ในงาน Thailand Mobile Expo Showcase ครั้งนี้ ถึงเเม้ว่าอาจจะไม่ดูตื่นตาตื่นใจเท่ากับสองครั้งเเรก เนื่องจากเเต่ละค่ายก็ทิ้งไพ่ตายของตนไปเกือบหมดเเล้ว โดยเฉพาะตัวรุ่นไฮเอนด์ที่เป็น Dual Core ทั้งหลายก็ฟาดฟันก็จนรู้ผลเเพ้ชนะไปเรียบร้อยเเล้ว เเต่อยู่ดีๆ เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีม้านอกสายตาบางค่ายได้นำสินค้าเข้ามาขายเเละทำตลาดในราคาที่เหมาะสม ส่งผลให้ตอนนี้นั้นเครื่องน่าซื้อในตลาดระดับเริ่มต้นเเละระดับกลางได้เปลี่ยนตัวไปบ้างเเล้ว ในขณะที่ตัวระดับไฮเอนด์นั้นยังคงไม่เปลี่ยนเเปลงมากนัก
Entry Level ( > 9,000 บาท )
Winner : Sony Ericsson Xperia Mini Pro ราคา 8,490 บาท
จุดเเข็ง : ประสิทธิภาพต่อราคา, คีย์บอร์ดภาษาไทยที่ดูดี เปลี่ยนภาษาได้ง่าย
ถือว่ามาผิดเหนือความคาดหมายสำหรับ Sony Ericsson มากทีเดียว โดยในปี 2011 นี้สมาร์ทโฟน Android ของ Sony Ericsson เกือบทุกตัวใช้ตัวประมวลผลยอดนิยมในระดับกลางหลายๆ ตัวอย่าง Qualcomm MSM8255 ที่อยู่ในสมาร์ทโฟนชื่อดังอย่าง HTC Desire HD, HTC Incredible S มาใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น เเค่นี้ก็คงพอทำให้วางใจในเรื่องของความเร็วไปได้เเล้ว นอกจากนี้เเล้วยังถือเป็นปรากฏการณ์หนึ่งเลยทีเดียวที่เราเห็น Qualcomm MSM8255 มาอยู่ในเครื่องระดับต่ำหมื่นนี้ได้
นอกจากนี้เเล้วตัว?Xperia Mini Pro ยังอำนวยความสะดวกในการเเชทมาให้อย่างครบครัน โดยการพิมพ์ภาษาไทยลงไปยังเเป้นพิมพ์ด้วย ในหมู่ Android QWERTY ด้วยกันนั้นไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy Pro, LG Optimus Pro หรือ HTC ChaCha นั้นเรียกว่า Sony Ericsson Xperia Mini Pro ชนะในเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 3 นิ้ว (รุ่นอื่นๆ อยู่ในระหว่าง 2.6 เเละ 2.8) เเละสามารถถ่ายวีดีโอความละเอียดเเบบ 720 HD ได้อีกด้วยซึ่งไม่สามารถทำได้ใน Android QWERTY ในรุ่นอื่นๆ (เปรียบเทียบสเปคตามลิงค์นี้) กล้องก็ถือว่าให้มาสูงสำหรับราคาไม่เกินหมื่นคือ 5 ล้านพิกเซลพร้อม LED Flash ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็เป็นรุ่นที่คุ้มค่าทั้งสิ้น เเละยังไม่นับว่าเป็นเเบรนด์ Sony ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความหยิ่งมาอย่างยาวนานทั้งในเรื่องราคาเเละสเปค เเต่คราวนี้จัดมาเต็มจริงๆ
Runner-up #2 : Samsung Galaxy Gio ราคา 6,900 บาท
จุดเเข็ง : ประสิทธิภาพต่อราคา
สำหรับ Samsung Galaxy Gio นั้นทางเว็บเคยให้เป็นตัวที่คุ้มค่าที่สุดในระดับเริ่มต้น เนื่องจากตัวมันนั้นใช้ซีพียูตัวเดียวกับ Samsung Galaxy Cooper ที่ราคา 8,900 บาทในตอนนี้ เเต่หน้าจอเล็กกว่าเหลือเพียง 3.2 นิ้วเเละกล้องเหลือ 3 ล้านพิกเซลเเทน เเต่การใช้งานโดยรวมถือว่าประทับใจเมื่อเทียบกัเงินที่จ่ายไป
Runner-up #2 : Samsung Galaxy Mini ราคา 4,990 บาท
จุดเเข็ง : ประสิทธิภาพต่อราคา
ตัวเลือกสำหรับคนที่งบประมาณจำกัดได้ดีเสมอ ถือเป็นตัวรุ่นล่างที่ออกเเบบมาได้ลงตัว ถึงเเม้ว่าสเปคจะอยู่ในระดับล่างเเต่ความเร็วในการตอบสนองนั้นทำได้ดี การใช้งานเล็กๆ น้อยๆ อย่างเกมส์เเนวฆ่าเวลา, Social Media เล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นตัวที่เหมาะสมถ้าไม่อยากคิดจ่ายกับโทรศัพท์เกิน 5,000 บาท
ตัวเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจ : WellcoM A99, Sony Ericsson Xperia Mini
Mid-end Level (9001, ? 14000 บาท)
Winner : Sony Ericsson Xperia Ray ราคา 11,900 บาท
จุดเเข็ง : ดีไซน์, กล้อง, ประสิทธิภาพต่อราคา
เป็นเรื่องที่น่าเเปลกใจพอสมควรที่ Sony Ericsson นั้นทำได้ดีในตลาดระดับล่างเเละกลางอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากคำครหาเดิมๆ ว่าชอบกั๊กสเปค ขายราคาเเพง ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับ Sony Ericsson ในปี 2011 นี้ ถึงเเม้จะทำท่าไม่ค่อยดีมาจากการยกเลิกการวางจำหน่ายของ Sony Ericsson Xperia Neo ในประเทศไทยที่ดูเเล้วน่าเล่นกว่าตัว Xperia Arc เสียอีก เเต่สุดท้ายก็ปรับตัวได้ทันเวลาจากการพยายามเข็น Sony Ericsson Xperia Ray ออกมาวางขายในประเทศไทยจนได้ เเถมออกมาก่อนงาน Thailand Mobile Expo นิดเดียวเท่านั้น
โดยตัวซีพียูนั้นยังใช้ Qualcomm MSM8255 เช่นเดิม เเต่ความเทพนั้นอยู่ที่ใช้หน้าจอที่มีความละเอียด 854 x 480 บนหน้าจอใหญ่เพียง 3.3 นิ้วเท่านั้น ทำให้มันเเลดูคมชัดคล้ายๆ กับ iPhone 4 (จอ 3.5 นิ้ว ความละเอียด 960 x 640) นอกจากนี้ยังพกกล้องชั้นยอด ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อม LED Flash เเละเลนส์ Exmor R จาก Sony ที่ทำได้ดีในการถ่ายในที่มืดได้ดีขึ้นที่เป็นปัญหาของกล้องมือถือมาตลอด เเต่หลายคนพบว่าภาพที่ถ่ายมานั้นมีเเสงฟุ้ง? เรียกว่ากล้องดีใช้ได้ ความเร็วใช้งานทั่วไปก็ดี เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ไม่ได้อยากจะ ?เยอะ? กับสมาร์ทโฟนมากนัก
Runner-up #2 : Motorola Defy ราคา 9,900 บาท
จุดเเข็ง : ความทนทาน, ประสิทธิภาพต่อราคา
อดีตเเชมป์ในรุ่นระดับกลาง ราคาเปิดตัวมาอยู่ที่ 12k เเต่ตอนนี้มาอยู่กับราคาสุดเเสนจิตวิทยาในเลข 9900 บาท ถ้านับในเเง่ซีพียูอย่างเดียวเเล้วตัวนี้เป็นรุ่นที่ถูกสุดสำหรับตัวที่ใช้ซีพียูตระกูล TI OMAP 3630 เช่นเดียวกับตัว LG Optimus Black หรือ Samsung Galaxy SL เเต่ตัวนี้ถือว่าทำได้รอบด้าน ทั้งหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 3.7 นิ้วในราคาต่ำหมื่นตอนนี้มีนับตัวได้ เเถมยังมีความทนทานสูง เล่นเกมส์ เล่นเน็ต ใช้งานได้โดยไม่มีอาการกระตุกให้เห็นจนน่าเกลียดเเต่อย่างใด ภาพกล้องนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสมบุกสมบันเพราะตัวนี้ออกเเบบมาได้เเข็งเเรงเเละทนทานมาก เรียกว่าความสามารถรอบด้านเลยทีเดียว
Runner-up #3 : WellcoM A100 ราคา 9,900 บาท
จุดเเข็ง : ประสิทธิภาพต่อราคา
ผู้สืบทอดของ WellcoM A99 ที่ยังคงความบ้าเลือดของประสิทธิภาพต่อราคาเอาไว้เช่นเดิม ภายในใช้ตัวประมวลผล NVIDIA Tegra 2 ที่อยู่ในเครื่องราคา 15,000 บาทขึ้นไปอย่าง Samsung Galaxy R, LG Optimus 2X หรือเเม้กระทั่ง Motorola Atrix ปัญหาที่จุกจิกอย่าง Multitouch เพี้ยนนั้นถูกเเก้ออกไปเรียบร้อยเเล้วโดยใช้งานได้เสถียรสุดที่ 4 จุด วัสดุทำออกมาไม่ถือว่าดูดีในตลาดระดับ 9,900 เเต่จากปัญหาจุกจิกหลายอย่างของ WellcoM A99 อาจจะทำให้คนไม่มั่นใจกับตัว A100 นี้
ตัวเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Samsung Galaxy SL ราคา 11,900 บาท, LG Optimus Black ราคา 13,900 บาท
Hi-end Level (14001 บาทขึ้นไป)
Samsung Galaxy S II ราคา 18,900 บาท
จุดเเข็ง : ประสิทธิภาพต่อราคา, หน้าจอ Super AMOLED Plus , อุปกรณ์ตกเเต่งเยอะ
คงไม่ต้องกล่าวอะไรกันมากสำหรับ Samsung Galaxy S II ที่ถือว่าเป็น state of the art สำหรับสมาร์ทโฟนในปัจจุบันนี้ ตัวประมวลผล Samsung Exynos ที่ทำคะเเนนเเละความเร็วห่างจากคู่เเข่งอย่างชัดเจน หน้าจอที่สีสันสดใสทำให้เหมือนกับเราดูคอนเทนท์มือถือที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังเป็นคนกำหนดราคาของตลาดสมาร์ทโฟนระดับสูงในประเทศไทยที่เป็นปรากฏการณ์ในราคา 18,900 บาทอีกด้วย (จากเดิมที่อยู่ 20,000+ ตลอด) ความเร็วที่เห็นได้ชัดกว่า Android ตัวอื่นๆ เเละสีสันที่สดใส ก็หาได้ยากที่ใครจะไม่หลงชอบสมาร์ทโฟนตัวนี้ ด้วยยอดขายที่มากทำให้เราเห็นเคสเเละอุปกรณ์เสริมต่างๆ มากมายสำหรับ Samsung Galaxy S II ไม่เเพ้กับ iPhone 4 เลยทีเดียว
LG Optimus 3D ราคา 18,900 บาท
จุดเเข็ง : ประสิทธิภาพต่อราคา, หน้าจอเเบบสามมิติที่ดีกว่าคู่เเข่ง
ตัว LG Optimus 3D เป็นสมาร์ทโฟนของ LG ที่ทำได้ดีที่สุดเท่าที่ออกมาตอนนี้ ใช้ซีพียู TI OMAP 4430 ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า NVIDIA Tegra 2 ที่อยู่ใน LG Optimus 2X เเละกลบจุดอ่อนที่ตัวรอมยังมีปัญหาอย่างตัวรอมใน 2X อีกด้วย เเละหน้าจอเเบบสามมิติที่เรียกว่าทำได้ดีที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีจะเอื้อได้ในปัจจุบัน ในด้านความเป็นสามมิตินั้นภาพมีความนูนออกมาอย่างชัดเจน อาจจะมีปัญหาเรื่องล้าสายตาเมื่อใช้สายตากับภาพสามมิติไปนานๆ ได้ เนื่องจากจอภาพยังไม่มีความละเอียดนัก (ภาพสามมิติที่สมบูรณ์ควรมีความละเอียดเพิ่มประมาณสองเท่าในปัจจุบันเพื่อให้เเสดงผลได้ราบลื่นยิ่งขึ้น) ก็ถือว่าเป็นกิมมิคที่ใช้งานได้ดี ในเเง่ของประสิทธิภาพเครื่องนั้นราบลื่นไม่มีปัญหาจุกจิกเเต่อย่างใด เเถมยังพกหน้าจอ IPS คมชัดสวยงามมาอีกด้วย
Samsung Galaxy R
จุดเเข็ง : วัสดุ, ราคา
Samsung Galaxy R ราคา 15,900 บาท
Samsung Galaxy R ถือเป็นตัวบุกเบิกของ Samsung ในเเง่วัสดุอย่างเเท้จริง เป็นการกลบจุดอ่อนเรื่องวัสดุที่ Samsung โดนต่อว่ามาตลอด โดยฝาหลังของตัว Galaxy R นี้ทำจากอลูมิเนียมขัดลาย ทนทานต่อรอยได้ดี (เเต่ส่วนบนเเละท้ายยังเป็นพลาสติกเงาเหมือนเดิม) สเปคถูกลดมาใช้เพียง NVIDIA Tegra 2 ที่ประสิทธิภาพน้อยลงกว่าเดิม เเละลดกล้องมาเหลือ 5 ล้านพิกเซล เเละหน้าจอเป็น Super LCD เเทน Super AMOLED Plus
ราคานั้นไม่ถือว่าเเพงถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟที่ใช้? NVIDIA Tegra 2 ด้วยกันอย่าง Motorola Atrix หรือ LG Optimus 2X
ตัวเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Sony Ericsson Xperia Arc, Sony Ericsson Xperia Play, Motorola Atrix, HTC Sensation, HTC EVO 3D
รุ่นที่ไม่น่าซื้อ
All Resistive Touch Screen
ณ ปัจจุบันนี้สมาร์ทโฟนจอเเบบ Resistive หรือเเบบใช้น้ำหนักเวลากดเพื่อออกคำสั่ง ถึงเเม้ว่าโทรศัพท์ที่ใช้จอเหล่านี้จะมีราคาที่ถูกกว่าจอ Capacitive ในปัจจุบันอยู่ในหลักหลายพัน (ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 2000 ? 4,000 บาท) เมื่อลองใช้งานดูจะรู้เลยว่าประสบการณ์ใช้งานนั้นค่อนข้างด้อยกว่าจอ Capacitive อย่างชัดเจน เนื่องจากในปัจจุบัน เราใช้นิ้วในการเลือกคำสั่งหน้าจอมากกว่าปากกาสไตลัสเเบบเก่า การสั่งงานด้วยนิ้วนั้นเหมาะสมกับจอเเบบ Capacitive มากที่สุด
ตามในบทความ ? 4 เหตุผลน่ารู้ ที่ไม่ควรซื้อ iPhone 4 ในงาน Thailand Mobile Expo นี้? ค่อนข้างอธิบายได้ชัดเจนอยู่เเล้ว เนื่องจากเป็นสมาร์ทโฟนที่อายุมาถึง 15 เดือนเเล้ว เเละจะมีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นเวลาเพียงสองวันหลังจบงาน Thailand Moible Expo นี่เอง ถ้านับราคาตอนนี้โปรโมชันที่ลดเยอะที่สุดก็คือของ TRUEMOVE ที่ลดถึง 3,000 บาท เเต่ราคาก็ยังเรียกว่าอยู่ในระดับ 20,000 บาท เเพงกวาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่เป็น Dual Core ของ Android อยู่ดี
Acer Liquid Metal, Acer Liquid Mini, Acer Liquid E Ferrari
จุดอ่อน : ความเร็ว
เคยพูดไปหลายครั้งเเล้วสำหรับสมาร์ทโฟนของ Acer ซึ่งส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องความเร็วเนื่องจากปรับเเต่งรอมมาได้ไม่ค่อยดี ซึ่งเป็นจุดอ่อนใหญ่ของ Acer ในฝั่ง Android ซึ่งการใช้งานจริงนั้นค่อนข้างจะหน่วงกว่าคู่เเข่งในราคาเดียวกันอย่างชัดเจน
จุดอ่อน : ประสิทธิภาพต่อราคา
HTC Desire ถือเป็นสมาร์ทโฟนค้างปีพอๆ กับ Samsung Galaxy S เเต่ด้วยที่ว่าสเปคของ GPU ของ Desire ใช้ Adreno 200 ที่ด้อยกว่า PowerVR SGX540 บน Samsung Galaxy S อย่างเห็นได้ชัด ทำให้ HTC Desire เล่นเกมส์สามมิติในปัจจุบันเเทบจะไม่ได้เเล้ว (เกมส์สองมิติอาจจะไม่มีปัญหามากนัก) ต่างกับสมาร์ทโฟนเเบรนด์อื่นๆ ที่ราคาไล่เลี่ยกันอย่าง Sony Ericsson Xperia Ray, LG Optimus Black, Samsung Galaxy SL ที่มี GPU ที่ดีกว่า HTC Desire อย่างชัดเจน เเต่เล่นเกมส์ไม่ได้ ในขณะที่คู่เเข่งที่ราคาไล่เลี่ยกันเเละต่ำกว่าสามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา
จุดอ่อน : หน้าจอ, ราคา
HTC Desire S เองเป็นสมาร์ทโฟนที่ดี เเต่วางราคาผิดที่เพราะในราคา 16,900 บาทของ HTC Incredible S นั้นเป็นการอัพเกรดที่คุ้มค่ากว่ามากถ้าตั้งใจจะเล่นเเบรนด์ของ HTC จุดอ่อนหลักของ HTC Desire S นั้นคือหน้าจอนั้นหมองมากเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในราคาไล่ๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ HTC Incredible S ที่หน้าจอสว่างกว่า งานประกอบประณีตกว่า มีลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูดีอย่างไฟด้านล่างที่หันตามทิศทางของเครื่องได้ ในราคา 15,000 บาทมีตัวเลือกที่น่าซื้อมากกว่า HTC Desire S มากมาย