100: คุณภาพอากาศปานกลาง อาจมีผลต่อผู้ที่ไวต่อมลพิษ
- 101-150: อากาศเริ่มไม่ดีต่อสุขภาพสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว
- 151-200: อันตรายต่อสุขภาพสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
- 201-300: อันตรายมาก ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง
- 300+: อันตรายที่สุด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง
ค่าฝุ่น PM 2.5 ที่สูงเกินมาตรฐาน (AQI > 100) จะเริ่มส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจและหัวใจ
วิธีป้องกันจากฝุ่น PM 2.5 ทำยังไงได้บ้าง
การป้องกันตัวจากฝุ่น PM 2.5 สามารถทำได้หลายวิธี ในเบื้องต้นสามารถป้องกันทั้งจากตัวเอง และจากปัจจัยอื่นๆ ได้ดังนี้
- ใช้หน้ากากอนามัยมาตรฐาน เช่น N95 หรือ KF94 ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ในช่วงเวลาที่ค่าฝุ่นสูง โดยตรวจสอบผ่านแอพเช็คฝุ่นก่อนออกจากบ้าน
- ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ ในบ้านหรือสำนักงานเพื่อกรองมลพิษภายในพื้นที่
- เพิ่มพื้นที่สีเขียว รอบตัวเองเพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศ
- ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ ผ่านแอพพลิเคชัน หรือข่าวสารอื่นๆ เพื่อวางแผนการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย
แนะนำ 5 แอพเช็คฝุ่น PM 2.5 ที่ควรมีติดเครื่องในปี 2025

1. IQAir AirVisual
เริ่มต้นด้วยแอพ IQAir AirVisual ที่เป็นแอพเช็คค่าฝุ่นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยความสามารถในการตรวจสอบคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์จากสถานีตรวจวัดกว่า 500,000 แห่งใน 100 ประเทศ แอพนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลฝุ่น PM 2.5 และมลพิษอื่นๆ เช่น PM10, โอโซน และคาร์บอนมอนอกไซด์ สามารถดูพื้นที่ได้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยแบบเรียลไทม์
จุดเด่นของแอพคือการแสดงผลผ่านแผนที่แบบ 2D และ 3D พร้อมการพยากรณ์คุณภาพอากาศล่วงหน้าสูงสุดถึง 7 วัน ผู้ใช้สามารถวางแผนกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด แอพนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ครอบคลุมที่สุดสำหรับการตรวจสอบคุณภาพอากาศทั่วโลก รวมถึงการแจ้งเหตุว่าจุดไหนมีเหตุไฟไหม้ในแผนที่ได้ด้วย

2. Air4Thai
ต่อกันด้วยแอพเช็คฝุ่น PM 2.5 ที่พัฒนาโดยกรมควบคุมมลพิษของประเทศไทย แอพนี้ออกแบบมาเพื่อรายงานข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์จากสถานีตรวจวัดกว่า 80 แห่งทั่วประเทศ จุดเด่นคือการแสดงค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และค่าฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 ผ่านกราฟและแผนที่ที่เข้าใจง่าย พร้อมคำแนะนำด้านสุขภาพตามระดับ AQI
นอกจากนี้แอพยังมีฟีเจอร์แจ้งเตือนเมื่อค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐาน ทำให้เหมาะสำหรับคนไทยที่ต้องการติดตามสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ต่างๆ เพราะว่ามีการแสดงค่าฝุ่นออกมาได้ครอบคลุมทั่วทั้งและประเทศและภาคต่างๆ โดยตัวอ่านกราฟคุณภาพอากาศ สามารถดูย้อนหลังได้ 7 วัน ใช้การรายงานข้อมูลรายชั่วโมง (สำหรับบางสถานี) และแบบรายวัน

3. เช็คฝุ่น (GISTDA)
อีกแอพเช็คฝุ่นจากประเทศไทยเราเอง ที่พัฒนาโดย GISTDA หรือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ด้วยการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและภูมิสารสนเทศในการรายงานค่าฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์ จุดเด่นคือการครอบคลุมพื้นที่ทั้งในประเทศไทย สามารถดูได้ง่ายทั้งจากหน้าการรายงานโดยตรง หรือว่าจะดูย้อนหลังพร้อมกับดูกราฟร่วมด้วยก็ยังได้ นอกจากนี้ยังมีการบอกลำดับของฝุ่นในแต่ละพื้นที่ในประเทศไทยอีกด้วย
ซึ่งแอพนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบค่าฝุ่นได้ทุกชั่วโมง พร้อมคำแนะนำในการหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง นอกจากนี้ยังมีการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมเพื่อวิเคราะห์ และจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ ทำให้ประชาชนสามารถรับข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลฝุ่นในระดับสูงในประเทศไทย

4. Airveda – Air Quality
แอพเช็คฝุ่นที่เหมาะสำหรับนักเดินทาง โดยสามารถตรวจสอบค่าฝุ่น PM2.5, PM10, CO2, อุณหภูมิ และความชื้นได้ทั่วโลก จุดเด่นคือความสามารถในการเชื่อมต่อกับเครื่องวัดคุณภาพอากาศ Airveda เพื่อดูข้อมูลในพื้นที่เฉพาะได้ ซึ่งตัวแอพยังมีฟีเจอร์แจ้งเตือนเมื่อค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐาน รวมถึงการวางแผนกิจกรรมกลางแจ้งตามข้อมูลคุณภาพอากาศ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามคุณภาพอากาศทั้งในและนอกสถานที่ โดยแอพสามารถดูข้อมูลได้เป็นรายชั่วโมง รายวัน และรายเดือน เป็นอีกหนึ่งแอพที่ควรมีติดเครื่องไว้เช็คสภาพฝุ่นในแต่ละพื้นที่ได้ดีมากๆ

5. Air Matters
ปิดท้ายด้วย Air Matters ที่เป็นแอพเช็คฝุ่นที่ครอบคลุมกว่า 180 ประเทศทั่วโลก และให้ข้อมูลตามเวลาจริงในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งแอพจะแสดงข้อมูลออกมาจากสถานีตรวจสอบที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด จุดเด่นคือระบบแจ้งเตือนเมื่อเข้าสู่พื้นที่เสี่ยงต่อสุขภาพ สามารถเชื่อมต่อกับ Philips Smart Air Purifier ได้ เพื่อตรวจสอบและควบคุมคุณภาพอากาศ
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับ Apple Watch ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานตรวจสอบค่าฝุ่นได้สะดวกจากการดูผ่าน Apple Watch ได้เลย แอพนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลฝุ่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมคำแนะนำในการป้องกันผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ รวมถึงคนที่ต้องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
การใช้แอพเพื่อเช็คฝุ่น PM 2.5 มีข้อดียังไง ทำไมถึงต้องมีติดมือถือเอาไว้
การมีแอพเช็คค่าฝุ่นติดโทรศัพท์มือถือเอาไว้เป็นสิ่งสำคัญในยุคที่มลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แอพเหล่านี้ช่วยให้เรารับรู้สถานการณ์คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ทั้งในพื้นที่ที่เราอยู่และพื้นที่อื่นๆ ที่เราต้องเดินทางไป การใช้งานแอพเช็คค่าฝุ่นยังช่วยให้เราวางแผนกิจกรรมประจำวันได้อย่างปลอดภัย เช่น หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง หรือเลือกเส้นทางเดินทางที่มีมลพิษน้อยกว่า
นอกจากนี้ แอพเช็คค่าฝุ่นยังมีฟีเจอร์แจ้งเตือนเมื่อค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ช่วยให้เราป้องกันตัวเองได้ทันเวลา เช่น การสวมหน้ากากอนามัย หรือการอยู่ในพื้นที่ปิด ที่มีเครื่องฟอกอากาศ การติดตั้งแอพเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนการมีผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยดูแลสุขภาพของเราในทุกสถานการณ์ และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจและโรคร้ายแรงอื่น ๆ ที่เกิดจากมลพิษทางอากาศได้นั่นเอง
ข้อดีของการใช้งานแอพเช็คค่าฝุ่นยังรวมถึงการแจ้งเตือนเมื่อค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐาน ซึ่งช่วยให้เราหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงได้ทันเวลา แอพบางตัวสามารถแสดงข้อมูลคุณภาพอากาศในระดับโลก เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศหรืออยากรู้สถานการณ์มลพิษในพื้นที่อื่น ๆ การมีแอพเหล่านี้ติดมือถือจึงเปรียบเสมือนการมีผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยดูแลสุขภาพของเราในทุกวัน
คำถามที่คนมักค้นหา (FAQ)
- แอพเช็คค่าฝุ่น PM 2.5 ใช้งานฟรีหรือไม่?
- ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี แต่บางแอพอาจมีฟีเจอร์พิเศษที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- แอพเช็คค่าฝุ่นสามารถบอกข้อมูลอะไรได้บ้าง?
- สามารถบอกค่าฝุ่น PM 2.5, PM10, ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และข้อมูลสภาพอากาศ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และคำแนะนำด้านสุขภาพได้
- แอพไหนเหมาะสำหรับคนไทยมากที่สุด?
- ทุกแอพสามารถใช้งานที่ประเทศได้หมด
- แอพเช็คค่าฝุ่นสามารถใช้ในต่างประเทศได้ไหม?
- ได้ โดยเฉพาะแอพอย่าง IQAir AirVisual และ Air Matters รองรับการใช้งานในหลายประเทศทั่วโลก
- จำเป็นต้องเปิด GPS เพื่อใช้งานแอพเช็คค่าฝุ่นหรือไม่?
- ส่วนใหญ่แล้ว แอพจะต้องใช้ GPS เพื่อระบุพื้นที่และแจ้งข้อมูลคุณภาพอากาศในตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้งานด้วย
การเลือกใช้แอพเช็คฝุ่น PM 2.5 เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยปกป้องสุขภาพจากมลพิษทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ การแจ้งเตือนเมื่อค่าฝุ่นสูง หรือการวางแผนกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน แอพเหล่านี้ช่วยให้เรารับมือกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมั่นใจ เลือกแอพที่เหมาะกับความต้องการของคุณ เช่น Air4Thai สำหรับคนไทย หรือ IQAir AirVisual สำหรับข้อมูลระดับโลก เพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ปลอดภัยจากมลพิษ