Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Editorial»คู่มือเบื้องต้นในการดูสเปคเเละเทคโนโลยีในสมาร์ทโฟน
    Editorial

    คู่มือเบื้องต้นในการดูสเปคเเละเทคโนโลยีในสมาร์ทโฟน

    SylenthBy Sylenth6 มีนาคม 2013Updated:18 มีนาคม 2014
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    ถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อสองถึงสามปีทีผ่านมาก็คงเห็นว่าสมาร์ทโฟนนั้นมีการเปลี่ยนเเปลงด้านเทคโนโลยีที่สูงมาก ทำให้มีคำศัพท์ด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตามชื่อของผู้คิดค้นเเละพัฒนา ซึ่งผลของมันนั้นทำให้สมาร์ทโฟนในปัจจุบันมีความสามารถสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับในอดีต เเละทำงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน Productivity อย่างงานเอกสาร เช็คอีเมล์ การใช้งานด้าน Social Network ในการติดตามข้อมูลข่าวสารทั่วไป เเละด้านมัลติมีเดียอย่างการดูหนังฟังเพลง เล่นเกมภาพความละเอียดสูงได้บนมือถือเเบบสบายๆ เเล้วในปัจจุบัน

    ถ้าเปรียบภาพรวมให้เข้าใจได้ง่ายๆ สมาร์ทโฟนในปัจจุบันมีลักษณะที่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ ที่มีตัวประมวลผลเป็นส่วนกลางในการคำนวณคำสั่งต่างๆ ที่เราป้อนเข้าไปในโทรศัพท์ มีหน้าจอไว้เเสดงผลเเละปุ่มต่างๆ ไว้ควบคุมการทำงานของเครื่อง เเรมไว้เก็บข้อมูลที่เราเรียกใช้งานชั่วคราว รวมไปถึงฟีเจอร์อื่นๆ ที่ทำให้สมาร์ทโฟนใช้งานได้หลากหลาย อย่างกล้องถ่ายรูป เซนเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงระบบ GPS นำทาง ทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์สามารถใช้งานได้หลายด้านตามความต้องการ

     

    ตัวประมวลผล

    ถ้าพูดถึงส่วนที่สำคัญที่สุดของสมาร์ทโฟนในปัจจุบันอาจจะกล่าวได้ว่าคือตัวประมวลผล ซึ่งในปัจจุบันตัวประมวลผลบนมือถือนั้นประกอบไปด้วย CPU เเละ GPU ในตัวเดียวกัน ซึ่งตัวประมวลผลนี้ส่งผลโดยตรงต่อความเร็วเเละความลื่นไหลในการใช้งานโดยตรงของเครื่อง ซึ่งปกติเเล้วเครื่องระดับไฮเอนด์จะใช้ตัวประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้การใช้งานนั้นมีความเร็วสูงตามไปด้วย ในขณะที่เครื่องรุ่นล่างเเละกลางก็จะใช้ตัวประมวลผลที่มีประสิทธิภาพรองลงมา องค์ประกอบหลักๆ มีสามส่วนดังนี้ครับ

    • ความเร็วซีพียู ถูกวัดด้วยค่า MHz เเละ GHz จำนวน 1000 MHz จะถูกนับเป็น 1 GHz จำนวนยิ่งมากยิ่งประสิทธิภาพสูง
    • จำนวนคอร์ จำนวนคอร์ยิ่งมากยิ่งสามารถรองรับการทำงานได้ดีขึ้น เเบ่งเป็น Single Core, Dual Core เเละ Quad Core (1 คอร์ 2 คอร์ เเละ 4 คอร์) เห็นผลได้ชัดในการสลับเรียกโปรเเกรมหรือมีโปรเเกรมทำงานพื้นหลังอยู่
    • สถาปัตยกรรม เรียงจากจำนวนตัวเลข โดยเริ่มจาก ARM Cortex A5, A8, A9 เเละ A15 ในความเร็วเท่ากัน ถ้าสถาปัตยกรรมดีกว่าจะมีความเร็วที่สูงกว่า เช่น Cortex A9 ที่ความเร็ว 1 GHz ประสิทธิภาพจะสูงกว่า ARM Cortex A5 ความเร็ว 1 GHz เเต่ Qualcomm นั้นมีสถาปัตยกรรมที่เเยกต่างหากจาก ARM โดย Scorpion จะเทียบเท่า Cortex A8 ส่วน Krait จะอยู่เหนือกว่า Cortex A9 แต่ไม่ถึง Cortex A15 ครับ
    • เทคโนโลยีการผลิต ในปัจจุบันเเบ่งเป็น 40 นาโนเมตร 32 นาโนเมตร 28 นาโนเมตร และ 22 นาโนเมตร จำนวนยิ่งต่ำยิ่งประหยัดพลังงานเเละมีประสิทธิภาพดีกว่าในจำนวนความเร็วซีพียูที่เท่ากัน
    • GPU ส่วนใหญ่วัดจากชื่อรุ่น โดยดูจากผลเทสว่าทำคะเเนนได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆ เเค่ไหน

    โดยในช่วงหลังๆ เราจะได้เห็นชิปประมวลผลที่มีคอร์ในการประมวลผลสูงสุดถึง 8 คอร์ด้วยกัน (Octa Core) โดยตัวอย่างชิปประมวลผลที่เราจะได้เห็นบ่อยๆ จากแต่ละค่ายก็เช่น

    Qualcomm

    สำหรับชิปล็อตเก่าจะมีด้วยกัน 4 ไลน์ย่อย ได้แก่ Play, Plus, Pro และ Prime (เรียงลำดับความแรงจากน้อยไปมาก) ซึ่งตัวอย่างของชิปที่ได้รับความนิยมของแต่ละไลน์ก็เช่น

    • Play : MSM8225 (Dual Core)
    • Plus : MSM8227 (Dual Core), MSM8260A (Dual Core), MSM8960 (Dual Core)
    • Pro : APQ8064 (Quad Core)
    • Prime : MPQ8064 (Quad Core)

    ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นชิปประมวลผลรุ่นใหม่ของ Qualcomm ที่ปรับการเรียกชื่อซีรี่ย์ให้เป็นตัวเลข 3 หลัก เช่น Snapdragon 800, Snapdragon 600, Snapdragon 400 และ Snapdragon 200

    NVIDIA Tegra 4

    ด้านของ NVIDIA เอง ก็ได้ทำการเปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ของตนออกมา นั่นก็คือ Tegra 4 ซึ่งยังคงคอนเซ็ปท์การแบ่งคอร์ประมวลผลเป็นสองชุดอยู่เช่นเดียวกับ Tegra 3 คือมี 1 คอร์สำหรับประมวลผลงานเบาๆ ทั่วไป และระหว่างสแตนด์บาย ส่วนอีก 4 คอร์ที่เหลือจะเก็บไว้ใช้สำหรับการประมวลผลหนักๆ ซึ่งช่วยให้ในระหว่างการทำงานทั่วไป ระบบจะไม่กินพลังงานมากนัก ส่วนด้านการประมวลผลกราฟิก ก็มีการเพิ่มคอร์ของ GPU ทำให้ประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกสูงขึ้นกว่า Tegra 3 ถึงหกเท่า

    Samsung Exynos

    ส่วนของ Samsung เองก็ได้จัดการเปิดตัวชิปประมวลผล Exynos รุ่นใหม่ของตนด้วยเช่นกัน ในชื่อ Exynos Octa ที่น่าสนใจก็คือมีคอร์ประมวลผลสูงสุดถึง 8 คอร์ แต่จะแบ่งคอร์ออกเป็นสองชุด คือชุดที่ใช้สถาปัตยกรรม Cortex A7 จำนวน 4 คอร์ ไว้สำหรับประมวลผลงานเบาๆ ธรรมดาทั่วไป ส่วนอีก 4 คอร์เป็นสถาปัตยกรรม Cortex A15 โดยเอาไว้ใช้ประมวลผลงานหนักๆ ซึ่งตัวของ Exynos Octa นี้น่าจะลงมาอยู่ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตรุ่นไฮเอนด์ของ Samsung อย่างเช่น Galaxy Note 3 ตัวรหัส?SM-N900

    Intel Atom

    Intel Atom processor คือชื่อของซีพียูตระกูลใหม่ของอินเทลที่ออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์พกพาขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็น Mobile Internet Devices หรือ Sub notebook ?ซึ่งมีเทคโนโลยีการผลิตสูงที่สุดแบบ 22 นาโนเมตร มีทั้งแบบ Single Core, Dual Core ไปจนถึงระดับ Quad Core

    ชิปประมวลผลจากผู้ผลิตรายอื่นๆ

    ชิปประมวลผลประเภทนี้จะพบมากในเครื่องราคาประหยัด หรือที่เรียกง่ายๆ ว่ามือถือจีน แท็บเล็ตจีน รวมไปถึงแท็บเล็ตราคาประหยัดจากอินเตอร์แบรนด์หลายๆ รายที่หันลงมาเล่นตลาดนี้ด้วย ซึ่งเครื่องกลุ่มนี้มักจะใช้ชิปประมวลผลจาก MediaTek เป็นหลัก ซึ่งประสิทธิภาพก็อยู่ในระดับที่สามารถใช้งานทั่วไปได้สบายๆ แต่อาจจะมีกระตุกบ้างถ้ามีการใช้งานหนักๆ ซึ่งก็เป็นไปตามราคาเครื่องครับ

     

    เเรม

    samsung-20nm-lpddr2

    เเรมหรือหน่วยความจำนั้นเป็นที่เก็บข้อมูลชั่วคราวที่เรากำลังเรียกใช้งานอยู่ ซึ่งปกติเเล้วเเรมจะมีความเร็วสูงกว่าข้อมูลที่เก็บเอาไว้ในพื้นที่เก็บข้อมูลปกติ (รอม) ทำให้สามารถใช้งานเเบบมัลติทาสก์ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้เเล้วเเอพลิเคชันบางตัวมีการใช้งานหน่วยความจำที่สูง จึงไม่มีเเรมเพียงพอที่จะรันเซอร์วิสในเเบคกราวด์อื่นๆ ทำให้เกิดอาการเเอพลิเคชันไม่รันในเเบคกราวด์เพราะโปรเเกรมที่อยู่ในพื้นหลังจะปิดตัวเองอัตโนมัติถ้าเเรมไม่พอ ทำให้ไม่สามารถใช้งานมัลติทาสก์ได้อย่างเต็มที่ถ้าเเรมมีน้อยเกินไป เพราะเมื่อสลับเเอพนั้นจะเหมือนเราเปิดเเอพขึ้นมาใหม่เสมอ ไม่ใช่สภาพล่าสุดที่เราใช้งานเเรมมาตรฐานถ้าต้องการใช้งานได้ดีขั้นต่ำควรอยู่ที่ 512 MB ขึ้นไปครับ โดยในปัจจุบันแรมของสมาร์ทโฟนจะมีแบ่งตามระดับราคาคร่าวๆ ดังนี้

    • สมาร์ทโฟนช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาท โดยมากจะมีแรมอยู่ที่ 512 MB
    • สมาร์ทโฟนช่วงราคา 10,001 บาท – 15,000 บาท โดยมากจะมีแรมอยู่ที่ 1 GB
    • สมาร์ทโฟนช่วงราคา 15,001 บาท ? 20,000 บาท โดยมากจะมีแรมทั้ง 1 GB และ 2 GB (ในตัวระดับท็อปบางยี่ห้ออาจมีแรมมากถึง 3GB)

     

    รอม

    Screenshot_2012-08-22-12-30-00

    รอมหรือพื้นที่เก็บข้อมูลนั้นในปัจจุบันได้พัฒนาความจุไปมาก โดยส่วนใหญ่เเล้วในรุ่นระดับกลางก็จะเห็นตั้งเเต่ 8 GB ขึ้นไป ซึ่งจะเเบ่งออกเป็นสองส่วนคือ System Partition ที่เป็นส่วนของระบบในการติดตั้งตัวรอมเเละพื้นที่ติดตั้งเเอพลิเคชันในเครื่อง ส่วนที่เหลือก็เป็นที่เก็บข้อมูลเเบบปกติเหมือนกับ SDcard ทั่วไป เช่น เอาไว้เก็บรูปหรือเพลงได้

     

    ขนาดเเละความละเอียดของหน้าจอ

    top-5-smartphone-uri-ieftine_5_size61

    ในปัจจุบันหน้าจอของสมาร์ทโฟนมีตั้งเเต่ขนาด 3 นิ้วไปจนถึง 6 นิ้ว ซึ่งมีให้เลือกตามความเหมาะสม สำหรับคนที่ไม่ใช้งานบ่อยมากในการพกพาอาจจะเลือกตัวที่มีหน้าจอตั้งเเต่ 3.7 นิ้วลงมา นอกจากนี้เเล้วหน้าจอที่มีขนาดเล็กมักจะมีราคาต่ำกว่าอีกด้วย สำหรับมือถือชนิดนี้่หน้าจอความละเอียดสูงสุดจะอยู่ที่ 480 x 320 พิกเซลลงมา

    สำหรับคนที่ต้องใช้งานสมาร์ทโฟนบ่อยรวมไปถึงอ่านข่าวสารจากสมาร์ทโฟนเป็นหลักนั้น ควรเลือกหน้าจอที่มีขนาด 4 นิ้วขึ้นไป เพราะตัวอักษรจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเเละอ่านได้สบายตากว่าในระยะเวลานาน ส่วนความละเอียดหน้าจอนั้นควรจะอยู่ที่ 800 x 480 พิกเซลขึ้นไป โดยในปัจจุบันนี้มีหน้าจอขนาด 4.8 นิ้วไปจนถึง 5.5 นิ้วสำหรับคนที่ต้องการหน้าจอขนาดใหญ่เป็นพิเศษ

    โดยช่วงหลังมานี้ เราจะได้เห็นสมาร์ทโฟนที่มีจอใหญ่ระดับ 5 นิ้วขึ้นไปมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้สามารถทำให้มีพื้นที่ว่างตรงขอบจอน้อยมาก ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดไม่เทอะทะเหมือนแต่ก่อน เผลอๆ ขนาดอาจจะใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนหน้าจอ 4.7 นิ้วรุ่นเก่าๆ เสียด้วยซ้ำ ส่วนความละเอียดจอนั้น ในสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปส่วนมากก็จะมีความละเอียดจอระดับ 1920 x 1080 จากนั้นก็ลดหลั่นลงมา เช่น 1280 x 720 เป็นต้น

     

    เทคโนโลยีหน้าจอ

    2976736088

    ปัจจุบันนี้หน้าจอเเยกออกเป็นสองเเบบใหญ่ๆ คือ LCD เเละ AMOLED โดย LCD นั้นจะเป็นเทคโนโลยีเเบบดังเดิมคือมีเเสงไฟปล่อยจากข้างหลังจอเเละมีการเปิดปิดของพิกเซลในการเเสดงสี ส่วน AMOLED นั้นพิกเซลจะเปล่งเเสงได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยไฟ Backlit เหมือน LCD

    โดยธรรมชาตินั้นข้อดีของ LCD คือสามารถเเสดงสีได้เป็นธรรมชาติเเละมีอายุการใช้งานยาวนาน อีกทั้งยังมีต้นทุนที่ต่ำเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีมานานเเล้ว ข้อจำกัดคือไม่สามารถเเสดงสีดำได้สนิทนักโดยจะเห็นว่ามีเเสงสีขาวเเสดงขึ้นมาบ้าง

    ส่วน AMOLED นั้นมีข้อดีคือสามารถเเสดงสีดำได้สนิทเนื่องจากเป็นการ ปิดการเเสดงสีของพิกเซลที่เเท้จริง เเละไม่มีเเสงไฟปล่อยจากด้านหลังเหมือนหน้าจอ LCD เเต่ส่วนใหญ่เเล้วจอ AMOLED นั้นจะมีการเเสดงคอนทราสที่สูง ทำให้สีนั้นมีความสดกว่าต้นฉบับ ซึ่งอาจจะกระทบต่อการใฃ้งานสำหรับคนที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีได้

    จอ LCD ในปัจจุบันเเบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ

    • TN Panel (Twisted nematic) เป็นหน้าจอเเบบปกติที่ใช้กันทั่วไป ส่วนใหญ่ใช้ในเครื่องระดับล่าง – กลาง
    • IPS Panel (In-Plane-Switching) เป็นพาเนลที่ถูกพัฒนาในเรื่องของมุมการมองที่กว้างขึ้นกว่า TN เเละสร้างเม็ดสีที่ออกมาคมชัดเเละเที่ยงตรงกว่าเเบบ TN โดยจอ IPS ส่วนใหญ่ถูกใช้ในเครื่องระดับกลางไปทางสูงเเละเครื่องระดับสูง

    ส่วนจอ OLED นั้นปัจจุบันที่ถูกใช้กันอย่างเเพร่หลายมีเฉพาะของ Samsung เท่านั้นโดยในชื่อเครื่องหมายการค้าของ Samsung ที่ชื่อ Super AMOLED ซึ่งข้อดีชองจอชนิดนี้ก็อย่างที่กล่าวมาข้างต้นคือ นอกจากนี้เเล้วยังมีการประหยัดพลังงานที่ยืดหยุ่นตามการใช้งาน คือจะใช้พลังงานเมื่อเฉพาะมีการเปล่งเเสงสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำออกมา เเต่ถ้ามือถือมีการเปล่งเเสงอื่นๆ (ขาว เเดง เขียว น่้ำเงิน เเละอื่นๆ) ออกมามากที่ไม่ใช่สีดำก็มีอัตราการกินพลังงานไม่ต่างกับหน้าจอชนิดอื่นเช่นกัน

    จอ Super AMOLED ในปัจจุบันเเบ่งออกมาสองประเภทหลักๆ คือ

    • การเรียงพิกเซลเเบบ Pentile การเรียงพิกเซลโดยใช้จำนวน Subpixel ที่ไม่ใช่ตามปกติ (RGB) โดยมีการเพิ่ม Subpixel เข้าไปทำให้พิกเซลนั้นไม่ได้เรียงตัวเเบบปกติเเละมีรอยหยักที่เห็นได้ชัดเจนเเละไม่คมชัดเท่าเเบบ RGB เเบบปกติ จอที่มีการเรียงเเบบ Subpixel จะมีสีที่เพี้ยนตามจำนวน Subpixel ที่เพิ่มเข้ามา เช่นถ้าเป็น RGBG ภาพก็จะออกมาเป็นโทนเขียวมากกว่าปกติ เเม้จะเเสดงสีขาวก็จะเป็นเเบบสีขาวอมเขียว ซึ่งทาง Samsung ได้บอกว่าการเรียงพิกเซลเเบบนี้จะทำให้จอ Super AMOLED มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นเพราะจะมีพิกเซลสีน้ำเงินน้อยกว่าปกติซึ่งเป็นเม็ดพิกเซลที่เสื่อมสภาพก่อนเม็ดอื่นๆ
    • การเรียงพิกเซลเเบบ RGB เป็นการใช้การเรียงพิกเซลเเบบมาตรฐานเหมือนกับจอ LCD ทำให้ไม่ภาพที่ได้ออกมาไม่มีรอยหยักเเละมีความคมของภาพมากกว่า

    1955377078

     

    กล้อง

    nokia-808-pureview-1

    เทคโนโลยีกล้องสำหรับมือถือในตอนนี้ส่วนใหญ่เเล้วจะเเข่งกันที่ความละเอียดพิกเซลเสียส่วนใหญ่ เเต่ก็มีการพัฒนาในเรื่องของค่ารูรับเเสงที่ดียิ่งขึ้นทำให้ถ่ายรูปในที่เเสงน้อยได้ดีกว่าเดิม โดยดูจากค่า F ที่มีจำนวนยิ่งน้อยถือว่ายิ่งรับแสงสว่างได้ดี เช่น F2.2 นั้นดีกว่ากล้องที่มีค่า F ที่ 2.4 ซึ่งนอกเหนือจากค่า F ที่มีเลขน้อยจะช่วยให้รับแสงสว่างได้ดีขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้สามารถถ่ายภาพแบบ “หน้าชัดหลังเบลอ” ได้ดีขึ้นอีกด้วย เเละส่วนใหญ่ก็มี LED Flash มาให้สำหรับเพิ่มเเสงสว่างเวลาถ่ายในที่มืดเหมือนกันหมด

    อย่างไรก็ตามกล้องที่มีคุณภาพดีนั้น ปัจจัยหลักที่สำคัญคือเรื่องของเซนเซอร์ที่ยังไม่มีการพูดถึงกันมากนักสำหรับผู้ผลิต ทำให้ส่วนใหญ่ต้องดูจากภาพถ่ายของเครื่องจริง หรือข้อมูลเฉพาะรุ่นเป็นส่วนใหญ่ว่าเน้นเรื่องกล้องมากเเค่ไหน ส่วนใหญ่เเล้วมือถือที่กล้องมีคุณภาพสูงจะมาจาก Nokia เเละ Sony เป็นส่วนมาก นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของภาพถ่ายก็คือเรื่องของซอฟต์แวร์และกระบวนการประมวลผลภาพในตัวเครื่อง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตอีกเช่นกัน ว่าจะทำส่วนนี้ออกมาได้ดีขนาดไหน ไล่มาตั้งแต่ก่อนถ่ายภาพเลย ว่าจะคำนวณค่าความสว่าง, White Balance, ISO ได้ดีขนาดไหน รวมไปถึงกระบวนการประมวลผลหลังถ่ายภาพแล้วอีก ทำให้ไม่สามารถฟันธงได้ 100% ว่ากล้องตัวไหนจะดีจะแย่ขนาดไหน ต้องชมจากภาพตัวอย่างที่เอามาเปิดบนจอเดียวกัน ไม่ใช่เปิดบนจอมือถือเครื่องใครเครื่องมันครับ

    อีกเทคโนโลยีหนึ่งที่เรียกได้ว่าสวนกระแสในวงการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนก็คือเทคโนโลยี UltraPixel จาก HTC ที่เริ่มเปิดตัวใน HTC One เป็นรุ่นแรก โดยเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เน้นตัวเลขความละเอียดภาพ แต่ไปเน้นที่คุณภาพของเซ็นเซอร์แทน ทำให้ภาพถ่ายมีความละเอียดสูงสุดเพียง 4 MP เท่านั้น แต่ HTC เคลมว่าภาพที่ออกมามีคุณภาพเทียบได้กับกล้อง 8 หรือ 13 MP ได้อย่างสบายๆ ส่งผลให้เลขความละเอียดไม่สามารถบ่งชี้ถึงคุณภาพของกล้องสมาร์ทโฟนได้ 100% อีกต่อไป

     

    การเชื่อมต่อ 3G และ 4G

    Galaxy-S3-AIS_dtac_Truemove-H

    ปัจจุบันนั้นในประเทศไทยจะมีผู้ให้บริการเครือข่ายเเบ่งเป็นของ true เเละ dtac ในความถี่ 850/2100 MHz, AIS ที่ 900/2100 MHz เเละ ซึ่งต้องมีการเชคให้ดีโดยเฉพาะเครื่องในระดับกลาง (ช่วงราคา 8000 – 14000 บาท) ว่าสนับสนุน 3G ที่คลื่นไหนบ้าง โดยสามารถดูได้จากหน้าดาต้าเบสครับ ส่วนเครื่องระดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่จะรองรับทุกเครือข่ายอยู่เเล้ว

    อีกความเเตกต่างหนึ่งคือความเร็วสูงสุดของ 3G ที่รองรับ โดย HSPA จะรองรับที่ความเร็วสูงสุด 7.2 Mbps ส่วนเครื่องที่รองรับ HSPA+ นั้นจะได้ความเร็วสูงสุดถึง 21 Mbps

    และอีกหนึ่งรูปแบบการเชื่อมต่ออย่าง 4G LTE ที่ทาง True ก็ได้เปิดให้ใช้บริการได้บางจุดในกรุงเทพฯ ได้แล้ว ก็ต้องมาดูว่าสมาร์ทโฟนนั้นรองรับการเชื่อต่อแบบ 4G LTE หรือไม่ แต่ส่วนมากรุ่นท็อปหลายๆ รุ่นมักจะรองรับกันค่อนข้างครบครัน เว้นแต่ในรุ่นที่บางทีทำออกมา 2 รหัส เช่น Galaxy Note 3 รหัส SM-N9005 (รองรับ 4G LTE) กับรหัส SM-N900 (ไม่รองรับ 4G LTE) ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากหน้าสเปคของเราได้เช่นกันว่ามีรุ่นไหนรองรับ 4G LTE บ้าง?

     

    Bluetooth

    196ntitled-1

    สิ่งที่เเตกต่างในเเต่ละเลขเวอร์ชันของ Bluetooth คือความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์กับเครื่อง ในเวอร์ชันล่าสุดคือ Bluetooth 4.0 นั้นถูกออกเเบบมาให้ใช้พลังงานต่ำเเละมีความเร็วในการเเพร์อุปกรณ์ที่เร็วกว่าเดิม อีกทั้งยังมีระยะทำการที่กว้างขึ้น

     

    Wi-Fi

    FINAL FINAL WiFi next logo

    เป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจากอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi อย่างเราเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เเล้วรองรับกับอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi ที่รองรับเทคโนโลยีใหม่สุดคือ 802.11n ที่กำลังจะเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในอีกไม่นานนี้ ไม่มีความเเตกต่างกันระหว่างรุ่นมากนัก ส่วนมาตรฐาน 802.11ac นั้นก็เริ่มมีลงมาในสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปบางรุ่นบ้างแล้ว แต่อุปกรณ์ส่งคลื่น (เช่นพวก router) ยังไม่มีอยู่ในตลาด ดังนั้นก็ยังไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในปีนี้ครับ

     

    GPS

    glonass_tableimage-425x317-1

    ระบบจับตำเเหน่งของผู้ใช้โดยใช้สัญญาณดาวเทียม ซึ่งจริงๆ เเล้ว GPS นั้นหมายถึงระบบดาวเทียมระบุตำเเหน่งของสหรัฐ โดยมีดาวเทียมทั้งหมด 31 ดวงในการช่วยระบุตำเเหน่ง เเต่จริงๆ เเล้วระบบดาวเทียมยังมีของ GLONASS ที่ใช้บริการดาวเทียมของรัสเซียอีก 24 ดวงฝนการระบุตำเเหน่งเช่นเดียวกัน

    โดยสรุปเเล้วมือถือที่รองรับ GPS เเละ GLONASS นั้นจะสามารถระบุตำเเหน่งได้รวดเร็วเเละเที่ยงตรงกว่า โดยมือถือที่ใช้ก็มีของ Sony, Apple, Samsung, Motorola เเละตัวที่ใช้ชิปเซทของ Qualcomm Snapdragon S4 ก็สนับสนุน GLONASS เเล้วเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องดูเป็นรายตัวไป (ยกเว้นตัวที่ใช้ Snapdragon S4 นั้นสนับสนุนเเน่นอน)

     

    เเบตเตอรี่

    550x-iphone-4-battery-remov

    ในปัจจุบันเเบตเตอรี่ที่ใช้ส่วนใหญ่นั้นมีสองประเภทใหญ่ๆ คือ Li-ion เเละ Li-Po ที่ไม่เเตกต่างกันด้านการใช้งานเท่าไรนัก เเต่ Li-Po จะมีข้อได้เปรียบตรงที่ไม่เกิดอาการเเบตเตอรี่ระเบิดเเบบ Li-ion ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยกว่าเเน่นอน

    ค่าของเเบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนนั้นถูกนับหน่วยเป็น mAh มียิ่งมากยิ่งถือว่าใช้งานได้ยาวนานขึ้น เเต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ อย่างหน้าจอเเละตัวประมวลผลด้วย

    smartphone
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Sylenth

    Related Posts

    วิธีเช็คเบอร์ตัวเอง AIS, true, dtac กดอะไร เช็คเบอร์มือถือตัวเองง่ายๆ ทำได้ทุกค่าย!

    15 พฤษภาคม 2025

    รวมโทรศัพท์ติดโปร AIS ล่าสุดทุกรุ่นปี 2568 มีส่วนลดค่าเครื่องติดโปรเท่าไหร่บ้างเมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจ

    15 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 5 ฟีเจอร์โฟนราคาไม่เกิน 1,500 เน้นโทร ปุ่มใหญ่ USB-C

    15 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    วิธีเช็คเบอร์ตัวเอง AIS, true, dtac กดอะไร เช็คเบอร์มือถือตัวเองง่ายๆ ทำได้ทุกค่าย!

    15 พฤษภาคม 2025

    รวมโทรศัพท์ติดโปร AIS ล่าสุดทุกรุ่นปี 2568 มีส่วนลดค่าเครื่องติดโปรเท่าไหร่บ้างเมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจ

    15 พฤษภาคม 2025

    เปิดตัว “realme 14T 5G” แบตอึด-เล่นเกมลื่นสุดสมตำแหน่ง Performance Dominator น้องใหม่พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยครบเครื่องในราคา 8,999 บาท

    15 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 5 ฟีเจอร์โฟนราคาไม่เกิน 1,500 เน้นโทร ปุ่มใหญ่ USB-C

    15 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X