แน่นอนครับว่าปัจจุบันการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือโทรศัพท์มือถือนั้น แทบจะเป็นอีกหนึ่งอวัยวะของร่างกายไปแล้ว เพราะไม่ได้เป็นแค่โทรศัพท์รับสายหรือโทรออกเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนกลุ่มเพื่อน (Social) เป็นผู้ให้คำปรึกษา (Google) และเป็นผู้ให้วิชา (Wiki) ไม่ว่าจะเป็นการ ทำงาน บันเทิง พักผ่อนและการเดินทาง ล้วนแต่มีสิ่งที่เรียกว่าสมาร์ทโฟนเหล่านี้มาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น แต่กลายเป็นว่ายิ่งเป็นสิ่งสำคัญ กลับไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร หลายครั้งคุณจะได้ยินจากเพื่อนว่าโทรศัพท์หาย หล่นที่นั่น หายที่นี่ จนแทบจะคิดไปว่าสมาร์ทโฟนหายเป็นเรื่องง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรือ คำตอบคือ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่บอกให้ว่าเผลอแวบเดียวก็หายได้ ก่อนอื่นเรามาดูก่อนว่า สถานที่ที่ผู้คนมักจะทำโทรศัพท์มือถือหายอยู่ที่ใดกันบ้าง
ในห้องน้ำ นับเป็นพื้นที่ยอดนิยมที่ผู้คนมักจะทำโทรศัพท์หายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นยุคขาวดำจอเล็ก มาจนถึงจอสัมผัสขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ก็เพราะอยู่ในห้องน้ำว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอินเทอร์เน็ต แชทกับเพื่อนหรือแต่งภาพ อ่านการ์ตูนกันไปตามเรื่องราว ถึงเวลาเสร็จกิจก็วางเอาไว้ แล้วล้างทำความสะอาด จากนั้นก็เดินจากไป โดยที่ไม่รู้ตัวว่าทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ กลับมาอีกทีก็?หายไปแล้ว หรือสาวๆ บางคนก็ชอบแต่งหน้าที่เคาท์เตอร์หน้ากระจก ก่อนหน้านั้นก็วางเอาไว้ แล้วก็แต่งหน้าไป ถึงเวลาเก็บเครื่องสำอาง แล้วก็จากไปโดยลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมเสียงจากผู้คนส่วนใหญ่ที่ทำโทรศัพท์หายนั้นจะบอกว่า หายที่ห้องน้ำ
บนรถโดยสาร ก็เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่เกิดปัญหาการหายอยู่บ่อยครั้ง สาเหตุมีตั้งแต่การประมาทเลินเล่อ เดินถือไปโทรไป ถึงเวลาจ่ายเงินค่ารถ วางไว้บนเบาะหรือบนตัก หยิบเงินแล้วจ่าย ก็หล่นหายแบบไม่รู้ตัวหรือบางกรณีก็ใส่กระเป๋าไป แต่ไม่ได้ปิดซิปกระเป๋า ก็เข้าทางโจรหยิบไปสบายมือหรือบางทีชอบแชท ชอบอ่านหยิบขึ้นมาใช้ แต่เวลาใส่กระเป๋าไม่ตรง ก็หล่นไปให้ช้ำใจบ้าง บางคนเมาไม่ขับ กลับรถโดยสาร ประมาณว่าถึงบ้านได้อย่างไรยังไม่รู้ ฉะนั้นไม่ต้องไปทบทวนเลยว่า สมาร์ทโฟนคู่ใจหายไปเมื่อใด แต่บางครั้งรู้ตัวดีมีสติ แต่เลินเล่อประมาณว่าถือของเยอะ แล้วหยิบไปไม่หมด วางโทรศัพท์ไว้ แล้วลุกไป จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมมีการประกาศหาเจ้าของกันบ่อยบนรถโดยสารแบบต่างๆ ?
ร้านอาหาร เป็นแหล่งที่ไม่น่าจะหายได้ง่าย แต่ก็กลายเป็นแหล่งที่ติดอันดับ เนื่องจากเป็นพื้นที่ซึ่งเรามีกิจกรรมกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหาร พูดคุย ทำกิจกรรม เช่นการร้องเพลง การเต้น การดื่มและเคลื่อนไหว จะสังเกตได้ว่าทุกวันนี้แม้จะอยู่ด้วยกันหลายคน แต่ก็ยังคงก้มหน้าดูจอมือถือกันตลอด จึงทำให้โทรศัพท์จะอยู่ใกล้มือหรือบางทีถูกวางเอาไว้เฉยๆ บางคนที่ไม่ลืมทานเสร็จ จ่ายเงิน หยิบกลับ แต่บางคนมีสิ่งที่ต้องทำเช่น หยิบของ เปิดกระเป๋า เช็ดปาก คุยกับเพื่อน จนบางทีก็ลืมไปว่าวางโทรศัพท์เอาไว้ นึกขึ้นได้ก็สายเสียแล้ว แต่บางคนโชคร้าย ทานข้าวแล้ววางโทรศัพท์เอาไว้ หันไปคุยกับเพื่อน แวบเดียว ก็ถูกหยิบไปไม่ทันได้ร่ำลากัน ดังปรากฏอยู่ในข่าวอยู่บ่อยๆ บางครั้งเห็นในกล้องวงจรปิด แต่ก็ไม่รู้จะตามที่ไหน ก็ช้ำใจกันไป
ระหว่างเดินทาง อันนี้ส่วนใหญ่จะหายจากการมี Activity ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่งหรือนั่ง ซึ่งบางครั้งก็ต้องการความรวดเร็วหรือบางทีก็หายไปกับกระเป๋าหรือสัมภาระที่ติดมาด้วย ซึ่งมักจะมีความไม่แน่นอน ที่เห็นได้บ่อยก็คือ เอาของใช้ใส่ในถุงพลาสติก จำไม่ได้ก็ทิ้งไปพร้อมกับขยะ ก็มีโอกาสหายมากพอสมควรทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมาย อย่างเช่น โดนจี้ปล้น อุบัติเหตุจากยานพาหนะ ตกน้ำหรือโดนสัตว์แย่งไป
จะเห็นได้ว่าทุกสถานที่เหล่านี้ ล้วนแต่มีเหตุมีผลในการหายด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วเรามาดูกันดีกว่าว่า เมื่อหายได้ ก็ต้องป้องกันได้เช่นกัน แม้ว่าแนวทางป้องกันของแต่ละคนนั้นก็มีแตกต่างกันออกไป แต่ก็เชื่อว่าด้วยวิธีการต่างๆ เหล่านี้ ก็น่าจะมีส่วนช่วยให้หลายๆ คนสามารถรักษาสมาร์ทของตนเอาไว้ใช้ได้จนกว่าจะเสียกันไปข้างหนึ่ง ซึ่งก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้อีกไม่น้อยทีเดียว ซึ่งประเด็นสำคัญนั้นอยู่ที่การรู้สึกได้ว่าโทรศัพท์นั้นยังอยู่กับตัวตลอดเวลานั่นเอง แต่จะทำอย่างไรได้บ้างล่ะ เราลองมาดูกัน
1.พยายามทำให้รู้สึกถึงสมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่ตลอด อย่างเช่น เลือกเคสที่มีความหนาหรือให้มีผิวสัมผัสที่ไม่ลื่นหลุดง่าย ในกรณีที่ใส่ในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อ ก็จะทราบได้ว่าโทรศัพท์นั้นยังอยู่ แต่ถ้าอยู่ในกระเป๋าสะพายของคุณผู้หญิง ก็อาจจะต้องเลือกให้มีสีสะดุดตาหรือไม่บางเกินไป จนหยิบจับไม่สะดวก เพราะเราจะตรวจสอบได้ยาก ว่าสมาร์ทโฟนอยู่ในกระเป๋าดีหรือไม่
2.ใช้อุปกรณ์ที่เป็นแบบสายคล้องหรือมีสายที่เชื่อมโยงระหว่างสมาร์ทโฟนกับตัวของคุณ ไม่ว่าจะโยงจากหูกางเกงหรือจากในกระเป๋าพกของสุภาพสตรีก็ตาม เพราะเมื่อถูกดึงหรือไปเกี่ยวกับสิ่งใด ก็จะรู้สึกตัวได้ทันที เพียงแต่ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนหลายรุ่นไม่มีช่องที่ใช้คล้องโซ่หรือสายคล้องคอแล้ว ก็อาจจะต้องเลือกเคสที่มีช่องคล้องสายเหล่านั้นแทน
3.อีกวิธีหนึ่งที่หลายคนเลือกใช้กันก็คือ การใช้พวงกุญแจขนาดใหญ่ บางคนเลือกเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่กว่าโทรศัพท์ด้วยซ้ำไป แม้จะทำให้พกยากขึ้น แต่ก็เป็นไอเดียที่ดีที่จะไม่ทำให้เราลืมได้ง่ายๆ เรียกว่าเห็นตุ๊กตาเมื่อใด ก็รู้ว่าโทรศัพท์ต้องอยู่ที่นั่นแน่นอน แต่ก็ต้องดูตามความเหมาะสมด้วย เพราะบางครั้งตุ๊กตาขนาดใหญ่เกินไป อาจจะลากเอาสมาร์ทโฟนเราร่วงลงไปได้เช่นเดียวกัน
4.ใช้อุปกรณ์ที่ช่วยในการเตือน เมื่อเราอยู่ห่างจากสมาร์ทโฟน ซึ่งในปัจจุบันมีจำหน่ายอยู่หลายแบบ แต่ที่เห็นกันบ่อยก็คือ เป็นการเชื่อมต่อแบบบลูทูธ ซึ่งบางรุ่นก็เรียกว่า Bluetooth Smart Alarm หรือบางรุ่นก็เรียกว่า Anti Lost ซึ่งจะเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานด้วยการเชื่อมต่อสัญญาณบลูทูธเข้ากับสมาร์ทโฟน ร่วมกับแอพพลิเคชัน เมื่อผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์ดังกล่าวนี้เดินห่างออกจากสมาร์ทโฟน ประหนึ่งว่าลืมเอาไว้ เมื่อเกินจากระยะที่กำหนด สมาร์ทโฟนก็จะส่งเสียงเตือนขึ้นมาในทันที เป็นเครื่องช่วยเตือนได้เป็นอย่างดีทีเดียว
5.ถ้าไม่อยากล่อตาล่อใจมิจฉาชีพแล้ว ก็ไม่ควรทำตัวล่อเป้า ด้วยการโชว์หรือใช้โทรศัพท์แบบล่อตาล่อใจ อย่างเช่น ในที่เปลี่ยว ทางเดินข้างถนนบริเวณที่มืดหรือในสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมหรือความเสี่ยงสูง ก็จะช่วยลดการถูกโจรกรรมได้ในระดับหนึ่งและอย่าลืมว่าบางครั้งเป้าประสงค์อาจจะไม่ใช่โทรศัพท์เพียงอย่างเดียว อาจจะพ่วงเอาสิ่งของสำคัญต่างๆ? ของเราไปด้วยหากเกิดเหตุขึ้น ดังนั้นควรจะต้องระมัดระวังพื้นที่ในการใช้งานด้วย
สุดท้ายคือ มีสติทุกครั้ง เมื่อเราหยิบ ใช้ เก็บสมาร์ทโฟนของเราเอา ให้ระลึกไว้เสมอว่า สมาร์ทโฟนที่เราซื้อมาราคาก็ไม่ได้ถูกๆ แม้จะราคาไมกี่พันบาท แต่ก็เป็นเงินที่หามาได้ยาก ดังนั้นควรที่จะต้องดูแลรักษาอย่างดี เพราะอย่าลืมว่าพอเครื่องหายแล้ว นอกจากจะไม่มีใช้ ข้อมูลสำคัญต่างๆ ที่อยู่ภายในก็จะหายไปด้วยเช่นกัน การเรียกคืนก็เป็นไปได้ยาก ไม่ใช่แค่ว่าต้องตามหาแล้ว บางทีต้องตามแก้ไขปัญหาที่ตามมาจากการที่ทำหายอีก เรียกว่าลำบากอีกหลายต่อกันเลยทีเดียว