หลังจากมีบทความแกะกล่อง OnePlus One ไปแล้วเมื่อวันก่อน วันนี้ทางทีมงานเราก็ได้หยิบเจ้า OnePlus One ออกไปเดินเล่นในเมืองมาครับ ก็เลยขอพรีวิวนิดหน่อยเป็นน้ำจิ้มก่อนพบรีวิว OnePlus One ฉบับเต็มในเร็วๆ นี้
สเปค OnePlus One คร่าวๆ
- ชิปประมวลผล Snapdragon 801 (MSM8974-AC) quad-core ความเร็วสูงสุด 2.5 GHz
- แรม 3 GB
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080
- รอม 16 GB
- รองรับ 4G LTE และใช้งาน 3G ได้ทุกเครือข่ายในไทย
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล แฟลช LED คู่ ถ่ายวิดีโอ 4K ได้
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 3100 mAh
- รอม Cyanogenmod CM11s ที่มีฐานมาจาก Android 4.4.2 KitKat
- ราคาเครื่องหิ้วในไทยส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 13,xxx – 15,xxx บาท
- สเปค OnePlus One เต็มๆ
พรีวิวตัวเครื่อง OnePlus One
ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นตัวเครื่อง OnePlus One จริงๆ ต้องบอกว่าหน้าตามันละม้ายคล้ายคลึงกับ OPPO Find 7 เลยก็ว่าได้ ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง จะมีจุดแตกต่างกันในบางรายละเอียด ซึ่งตัวผมเองก็ลองจับ OnePlus One เทียบกับ OPPO Find 7 เครื่องจริงดูแล้ว พบว่าทั้งสองเครื่องมีขนาดแทบจะใกล้เคียงกันมากๆ ความหนาก็แทบจะเท่าๆ กัน เรียกว่ามองผ่านๆ นี่คงแยกรุ่นได้ยากเหมือนกัน
ส่วนความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัส ต้องบอกว่า OnePlus One เบากว่าที่คาดคิดมากๆ ประกอบกับตัวเครื่องที่ไม่หนาเกินไป ทำให้ยังสามารถใช้งานด้วยมือเดียวได้อยู่ จะมีก็ตอนเวลาเอานิ้วไปลากแถบ notifications ข้างบนลงมา ที่อาจลำบากบ้างนิดหน่อย
หนึ่งในฟังก์ชันของ OnePlus One ที่ส่วนตัวผมชอบก็คือความสามารถในการเลือกรูปแบบปุ่มกดสั่งงานทั้งสามปุ่มด้านล่าง ที่สามารถเลือกได้ว่าจะใช้งานปุ่มจริงๆ ที่เป็นปุ่มแบบสัมผัส (ภาพขวา) หรือจะใช้ปุ่มแบบซอฟต์แวร์ (ภาพซ้าย) ก็ได้ ในครั้งแรกผมก็ลองใช้งานปุ่มจริงๆ ดูก่อนครับ ผลคือไม่ถนัดเท่าไรเลย เพราะทำให้ระยะการเอื้อมนิ้วเพื่อกดปุ่มทำได้ลำบาก ทั้งปุ่มด้านล่างและการลากแถบ notifications ด้านบน อีกทั้งไฟที่ปุ่มยังไม่ค่อยสว่างเท่าไร (อันนี้เหมือนกับหลายๆ รุ่นของ OPPO บริษัทแม่เก่าของ OnePlus เลยก็ว่าได้) ก็เลยเปลี่ยนไปใช้เป็นปุ่มแบบซอฟต์แวร์ของ Android แทนครับ ยอมเสียพื้นที่แสดงผลนิดหน่อย แต่ได้เรื่องการใช้งานที่ถนัดมือ (และเคยชิน) มากกว่า โดยปุ่มทั้งสามนี้สามารถปรับแต่งตำแหน่ง เพิ่มลดปุ่มได้จากตัวรอมในเครื่องเลย
พรีวิวหน้าจอ OnePlus One
หน้าจอ OnePlus One จัดว่าทำออกมาได้ดีจริงๆ ความคมชัดพอดีๆ กับระดับ Full HD บนจอขนาด 5.5 นิ้ว พาเนล IPS จึงให้ภาพที่สีสันสวยงาม สบายตาในทุกๆ มุมมอง โทนสีภาพไม่สดจนเกินไป ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนตอนดูจอ Nexus 5 เลย คือสีกำลังพอดีๆ ไม่จัด ไม่จืดเกิน contrast กำลังอยู่ในระดับสบายตา สว่างสู้แสงได้พอตัว อ้อ!! หน้าจอของ OnePlus One รองรับการเคาะจอติดกันสองครั้งเพื่อเปิดหน้าจอขึ้นมาได้ด้วยนะครับ นับว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้ผมที่ใช้งาน LG G3 เป็นหลักได้ดีเลย เพราะส่วนตัวชินกับการเคาะหน้าจอไปเรียบร้อยแล้ว
ดูฝาหลังกันบ้าง วัสดุที่ใช้ก็เป็นพลาสติกแต่ใช้การเคลือบผิวให้ดูคล้ายเซรามิก ผิวสัมผัสเรียบเนียนดี ที่แน่ๆ คือมันลื่นมือไปหน่อย มีบางครั้งผมเกือบทำเครื่องหลุดมือเลยก็มี เรียกว่าลื่นทั้งรอม ลื่นทั้งเครื่องเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ ฝาหลังไม่สามารถแกะออกได้นะครับ
ตัวเครื่องไม่หนาเกินไปนะ สำหรับถาดใส่ซิมจะอยู่ทางด้านขอบซ้ายของเครื่อง ต้องใช้เข็มจิ้มถาดให้เด้งออกมา ซึ่งผมลองใช้เข็มของ iPhone แล้วพบว่ามันสั้นไปหน่อย เลยต้องเอาเข็มที่แถมมากับ OnePlus One มาใช้ ซิมที่ใช้เป็นไมโครซิมนะครับ ใส่ได้ซิมเดียว ไม่มีช่องใส่ MicroSD ด้วย
การใช้งานจริง
นับตั้งแต่เปิดเครื่องมา สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือความลื่นไหล ความเร็วในการเปิดแอพ หลายๆ อย่างเรียกว่าเทียบเท่ากับ Nexus 5 ได้เลย แอพที่ติดเครื่องมาก็มีแต่เฉพาะแอพพื้นฐาน แทบจะไม่มีแอพอำนวยความสะดวกมาให้แต่อย่างใด เหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องโล่งๆ แล้วเลือกลงแอพเฉพาะที่ต้องการเท่านั้น
เมื่อเปิดเครื่องใช้งาน ล็อกอินครั้งแรกจะเหลือพื้นที่รอมให้ใช้งานประมาณ 12 GB จากรอมทั้งหมด 16 GB ส่วนเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ ตามรูปแบบการใช้งานปกติทั่วๆ ไป พบว่าแรมจะเหลือว่างราวๆ 1.3 GB จากทั้งหมดในเครื่องที่ให้มา 3 GB จัดว่าเหลือเฟือสบายๆ จะใช้งานอย่างไรก็คงไม่น่าจะหมดง่ายๆ ล่ะนะ
ด้านของแบตเตอรี่ ก็ดูจากภาพด้านบนนี้ได้เลย (อันนี้ผมเปลี่ยนธีมนะ ไม่ได้ไปลง Android L มา) ก็สามารถใช้งานในหนึ่งวันได้สบายๆ เพราะการใช้งานส่วนใหญ่คงไม่ได้เปิดหน้าจอมาเล่นกันบ่อยๆ ซักเท่าไรหรอกมั้ง เริ่มใช้งานตั้งแต่ประมาณ 11 โมงกว่าด้วยแบตไม่เต็ม 100% ได้มาจนถึงทุ่มกว่าๆ ก็เหลือ 13%?ส่วนแถบ Wi-Fi ที่ขึ้นเป็นแถบสีน้ำเงินคือมีการใช้งานอยู่ อันที่จริงผมปิด Wi-Fi ไปแล้วนะ อันนี้ก็งงๆ เหมือนกันว่าทำไม Wi-Fi มันยังทำงานอยู่ สำหรับการชาร์จไฟนั้นสามารถทำได้รวดเร็ว เพราะอะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่องสามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 2A ชาร์จไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากแบตเตอรี่ประมาณ 10% ก็ขึ้นเป็น 93% แล้ว แต่คงไม่เร็วเท่า OPPO Find 7 แน่ๆ
การจับสัญญาณอินเตอร์เน็ต สามารถรับคลื่นทั้ง 3G และ 4G LTE ได้โอเคดี ใช้งานในไทยได้สบายๆ
พรีวิวกล้อง OnePlus One
มาดูตัวอย่างภาพถ่ายจาก OnePlus One กันซักหน่อยครับ ทุกภาพเป็นโหมด Auto ปิดแฟลช ไม่ได้ตกแต่งภาพเลย เสียดายวันนี้ฟัาไม่ค่อยใสซักเท่าไร
ก็รอติดตามชมรีวิว OnePlus One จากเราได้เร็วๆ นี้ครับ รับรองว่าจัดเต็มแน่นอน