แอพสั่งอาหารเดลิเวอรี่ สำหรับปี 2563 เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับยุคนี้ไปแล้ว ไม่ว่าจะอยู่บ้าน ออกไปทำงาน หรือไปที่ไหนก็ตาม การสั่งอาหารเดลิเวอรี่ แล้วนั่งรอเพื่อรับของอยู่เฉยๆ ไม่ต้องออกไปเจอรถติด หรือไปรอเพื่อซื้ออาหารร้านดังๆ ก็เป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวก ได้เป็นอย่างมาก
ทุกวันนี้สิ่งอำนวยความสะดวก อย่างเทคโนโลยี เริ่มเข้ามาอยู่รวมกับการใช้ชีวิตประจำวันเรื่อยๆ และสิ่งที่เข้ามามีบทบาทกับเราอย่างมาก คงจะหนีไม่พ้นมือถือนั่นเอง ที่มีการพัฒนาทั้งตัวเครื่อง และแอพต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้เราสะดวกมากขึ้น รวมไปถึงแอพสั่งอาหาร ที่ทำออกมา ทั้งของไทยเอง และของต่างประเทศ ซึ่งทุกวันนี้เราแทบจะไม่ต้องออกไปเผชิญ กับแดดร้อน รถติด หรือต้องไปรอหน้าร้านดังๆ เพื่อรอให้เสียเวลาอีกแล้ว ซึ่งบางครั้ง ก็อาจจะอยากนั่งทำงานที่ออฟฟิศ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกไปข้างนอกด้วย เพียงแค่ใช้แอพเหล่านั้น แล้วรออยู่ที่บ้าน หรือที่ทำงานเฉยๆ รอรับอาหาร และจ่ายเงินพร้อมค่าส่งนิดหน่อย แล้วแต่โปรฯ ของแต่ละแอพ ที่ทำออกมาขณะนั้นด้วย บางแอพก็มีส่งฟรี หรือโค้ดลดค่าอาหารด้วย วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ แอพสำหรับสั่งอาหารเดลิเวอรี่ในปี 2563 กันว่ามีแอพไหนน่าสนใจบ้าง
10 แอพสั่งอาหารเดลิเวอรี่ในปี 2563
แอพที่จะมาแนะนำนั้น อาจเป็นแอพที่หลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่บางแอพก็อาจจะไม่เคยใช้งานเลยก็ได้ ซึ่งแต่ละอันก็จะมีข้อดี ที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่สั่งอาหารตามร้านปกติ ไปจนถึงร้านดังๆ และของใช้งานแบบทั่วไปด้วย เรามาดูกันเลยดีกว่า ว่ามีแอพอะไรน่าสนใจบ้าง
1. Grab
มาเริ่มกันที่แอพแรกก่อนเลย สำหรับแอพสั่งอาหารชื่อดัง ที่ถือว่าเป็นอันดับแรกๆ ที่เข้ามามีบทบาทการส่งอาหาร ซึ่งในตอนแรก ได้เริ่มจากการส่งในพื้นที่ ที่เป็นเมืองใหญ่ๆ มาก่อน แล้วจึงค่อยๆ ขยายพื้นที่ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น ข้อดีของ Grab ก็คือ มีร้านที่เข้าร่วมด้วยเยอะมาก ถ้ายิ่งในเขตกรุงเทพ จะมีรถส่งอาหารเยอะด้วยเช่นกัน แถมยังมีการจัดโปรโมชันใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยอาจจะเป็นการลดราคาค่าส่ง ลดค่าอาหารจากร้านดัง และโค้ดคูปองต่างๆ ส่วนการจ่ายเงิน ก็สามารถจ่ายได้หลายช่องทางด้วย แต่บางครั้ง ถ้าหากสั่งไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ก็ต้องเสียเงินเพิ่มอีก จึงอาจไม่เหมาะกับการสั่งอาหารน้อยๆ ส่วนค่าส่ง จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10 บาท นอกจากจะสั่งอาหารได้แล้วยัง มีบริการอื่นๆ อีกเยอะเลย
- Android : โหลดแอพ Grab
- iOS : โหลดแอพ Grab
2. Line Man
Line Man ก็เป็นอีก 1 แอพสำหรับการสั่งอาหาร ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีราคาส่ง ที่ถูกมาก่อนเป็นหลัก เริ่มต้นค่าส่งในระยะ 3 กิโลเมตรแรกฟรีไปเลย ไม่ต้องจ่ายค่าส่งเพิ่ม แต่ถ้าระยะทางเกิน 3 กิโลเมตร จะมีราคาส่งเริ่มต้นที่ 10 บาท ส่วนร้านอาหารภายในแอพ ก็มีเยอะมากเหมือนกัน เนื่องจากได้ทำร่วมกับ Wongnai จึงทำให้ร้านอาหารที่อยู่ในเว็บ Wongnai เข้าร่วม Line Man เพื่อส่งอาหาร และมีข้อมูลมากขึ้นด้วยนั่นเอง ซึ่ง Line Man เองก็มีคนส่งเยอะอยู่แล้ว เพราะได้ฐานมาจาก Lalamove นอกจากนั้นยังมีโปรโมชันมากมาย จ่ายได้หลายช่องทาง รวมไปถึงส่วนลดแบบคูปอง โค้ดลดราคา และร่วมเล่นเกมเพื่อรับของรางวัลอีก และนอกจากจะส่งอาหาร ก็ยังมีบริการอื่นๆ ร่วมอยู่ด้วย
- Android : โหลดแอพ LINE MAN
- iOS : โหลดแอพ LINE MAN
3. Foodpanda
หลังจากที่ Foodpanda ได้เริ่มก้าวเข้ามาตีตลาดการส่งอาหาร ก็มีคนให้ความสนใจไม่น้อยเลย ซึ่งแอพนี้ได้เริ่มทำโปรโมชัน ให้น่าสนใจมากขึ้น ถึงแม้ว่าค่าอาหารจะดูแพงกว่าแอพอื่นนิดหน่อย เนื่องจากได้มีการปรับเปอร์เซ็นต์ขึ้น ตามที่มีข่าวออกไป ซึ่งบางร้านก็มีราคาถูกกว่าแอพอื่นๆ นะ Foodpanda ก็มีบริการส่งฟรี ในระยะทางที่ใกล้กับร้านค้าด้วย ถ้าเกินระยะที่กำหนด จะมีราคาเริ่มต้น 9 บาท มีราคาขั้นต่ำในการสั่ง ร้านอาหารก็ถือว่ามีเยอะอยู่พอสมควรเลย ส่วนใหญ่จะทำร่วมกับร้านค้าแบรนด์ใหญ่ๆ ด้วยการใช้โค้ดในการสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังมีโค้ดในแอพ และมีเกมให้เล่น เพื่อลดราคาค่าอาหารด้วย ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ สามารถสั่งอาหารผ่านแอพ และไปรับที่ร้านเองได้ด้วย ช่วยประหยัดเวลาในการรอ และยังได้ส่วนลดอีกเยอะเลย
- Android : โหลดแอพ Foodpanda
- iOS : โหลดแอพ Foodpanda
4. Gojek
แอพนี้ไม่ใช่แอพน้องใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นแอพ Get สีเหลืองๆ ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Gojek ซึ่งความจริงก็ชื่อนี้อยู่แล้ว แต่ตอนเข้าไทยใช้ชื่อ Get แล้วจึงเปลี่ยนกลับมา ซึ่งการเปลี่ยนเป็น Gojek ในครั้งนี้ ก็ทำให้คนหันมาสนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยโปรฯ ต่างๆ ที่ทำออกมา ทั้งการลดราคาร่วมกับบัตร ในการจ่ายค่าอาหาร หรือร่วมกับร้านค้าแบรนด์ดัง เพื่อลดค่าอาหารลงไปอีก แถมยังมีบริการส่งฟรีในระยะเริ่มต้น ไม่เกิน 3 กิโลเมตรด้วย ส่วนถ้าเกินจากนี้ ก็จะนับตามระยะทาง อาจมีค่าส่งบางร้านที่ไม่เกิน 10 บาท มีขั้นต่ำในการสั่งด้วยนะ ถ้าไม่ถึงจะต้องเสียเงินเพิ่มอีก มีช่องทางการจ่ายหลายช่องทาง และสามารถสั่งอาหาร แล้วไปรับด้วยตัวเองได้ด้วย
- Android : โหลดแอพ Gojek
- iOS : โหลดแอพ Gojek
5. 7-Delivery
ต้องบอกเลย ว่าทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก 7-11 แน่นอน ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งอาหารสำหรับคนหิวเลยก็ว่าได้ มีทั้งของสด (บางสาขา) ข้าว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารญี่ปุ่น ซาลาเปา น้ำปั่น ฯลฯ ไปจนถึงอาหารแช่แข็ง และน้ำดื่มอีกมากมาย ตอนนี้ก็ได้ทำแอพขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ คนที่ไม่อยากออกไปซื้อของด้วยตัวเอง โดยการสั่งซื้อนั้น แอพจะเลือกจากสาขาที่ใกล้ที่สุด และสาขานั้นต้องมีบริการส่งให้ด้วย ราคาของสินค้าแต่ละอย่าง ก็จะเป็นราคาตามจริงที่ขายในนั้นเลย ไม่มีการบวกเพิ่ม และถ้าสั่งเกินขั้นต่ำที่กำหนดไว้ ก็จะได้ส่งฟรีอีก นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันนิดหน่อยในแอพด้วย เหมาะกับคนที่ซื้อของ ในเซเว่นเป็นประจำ แต่ไม่อยากออกไปข้างนอกมากๆ
- Android : โหลดแอพ 7-Delivery
- iOS : โหลดแอพ 7-Delivery
6. HappyFresh
นอกจากจะมีแอพที่เป็น Super Market อย่าง 7-11 แล้ว ก็ยังมี HappyFresh ที่ให้เราได้ช็อป ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ของใช้งานในบ้าน กับร้าน Gourmet Market, Tesco Lotus, Big C, SINGHA ONLINE, A Day Fresh ฯลฯ ซึ่งเราสามารถเลือกสั่งซื้อได้ เหมือนกับไปเดินด้วยตัวเองเลย สามารถสั่งได้ทุกอย่าง แถมยังมีโปรโมชันร่วม กับโค้ดต่างๆ อีกมากมาย เพื่อลดราคาสินค้า และอาหารต่างๆ อีกด้วย ซึ่งของบางอย่าง ก็มีบริการส่งฟรีให้ด้วย บางอย่างที่ซื้อในขั้นต่ำ อาจมีการเพิ่มราคาบ้างนิดหน่อย แต่หากรวมกับโปรฯ ที่แอพทำร่วมกันแล้ว ก็ถือว่าคุ้มอยู่ดี ถ้าไม่อยากไปซื้อของ เจอคนวุ่นวายในห้างใหญ่ๆ ก็เรียกให้ Happy Fresh มาส่งให้ สะดวกไปอีกขั้น
- Android : โหลดแอพ HappyFresh
- iOS : โหลดแอพ HappyFresh
7. CP FreshMart
นอกจากจะมีร้านค้าชั้นนำต่างๆ แล้ว ก็ยังมีของ CP FreshMart ที่สามารถสั่งซื้อ ผ่านทางออนไลน์ได้เหมือนกัน ราคาก็จะเท่ากับราคาจริงในร้านเลย ที่สำคัญคือ มีโปรฯ และโค้ด ลดราคาสินค้าในแอพด้วย ซึ่งบางอย่าง ก็มีราคาถูกกว่าไปซื้อในร้านเอง การจะสั่งซื้อแต่ละครั้ง ต้องเข้าสู่ระบบก่อนทุกครั้ง และด้วยความที่ สาขาอาจจะยังไม่เยอะมาก ถ้าไม่ใช่ในแหล่งคนเยอะจริงๆ ก็อาจจะไม่มีอยู่แล้ว ตัวแอพจึงจะค่อนข้างช้าหน่อย แต่ถ้านานๆ สั่งทีก็น่าจะพอไหวอยู่ สำหรับคนที่ ไม่อยากออกไปไหน และต้องการซื้อสินค้าลดราคา ทั้งอาหารสด และอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ ก็ถือว่าน่าสนใจอยู่เหมือนกัน
- Android : โหลดแอพ CP FreshMart
- iOS : โหลดแอพ CP FreshMart
8. Robinhood
แอพสั่งอาหารน้องใหม่ จากกลุ่มเครือธนาคาร SCB ที่เพิ่งเปิดตัวไปกลางปีที่ผ่านมา และเริ่มให้ใช้งานจริง เมื่อเดือนกันยายนรี่เอง ถึงแม้ว่าจะเปิดให้ใช้งานมาไม่นาน แต่ก็มีคนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะร้านค้าทั้งหลาย เพราะว่าแอพนี้ให้ร้านค้า เข้ามาร่วมกับแอพโดยไม่คิดค่าบริการเลย ซึ่งทางบริษัทบอกว่าต้องการคืนกำไรให้ลูกค้าไปในตัวด้วย แน่นอนว่าการสมัครก็ต้องมีบัญชีของ SCB อยู่ด้วย เพื่อการจ่ายเงินที่สะดวก และว่องไว ได้รับเงินโดยทันที ส่วนเรื่องของการส่งนั้น ก็ได้ทำเป็น Partner ร่วมกับ SKOOTAR และกำลังมองหาเพิ่มเติมในเร็วๆนี้ ตอนนี้มีให้บริการอยู่เฉพาะเขตกรุงเทพ และปริมณฑลเท่านั้นนะ จังหวัดอื่นๆ ใกล้จะขยายตัวออกไปแล้ว อดใจรอกันอีกนิด
- Android : โหลดแอพ Robinhood
- iOS : โหลดแอพ Robinhood
9. SKOOTAR
แอพที่มีทั้งส่งของ และส่งอาหาร (ไม่ส่งเค้ก) โดยการใช้งานนั้น จะเป็นการให้เราเลือก สถานที่ตั้งของร้าน และเลือกที่ตั้งของตัวเอง แล้วให้ SKOOTAR เป็นแมสเซ็นเจอร์ ไปรับของให้ ก่อนจะนำมาส่งให้เราอีกที ซึ่งข้อดีก็คือ เราจะสามารถซื้ออาหารได้ เท่ากับราคาจริงที่ร้านขายเลย เพราะไม่ได้นำเอาราคาจากร้านค้าที่เข้าร่วมกับแอพ แต่เป็นการให้แมสเซ็นเจอร์ ไปรับอาหารให้แทน จึงเสียแค่ค่าส่งเท่านั้น ส่วนการหาร้านก็ให้พิมพ์ชื่อร้าน เข้าไปที่ช่องสถานที่รับของได้เลย นอกจากนี้ยังมีโค้ดโปรโมชัน และส่วนลดอีกมากมายในแอพให้ใช้ด้วย ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยสำหรับแอพนี้
- Android : โหลดแอพ SKOOTAR
- iOS : โหลดแอพ SKOOTAR
10. Win Food Delivery
แอพนี้อาจจะยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก โดยเป็นแอพที่สั่งอาหารในระยะใกล้ ร้านอาหารที่ร่วมกับแอพยังไม่ค่อยมีเยอะมากนัก แต่ราคาก็ไม่ได้ชาร์จเพิ่มขึ้นเยอะเท่าไหร่ เท่าที่ลองใช้งานแล้ว ในระยะใกล้นั้นไม่เสียค่าส่ง และร้านค้าที่ใกล้จากพื้นที่มากที่สุดคือ 15 กิโลเมตร ส่วนความเร็วใช้งานภายในแอพ ถือว่าใช้งานได้อย่างรวดเร็ว แต่อาจจะต้องรอการปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้นมากว่าหน่อย อาจจะทำให้เป็นที่รู้จักกันมากกว่านี้ แต่ถ้าใครอยากลอง และอยากได้ราคาร้านที่ไม่แพงมาก แถมส่งฟรี ก็ลองโหลดมาใช้งานกันได้เลย
- Android : โหลดแอพ Win Food Delivery
- iOS : โหลดแอพ Win Food Delivery
แล้วทั้งหมดนี้ ก็เป็นแอพสั่งอาหารที่เราได้รวบรวมมาแนะนำ ซึ่งบางอันอาจจะยังไม่เสถียรมากนัก บางอันก็พอใช้ได้ ไปจนถึงใช้ได้ดีเยี่ยมเลย ส่วนแอพไหนจะเหมาะกับใครนั้น ก็ต้องดูสถานที่ตั้งของตัวเองด้วย ว่าอยู่ตำแหน่งไหน จังหวัดอะไร และที่จังหวัดนั้น มีแอพไหนบ้างที่ให้บริการ บางจังหวัดก็อาจจะมีไม่เหมือนกันอีก ส่วนเรื่องของราคา บางแอพอาจจะมีราคาเมนูแต่ละร้าน ที่ไม่เท่ากัน ถ้าอยากหาราคาที่คุ้มที่สุด คงต้องใช้โค้ด หรือร้านที่เข้าร่วมโปรโมชัน รวมไปถึงแอพที่มีบริการส่งฟรี ในระยะใกล้ด้วย แล้วถ้ามีเรื่องอะไรที่น่าสนใจ Specphone ก็จะนำมาฝากอีกเรื่อยๆ เลยนะครับ