ในยุคที่โทรศัพท์นั้นไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเเค่โทรศัพท์อีกต่อไป จนมีความรู้สึกเหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเครื่องหนึ่งเพราะเราก็เริ่มเห็นศัพท์เทคนิคกันเหมือนคอมพิวเตอร์มากขึ้น เดี๋ยวเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของคำต่างๆ นี้กันครับ
OS
สมาร์ทโฟนในปัจจุบันถูกเเบ่งเป็นเเพลตฟอร์มหลักๆ อยู่ 4 เเพลตฟอร์ม ซึ่งมีจุดเด่นจุดด้อยเเตกต่างกันไป ที่มีผู้ใช้เยอะเป็นจำนวนมากก็มจะมี iOS ที่อยู่ใน iPhone / iPad ที่มีจุดเด่นเรื่องความเร็วเเละเเอพลิเคชันที่มีให้เลือกเป็นจำนวนมากเเละคุณภาพสูง ส่วน Android นี้เป็น OS ที่ผู้ผลิตเกือบทุกรายใช้กันอยู่ตอนนี้ ซึ่งก็มีเเอพลิเคชันจำนวนมากพอสมควรพอๆ กับ iOS เเล้วเเต่คุณภาพของเเอพนั้นจะเป็นรองของ iOS อยู่บ้างเเต่มีข้อได้เปรียบในเรื่อง ?Share? ข้อมูลผ่านเเอพลิเคชันได้สะดวกกว่า iOS เช่นการโอนเนื้อหาจาก Browser ไปยังโปรเเกรมอื่นๆ ได้ไม่มีข้อจำกัดอย่าง iOS ที่สามารถเเชร์ข้อมูลไปยังอีเมล์หรือทวิตเตอร์ (รวมไปถึง Facebook ใน iOS 6)
ส่วนเเพลตฟอร์มรองลงมานั้นคือ BlackBerry ที่เน้นในเรื่องการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็ว เช่น อีเมล์ ข้อความเเละโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ เนื่องจากใช้ระบบ Push จากเซิฟเวอร์ของ BlackBerry เองทำให้มีการเเจ้งเตือนเมื่อมีอีเมล์หรือข้อความใหม่ๆ มาในทันที ส่วน Windows Phone นั้นมีความเร็วในระดับเดียวกันกับ iPhone เเต่ยังมีปัญหาไม่สามารถพิมพ์เเละเเสดงผลภาษาไทยได่้อย่างถูกต้องเเละยังมีเเอพลิเคชันที่น้อยมาก
Processor / GPU
ตัวประมวลผลของสมาร์ทโฟนนั้นมีความสำคัญอยู่ในระดับต้นๆ ถ้าใช้ตัวประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง (ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรุ่น hi-end) เครื่อจะตอบสนองต่อการใช้งานได้รวดเร็วขึ้นเเละมีอาการค้างน้อยลง โดยเฉพาะ Android ที่ต้องการทรัพยากรของเครื่องที่่สูงกว่าเเพลตฟอร์มอื่นๆ
ตัวไฮเอนด์ในปัจจบันนี้เเบ่งเป็น Quad-Core ที่ใช้ซีพียูเเบบ 4 เเกนช่วยประมวลผลเเต่ยังใช้สถาปัตยกรรมเก่าเเบบ Cortex A9 เเละ Dual Core ที่ใช้สถาปัตยกรรม Krait (ประมาณ Cortex A15) ที่มีประสิทธิภาพเทียบเคียงได้กับ Quad-Core ซึ่งสังเกตง่ายๆ ว่าเครื่อง Flagship หรือเครื่องที่เเพงที่สุดในเเบรนด์นั้นๆ มักจะใช้ตัวประมวลผลเเบบนี้
RAM/ROM
เเรมนั้นเปรียบเสมือนกับความจำชั่วคราวของคนเรา ถ้าเราจำอะไรได้เยอะขึ้นก็อาจจะไม่ต้องเสียเวลามานั่งค้นหา เเรมของสมาร์ทโฟนก็เช่นกัน การที่มีเเรมมากนั้นจะทำให้เราสามารถเรียกใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ได้ต่อเนื่องมากขึ้น ยกตัวอย่างของ Android ก็คือการทำมัลติทาสก์นั่นเอง การที่มีเเรมเยอะๆ ทำให้สามารถเปิดโปรเเกรมหลายตัวได้พร้อมกัน ในขณะที่เราเล่นเกมบนมือถืออยู่เเละมีอีเมล์ใหม่เข้ามาเราก็กดเข้าไปเช็คเมื่อเสร็จเรียบร้อยเเล้วก็เข้าไปเล่นเกมต่อจากจุดที่ค้างไว้ล่าสุด เเต่ถ้าเครื่องมีเเรมน้อยเราอาจจะต้องเริ่มเกมใหม่เเต่ต้นเพราะเเรมไม่พอที่จะเก็บข้อมูลของเกมเเละอีเมล์ไว้พร้อมกันได้นั่นเอง
ส่วนรอมนั้นก็คือพื้นที่ของระบบที่เอาไว้ติดตั้งเเอพลิเคชันบนมือถือนั่นเอง ปัจจุบันนี้จะเห็นอยู่ในช่วง 1-4 GB สำหรับรุ่นล่าง 8 GB สำหรับรุ่นกลาง เเละ 16-32 GB สำหรับรุ่นระดับสูง ซึ่งส่วนใหญ่เเล้วลงโปรเเกรมเยอะๆ ก็ไม่น่าจะเกิน 2GB สำหรับโปรเเกรมใช้งานทั่วไป เเต่สำหรับเกมนั้นอาจจะมีบางเกมที่กินข้อมูลเยอะ โดยเฉพาะเกมสามมิติที่อาจจะกินไปถึง 2 GB เลยทีเดียว
Display
หน้าจอของมือถือนั้นส่วนใหญ่เเตกต่างกันไปตามราคา โดยในรุ่นระดับล่างๆ นั้นจะอยู่ที่ 480 x 320 พิกเซลเเละ 320 x 240 พิกเซล ซึ่งมีหน้าจอขนาดเล็กทำให้เห็นข้อมูลได้น้อยเเละดูเเล้วภาพดูเเล้วเเตกไม่สวยงามมากนัก ในระดับกลางเราก็จะเห็นหน้าจอระดับ 800 x 480 หรือ 854 x 480 ที่มองเห็นได้ภาพได้ชัดเจนเเละเเสดงผลได้มากขึ้น เเละยังมีความละเอียดระดับ 960 x 540 ในบางรุ่นสำหรับ mid-high ที่เเสดงผลได่้มากกว่า 800 x 480 เล็กน้อย ส่วนในระดับไฮเอนด์ของ Android ตอนนี้จะอยู่ที่ 1280 x 720 ที่เเสดงผลได้มากที่สุดในปัจจุบัน
นอกจากความละเอียดเเล้ว ประเภทของหน้าจอก็มีผลต่อความสวยงามในเเสดงผลเเต่ส่วนมากจะเป็นจุดขายที่อยู่ในรุ่นระดับกลางหรือบน อย่างหน้าจอเเบบ IPS ที่พบอยู่บนมือถือหลายรุ่นในระดับกลาง เช่น LG ในหลายรุ่น เเละใน iPhone 4 ซึ่งมักจะเเสดงภาพได้คมชัดเเละสวยงามกว่าหน้าจอปกติ
ส่วนหน้าจอชนิดใหม่ที่เริ่มเห็นกันเยอะขึ้นก็คือ Super AMOLED ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการเเสดงสีที่ค่อนข้างสดใส เเต่หน้าจอ Super AMOLED นี้จะมีชนิดย่อยลงไประหว่าง Pentile เเละหน้าจอเเบบ RGB ปกติ ซึ่งหน้าจอเเบบ Pentile นั้นมักจะมีการเเสดงผลที่หยาบเเละสีเพี้ยนไปจากปกติ หน้าจอเเบบ Super AMOLED เเบบ Pentile ก็เห็นในหลายรุ่นเช่น HTC One S, Samsung Galaxy S III ส่วน Super AMOLED เเบบปกติจะลงท้ายด้วยคำว่า Plus อย่าง Samsung Galaxy S II ที่ใช้หน้าจอ Super AMOLED Plus
Camrera
โดยทั่วไปนั้นกล้องของสมาร์ทโฟนที่เริ่มจะให้ภาพออกมาสวยงามจะอยู่ในระดับหมื่นบาทเเละมีขนาด 5 ล้านพิกเซลขึ้นไป ซึ่งชนิดของเซนเซอร์ก็มีผลมากเเต่ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการปรับสีภาพในมือถือด้วย ส่วนใหญ่เเล้วกล้องระดับ 5 ล้านบางรุ่นจะให้ภาพออกมาสวย เเละ 8 ล้านพิกเซลขึ้นไปจะมีภาพที่ถือว่าดีเเล้ว
Battery
การบอกเเบตเตอรี่นั้นส่วนใหญ่จะบอกค่าเป็น mAH ค่านี้มียิ่งสูงมากจะยิ่งใช้งานได้ยาวนานขึ้นครับ
ก็หวังว่าบทความนี่้จะทำให้เข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ของสมาร์ทโฟนเเละเลือกซื่้อเครื่องได้ง่ายขึ้นโดยไม่งงกับศัพท์เทคนิคที่จะพบเจอกันนะครับ