ในงานเปิดตัว iPad ครั้งนี้ จะจัดให้ iPad mini 3 เป็นลูกเมียน้อยก็คงไม่ผิดนัก เนื่องจาก Apple ใช้เวลาในการนำเสนอแทบจะไม่ถึง 2 นาทีด้วยซ้ำไป แบบว่าถ้าเผลอไปเข้าห้องน้ำ ก็อาจจะกลายเป็นว่าเราหมดช่วงไปแล้ว โผล่มาเจอ iMac เลยก็ว่าได้ ซึ่งสาเหตุที่เป็นดังกล่าว ก็เพราะว่าอันที่จริงแล้ว iPad mini 3 มีจุดแตกต่างจาก iPad mini 2 น้อยมากๆ นั่นเอง เรามาดูกันครับว่ามีอะไรบ้างที่น่าสนใจ
ถ้าให้เทียบสเปคกันตรงๆ แล้ว ต้องบอกว่าสเปค iPad mini 3 นั้นแทบจะไม่แตกต่างไปจาก iPad mini 2 เลย เนื่องด้วยยังคงใช้ชิป Apple A7 ตัวเดิม ไม่ได้ขยับไปใช้ชิป Apple A8X เหมือนกับ iPad Air 2 ประกอบกับหน้าจอที่ยังคงใช้ความละเอียดเท่าเดิมอยู่ เราจึงคาดได้ว่าประสิทธิภาพ ความแรง ความลื่นในการใช้งานของ iPad mini 3 นั้นคงจะไม่แตกต่างไปจาก iPad mini 2 ซักเท่าไร ส่วนของกล้องถ่ายรูปก็ใช้ที่ความละเอียดเท่าเดิมทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า แต่ดูเหมือนว่าในส่วนของการประมวลผลภาพจะดีขึ้นเล็กน้อย ทำให้สามารถถ่ายภาพออกมาได้ดีขึ้น
เรื่องของตัวเครื่องก็มาในขนาดเดิมเลย แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนกับเอาบอดี้เดิมมาใช้ก็ว่าได้ แต่ถ้าดูในแง่ของรายละเอียดจริงๆ แล้ว จะพบว่าหน้าตาของ iPad mini 3 จะมีจุดแตกต่างจาก iPad mini 2 อยู่นะครับ
จุดแรกที่สังเกตได้ง่ายก็คือที่ปุ่มโฮมครับ เพราะปุ่มโฮมของ iPad mini 3 จะเป็นปุ่มโฮมที่มีเซ็นเซอร์ Touch ID สำหรับสแกนลายนิ้วมือติดอยู่ด้วย หน้าตาก็จะเป็นแบบเรียบๆ เหมือนใน iPhone 5s, iPhone 6, iPhone 6 Plus และ iPad Air 2 เลย ส่วนปุ่มโฮมของ iPad mini 2 ก็จะเป็นปุ่มแบบธรรมดา มีร่องเว้าลงไป และมีสัญลักษณ์ของปุ่มโฮมอยู่ภายในปุ่มด้วย อันนี้นับเป็นจุดสังเกตความแตกต่างที่ง่ายสุดแล้วครับ
อีกจุดที่แตกต่างกันของบอดี้ iPad mini 3 กับ iPad mini 2 ก็คือที่กล้องหลัง สังเกตว่ารอบๆ กล้องหลัง iPad mini 3 จะราบเรียบไปหมดเลย ต่างจากใน iPad mini 2 ที่จะมีวงกลมซ้อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง ดูชัดๆ จากภาพนี้ก็ได้ครับ ว่ารอบกล้อง iPad mini 3 มันราบเรียบไปหมดจริงๆ
iPad mini 3 กับ iPad mini 2 ซื้อเครื่องไหนดี?
ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่หลายๆ ท่านสงสัยกันแล้วครับ ว่าถ้าจะซื้อ iPad mini ซักตัว จะซื้อแค่ iPad mini 2 หรือจะยอมลงทุนเพิ่ม ซื้อ iPad mini 3 ไปเลยดี สำหรับข้อนี้ ขอแยกเป็นแต่ละปัจจัยที่ใช้คิดพิจารณาก่อนซื้อแล้วกันนะ
งบประมาณ
ถ้าใครไม่เกี่ยงเรื่องงบ ก็จัด iPad mini 3 ไปเลย ของใหม่กว่า ย่อมได้ฟีเจอร์มากกว่าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Touch ID, Apple Pay สำหรับการซื้อของออนไลน์, กล้องก็ (น่าจะ) ดีขึ้น แต่สำหรับใครที่อยากได้เครื่องคุ้มๆ ใช้งานได้ดี อันนี้ส่วนตัวขอแนะนำว่าซื้อ iPad mini 2 ก็พอครับ ราคาต่างกันเป็นพัน เพราะประสิทธิภาพนั้นคงไม่ต่างจาก iPad mini 3 มากนัก ตัวเครื่องก็ขนาดและน้ำหนักเท่าเดิม กล้องถ่ายรูปก็คงไม่ได้เน้นมากนัก ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอย่าง Touch ID นั้น เอาจริงหลายๆ ท่านคงไม่ได้ใช้กันเท่าไรนัก เพราะการที่จะถือเครื่องด้วยมือหนึ่ง และใช้นิ้วแตะปุ่มโฮมเพื่อปลดล็อคหน้าจอ คงไม่ใช่ท่าทางที่สะดวกมากนัก จะใช้งานร่วมกับระบบ Apple Pay ก็ไม่น่าจะคุ้มอีก เพราะเราคงไม่ได้ซื้อของผ่านเน็ตที่รองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pay กันบ่อยๆ นอกจากซื้อแอพบน App Store ดูแล้วยอมกรอกรหัสผ่านเองดีกว่าเสียเงินเพิ่มเพื่อ Touch ID ล่ะนะ
แถมเชื่อว่าการใช้งานของหลายๆ ท่านส่วนใหญ่ก็จะใช้งาน iPad คู่กับเคสที่มีฝาปิดแบบที่สามารถล็อคหรือปลดล็อคหน้าจอได้เมื่อเปิด/ปิดฝาเคสอยู่แล้ว ตัว Touch ID จึงแทบจะไม่จำเป็นเลย
ความแรง
จุดนี้ ต้องบอกว่าความแตกต่างด้านความแรง ความลื่นระหว่าง iPad mini 3 กับ iPad mini 2 คงไม่น่าจะมีมากนัก เพราะยังใช้ชิปประมวลผล Apple A7 เหมือนเดิม นับว่าผิดคาดมากทีเดียว ดังนั้นเรื่องของการเล่นเกม ใช้แอพคงจะไม่แตกต่างกันซักเท่าไร ซื้อ iPad mini 2 ก็พอแล้ว
ความจุ
สำหรับคนที่ต้องระบุเรื่องความจุเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกซื้อ iPad mini ด้วย ถ้าต้องการแค่ 16 GB ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ คุณยังสามารถเลือกได้ทั้ง iPad mini 3 และ iPad mini 2 เลย แต่สำหรับใครที่ต้องการความจุอื่นๆ จำเป็นต้องหาตามนี้แล้วนะ
ความจุ 32 GB – iPad mini 2 เท่านั้น
ความจุ 64 GB – iPad mini 3 เท่านั้น
ความจุ 128 GB – iPad mini 3 เท่านั้น
แต่ทั้งนี้ ในช่วงแรกๆ เราน่าจะยังหาซื้อ iPad mini 2 ความจุ 64 GB และ 128 GB ตามร้านต่างๆ ในไทยเราได้อยู่ครับ เพราะจะต้องทำการเคลียร์สต็อกสินค้ากัน เผลอๆ อาจมีราคาพิเศษด้วยนะ ต้องติดตามข่าวกันดีๆ ไม่แน่อาจได้ iPad mini 2 64 GB มาในราคาพิเศษก็ได้ ^^
สี
ถ้าใครเจาะจงว่าต้องการ iPad mini สีทอง อันนี้คุณไม่มีทางเลือกเลยครับ นอกจากจะซื้อ iPad mini 3 สถานเดียว เพราะ iPad mini 2 ไม่มีสีทองจ้า
ถ้าจะซื้อ iPad mini 3 จะซื้อเครื่องศูนย์หรือเครื่องหิ้วดี?
ข้อนี้ แล้วแต่กำลังทรัพย์และความอยากได้เลยครับ ถ้าอยากเล่นเร็วๆ ยอมจ่ายได้ ก็จัด iPad mini 3 เครื่องหิ้วไปได้เลย เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศกลุ่มแรกที่จะได้ขาย iPad mini 3 (รวมถึง iPad Air 2 ด้วย) อย่างเร็วก็คาดว่าน่าจะเป็นภายในเดือนหน้า ถ้าคิดว่ารับราคาเครื่องหิ้วในไทยช่วงแรกได้ ก็เดินหาซื้อกันได้เลยจ้า ไม่แน่ราคาอาจจะดีเหมือนปีที่แล้วก็ได้ ที่ราคาเครื่องหิ้วช่วงแรกๆ ต่างจากราคาเครื่องศูนย์ไทยแค่หลักร้อยเท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องการรับประกันนั้น iPad รับประกันทั่วโลกอยู่แล้วครับ ซื้อที่ไหนก็ได้เลย