เชื่อว่าน่าจะมีหลายท่านที่ต้องใช้ความคิดเป็นอย่างมาก ก่อนจะตัดสินใจซื้อแอพมือถือที่มีราคาหลักร้อยขึ้นไป อย่างน้อยก็ต้องชั่งน้ำหนักก่อนว่า เราจะได้ใช้งานมันจนคุ้มเปล่า หรือถ้าเป็นเกม ก็ต้องมั่นใจว่าเป็นเกมที่น่าจะสนุกจริงๆ เล่นได้นานพอที่จะคุ้มต่อการเสียเงิน เพราะเงินหลักร้อยนี่ก็สามารถทานข้าวจนอิ่มได้อย่างสบายๆ ทำให้แอพส่วนมากมักจะมีราคาอยู่ในระดับที่ตัดสินใจได้ง่าย ไม่แพงเกินไป (แล้วไปเก็บ in-app purchase เพิ่มแทน)
แต่สำหรับใครที่มีเงินเหลือ อยากซื้อแอพแพงๆ มาเล่นขำๆ หรืออยากจะดูหน้าตาแอพสุดแพงของฝั่ง Android กันบ้างว่าจะมีตัวไหนติดโผ ในบทความนี้ก็มีการรวบรวมไว้ให้ชมแล้วครับ แต่ละตัวนี่ก็แทบจะเรียกได้ว่าราคาเต็มเหยียดเลยทีเดียว (Play Store อนุญาตให้แอพมีราคาได้สูงสุด $200)
คอลเลคชันเพชรพลอยจาก Abu Moo
ราคา 6,400 บาท ($200) ต่อตัว มีทั้งหมด 6 แอพ รวมทั้งหมดก็ 38,400 บาท
ถ้าคิดว่าแหวน สร้อย ต่างหูที่มีเพชรพลอยอยู่กับตัวยังไฮโซไม่พอ ก็จัดกันไปได้เลยกับคอลเลคชันวิดเจ็ตเพชรพลอยจาก Abu Moo ที่มีให้เลือกถึง 6 แบบ หน้าที่ของมันก็ไม่มีอะไรครับ แค่เป็นวิดเจ็ตรูปเพชรพลอยมาประดับบนหน้าโฮมเท่านั้นเอง ใช้งานได้ตั้งแต่ Android 1.6 เป็นต้นไป เรียกว่ามือถือ Android รุ่นไหนก็ใช้ได้ จะซื้อเครื่องหลักพ้นต้นๆ มาลงแอพตัวละ 6,400 บาทก็จัดไปได้เลย โหดป่ะล่ะ
แอพ Debuce – Grandmaster Edition
ราคา 6,400 บาท ($200)
เป็นเกมหมากอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับชาว Android ครับ เกมสั้น ไม่ยืนเยื้อ เพราะหนึ่งเกม ผู้เล่นแต่ละฝั่งจะสามารถเล่นได้ 8 ตาเท่านั้น (เล่นทั้งหมด 6 เกม ต้องชนะอย่างต่ำ 4 เกม จึงจะถือว่าชนะเลิศ) การวางหมาก จะต้องวางไม่ให้ตัวหมากของเราอยู่ในแถวเดียวกับตัวหมากของฝั่งตรงข้าม ผู้เล่นคนสุดท้ายที่สามารถวางหมากได้โดยไม่อยู่ในแถวเดียวกับตัวไหนเลยก็จะเป็นผู้ชนะในเกมนั้นไป
แต่ด้วยราคาขนาดนี้ หาเกมอื่นเล่นน่าจะดีกว่านะ
แอพ Got Cash?
ราคา 6,552 บาท ($200)
ตัวนี้น่าจะสมกับเป็นแอพสำหรับผู้ที่เงินเหลือ แต่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรจริงๆ ครับ เพราะตัวแอพมันไม่มีอะไรเลย ย้ำ!! ไม่มีอะไรเลย เมื่อกดจ่ายเงิน กดโหลดไปแล้ว ก็จบกันเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีข้อความใดๆ ไม่มีหน้าจอแอพอะไรให้ใช้งานทั้งสิ้น เสมือนว่าบริจาคเงินให้ผู้พัฒนาแอพซะอย่างนั้น แหม ราคาขนาดนี้ ช่วยมีข้อความอะไรขึ้นมาให้อ่านเล่นทุกวันบ้างก็ยังดีนะ
แอพ Most Expensive App
ราคา 5,826 บาท ($200)
จะว่าไป เจ้าตัวนี้ก็คล้ายๆ กับ Got Cash เลยครับ แต่ยังมีอะไรมาให้สมราคาบ้าง นั่นคือมันยังมีหน้าจอแอพมาให้อ่านเล่นบ้างครับ แต่มันมีอยู่หน้าเดียว !! และเป็นข้อความที่บอกเพียงว่ามันมีชื่อว่า Most Expensive App แอพที่แพงสุดๆ ใน Play Store และมันทำอะไรไม่ได้เลย แถมยังบอกอีกด้วยว่าทุกคนคงไม่มีใครได้เห็นหน้าจอนี้ด้วยตาตัวเองหรอก จะเห็นก็แต่เป็นภาพสกรีนช็อตบน Store เท่านั้น (เหมือนเป็นการสบประมาทเล็กน้อย)
ผลคือมีคนซื้อและโหลดไปใช้เป็นหลักสิบคนเหมือนกันนะ ผมนี่อึ้งไปเลย…. (แต่คงขอ refund คืนกันล่ะมั้ง)
แอพ Peek (ตัว unlock เป็นเวอร์ชัน Pro)
ราคา 6,400 บาท ($200)
ผู้ที่ติดตามและชอบตกแต่ง Android ของตนอยู่แล้ว อาจจะพอคุ้นหูคุ้นตากับ Peek อยู่บ้าง ตัวมันเป็นแอพสำหรับโชว์ notification บนหน้าจอล็อคสกรีน โดยที่เราไม่ต้องกดปุ่มหรือสัมผัสหน้าจอแต่อย่างใด เพียงแค่ยกเครื่องขึ้นมา หน้าจอก็จะติดมาให้อ่าน notification ทันทีเลย
ส่วนสำหรับเรื่องราคานั้น ดูจะเป็นเรื่องราวพอสมควรทีเดียว เพราะตัวมันเองเป็นแอพฟรี ตัวปลดล็อคก็ราคา 63.39 บาทเท่านั้น แต่ตัวที่ราคา 6,400 บาทเองก็เป็นตัวปลดล็อคเหมือนกัน ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า ก่อนหน้านี้ นักพัฒนาแอพตัวจริงไม่ได้ขายตัวปลดล็อคเอง แต่เป็นการขายผ่านบัญชี Google Play Developer ของคนอื่น (ตัวราคาแพง) ภายหลัง ตัวนักพัฒนาที่เป็นเจ้าของแอพจริงๆ ได้สร้างบัญชีของตนเอง และจัดการขายเอง ทำให้แอพ Peek ที่ขายโดยนักพัฒนาคนแรกนั้นต้องปรับราคาขึ้นมาเป็น 6,400 บาท เพื่อสร้างความแตกต่างให้ไม่เหมือนกับตัวใหม่ ทั้งที่จริงแล้วมันก็เป็นแอพตัวเดียวกันนั่นล่ะ เอาเป็นว่า ถ้าอยากโหลดมาใช้งาน ก็เป็นสองตัวนี้นะครับ
ดาวน์โหลด Peek ตัวเบื้องต้น (ฟรี)
ดาวน์โหลด Peek ตัวปลดล็อค (63 บาท)
แอพ Super Color Runner
ราคา 6,400 บาท ($200)
อยากได้เกมวิ่งแบบไม่เหมือนใครกันมั้ย รับรองว่า Super Color Runner ให้คุณได้ไม่เหมือนใครแน่นอน เพราะจะเป็นการวิ่งด้านข้าง ให้เราคอยเติมพลังให้แต่ละแถบสีไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องคอยระวังตัวจากป้อมปืนและเหล่าศัตรูที่มาขัดขวางเส้นทางการวิ่งของเราด้วย
แต่ที่แน่ๆ จุดที่มันไม่เหมือนใครก็คือราคาสุดอินดี้ที่ 6,400 บาทนี่ล่ะ เล่นกี่ปีถึงจะคุ้มเนี่ยเกมนี้
แอพ MBE Preparation – e-BarReview
ราคา 6,400 บาท ($200)
คราวนี้ดูจะเป็นแอพจริงจังขึ้นมาหน่อย เพราะเจ้าแอพตัวนี้ใช้สำหรับเป็นตัวช่วยสำหรับนักกฏหมายในการสอบในอนุญาตไปเป็นทนายของในต่างประเทศ ซึ่งจะมีตัวอย่างข้อสอบมาให้ลองทำอีกด้วย
แอพ I’m Rich (White Diamond)
ราคา 4,199 บาท ($130)
สำหรับแอพตัวนี้ จะเรียกว่าเป็นบรรบุรุษของคอลเลคชั่น Abu Moo อันแรกสุดก็ว่าได้ครับ เพราะมันเป็นแอพโชว์วิดเจ็ตรูปเพชรบนหน้าจอ นอกจากนี้มันยังเป็นแอพตัวแรกๆ ที่ตั้งราคาสูงลิบลิ่วอีกด้วย
แต่ที่ไม่ธรรมดาคือมันมีลำดับขั้นครับ
- เพชรสีน้ำเงิน อันนี้โหลดมาใช้ได้ฟรี
- เพชรสีชมพู ราคา $13
- เพชรสีขาว ราคา $130 (ตัวนี้ล่ะ)
- เพชรสีดำ ราคา $200
รักและศรัทธาอันไหน ก็จัดกันได้เลย
แอพ 5-Minute Sports Medicine
ราคา 3,257 บาท ($99.99)
ใครที่รักสุขภาพอาจจะถูกใจกับแอพตัวนี้ก็ได้ครับ เพราะมันเป็นแอพรวบรวมข้อมูลการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการเล่นกีฬา การออกกำลังกายอย่างละเอียดเอาไว้ในตัว สามารถอ่านและทำตามได้อย่างง่ายดายภายใน 5 นาที แต่ไม่รู้ว่าจะคุ้มค่าหรือเปล่า เพราะราคาค่าตัวมันตั้งสามพันกว่าบาทแน่ะ
แอพ Mobile Accessibility US
ราคา 3,072 บาท ($99.99)
แอพ Mobile Accessibility US ตัวนี้ เป็นแอพที่ทำหน้าที่เป็นลันเชอร์ให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่มีปัญหาทางด้านสายตา เพราะตัวมันจะดึงเอาแอพหลักๆ ที่ใช้งานบนมือถือ เช่นโทรศัพท์, SMS, อีเมล, เว็บเบราเซอร์ เป็นต้น มาเป็นไอคอนให้เลือกใช้งานได้ง่าย เวลาจิ้มเลือกหรือเลื่อนนิ้วไปที่ไอคอนใด ก็จะมีเสียงพูดขึ้นมาว่ามันคือไอคอนอะไร เมนูอะไร การกดปุ่มเลือกก็ใช้การกดสองครั้งติดๆ กัน เพื่อป้องกันการกดเลือกโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังสามารถอ่านข้อความบนหน้าจอให้ผู้ใช้ฟังได้อีกด้วย
แอพ Dr. Web Antivirus Life license
ราคา 2,461 บาท ($75)
ตามปกติแล้ว พวกแอนติไวรัสมักจะมีแบ่งเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มฟรี ซึ่งฟีเจอร์ก็จะธรรมดาๆ กับกลุ่มที่จ่ายค่าใช้งานรายปี ที่ฟีเจอร์ก็อาจจะสูงขึ้นมาหน่อย แลกกับการต้องจ่ายเงินรายปีเพื่อต่ออายุการใช้งาน แต่ถ้าไม่อยากต้องมาจ่ายเงินเรื่อยๆ อยากจ่ายทีเดียวจบ ก็มีตัวเลือกให้เช่นกันครับ กับเจ้า Dr. Web ตัวนี้ ที่มีราคาค่าตัวอยู่สองพันกลางๆ ซื้อครั้งเดียว ใช้งานได้ตลอดชีพ (หรือจนกว่าเจ้าของจะเลิกทำ เลิกอัพเดต) ใครอยากลองก็จัดกันไปได้เลย ดูเหมือนคะแนนรีวิวจะค่อนข้างดีด้วยนะ
แอพ Pocket Atlas of ER Ultrasound
ราคา 2,268 บาท ($69.99)
เป็นแอพให้ข้อมูลอีกตัวหนึ่งครับ คราวนี้เป็นการให้ข้อมูลเรื่องสุขภาพในเชิงค่อนข้างลึกอยู่เหมือนกัน โดยจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพร่างกายโดยใช้การอัลตร้าซาวด์ ดูๆ แล้วน่าจะเหมาะสำหรับแพทย์ซะมากกว่าผู้ใช้งานทั่วไปนะ
แอพ Katya
ราคา 2,029 บาท ($62.71)
ดูจากไอคอนแล้วอาจจะดูเหมือนเกมแข่งรถ แต่เอาจริงๆ มันคือแอพที่ให้เราสามารถป้อนข้อมูลต่างๆ สำหรับจำลองสถานการณ์การขับรถ เพื่อดูความเร็วที่น่าจะสามารถทำได้ โดยสามารถเก็บข้อมูลเอาไว้ได้หลากหลายรูปแบบการจำลอง ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นแอพเฉพาะทางพอสมควร แต่ที่สำคัญคือ ข้อความภายในแอพเป็นภาษาสเปนทั้งหมดนะครับ เอาเป็นว่าข้ามๆ ไปก็ได้นะ
แอพ pcMapper Db
เวอร์ชันเต็มราคา 1,605 บาท
ถ้าคิดว่าแผนที่ Google Maps หรือแอพแผนที่ไหนๆ ก็ยังไม่ถึงใจ ข้อมูลยังผิดๆ อยู่ ก็อยากให้มาลองแอพนี้ดูครับ รับรองถูกใจแน่นอน เพราะผู้ใช้งานสามารถสร้างและแก้ไขแผนที่ได้ ไม่ว่าจะด้วยการวาดใหม่ การเพิ่มเติมข้อมูล และอื่นๆ อีกมากมาย สามารถใช้งานแบบออฟไลน์ได้ด้วย แต่ดูแล้วน่าจะเหมาะกับการใช้งานเฉพาะทางซะมากกว่าใช้งานทั่วไปนะ
ที่มา: Android Authority