ถ้าพูดถึงแบรนด์มือถือ เชื่อว่าในใจหลายๆ คนคงมีชื่อ Nokia อยู่ในอันดับต้นๆ แน่นอน ด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนาน รวมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดี คงทน จนมีถึงขั้นสร้าง meme ที่สุดแห่งความแข็งแกร่งทนทานให้กับ Nokia 3310 รุ่นเก๋ากันให้เลยทีเดียว?ซึ่งที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นกระแสความนิยมของ Nokia ที่ลดน้อยลงไปบ้างในยุคของสมาร์ทโฟน แต่ในช่วงหลังมานี้ Nokia เองก็เริ่มกลับมาได้รับความนิยมกันอีกครั้งในไลน์ของ Nokia Lumia ที่เริ่มจุดกระแสความนิยม Nokia กลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่หนึ่งในความฝันของใครหลายๆ คนก็คือ “เมื่อไหร่ Nokia จะใช้งาน Android บ้างเสียที” จนหลายคนถึงขั้นออกปากเลยว่าถ้า Nokia ทำมือถือ Android เมื่อไหร่ จะซื้อแน่นอน
และในที่สุดก็มีวันนั้นแล้วครับ กับตัวของ?Nokia X?ที่เลือกใช้งานระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันดัดแปลง ทำให้สามารถใช้งานแอพ Android ได้ ในวันนี้เราจะมาชมรีวิว Nokia X กันในแบบสบายๆ ไปกับน้องแอ๋มนะครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
สเปค Nokia X
- ชิปประมวลผล Snapdragon S4 Play (MSM8225) dual-core ความเร็ว 1 GHz พร้อมชิปกราฟิก Adreno 305
- แรม 512 MB
- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 800 x 480
- กล้องหลัง 3 ล้านพิกเซล ไม่มีกล้องหน้า
- รอม 4 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 32 GB
- แบตเตอรี่ 1500 mAh
- สเปค Nokia X เต็มๆ
- ราคา 3,990 บาท
แง่ของสเปค Nokia X ก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก แต่ก็ยังเพียงพอสำหรับการใช้งาน Android ทั่วไปได้อย่างสบายๆ
Design
ตัวเครื่องของ Nokia X มาในรูปลักษณ์การออกแบบที่คล้ายคลึงกับไลน์ของ Nokia Lumia ที่ใช้งาน Windows Phone ผสมกับไลน์ Asha อยู่ไม่น้อยทีเดียวครับ ด้วยหน้าตาที่ดูเรียบๆ สีสันฉูดฉาดตา มีให้เลือกหลายสี น่าจะถูกใจวัยรุ่นไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งในส่วนของดีไซน์ Nokia X ?น้องแอ๋มเองก็พูดคุยกับเราไว้พอสมควรทีเดียว
“สำหรับแอ๋มเอง คิดว่าหน้าตาของ Nokia X ดูสะดุดตามากๆ ค่ะ นับตั้งแต่เห็นฝาหลังไกลๆ ครั้งแรกก็รู้สึกสนใจแล้ว ว่าเอ๊ะนี่มันมือถือรุ่นอะไร ทำไมดูมันสดใสสะดุดตาจัง พอได้ลองจับและรู้ข้อมูลว่าเป็น Nokia X ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นใหญ่เลย เพราะเป็นมือถือของ Nokia รุ่นแรกที่ใช้งานแอพ Android ได้ ก็เท่ากับว่าแอ๋มสามารถเล่น Cookie Run และเกม Android ได้อีกเพียบ“
“ความรู้สึกแรกที่ได้ลองจับ รู้สึกว่าตัวเครื่องมันเล็กกะทัดรัด สามารถถือใช้งานในมือได้สบายมากค่ะ ขนาดกำลังพกพาสะดวก หยิบมาใช้งานก็คล่องตัวจริงๆ ฝาหลังที่ใช้วัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนตก็ให้สัมผัสที่ดีมากๆ ผิวสัมผัสเรียบเนียน จะติดก็แต่ขอบเครื่องที่ค่อนข้างคมไปหน่อยเท่านั้นเองค่ะ ที่เหลือแอ๋มว่าโอเคเลย แม้หน้าจอจะเล็กไปนิด บางทีก็พิมพ์ไม่ค่อยถนัดอยู่บ้างเหมือนกัน“
หน้าจอของ Nokia X ใช้เป็นพาเนล TFT ให้สีสันที่ดีพอสมควร แต่ถ้าไปใช้งานกลางแจ้งก็ลำบากเอาเรื่องเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะแสงจะสะท้อนกระจกหน้าจอแล้ว เรื่องความสว่างของจอเองก็สู้แสงกลางแจ้งไม่ไหวเช่นกัน แต่ยังดีที่มีเซ็นเซอร์วัดแสง ทำให้สามารถปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติได้ ซึ่งก็ช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี ต่างจากในมือถือช่วงราคาใกล้เคียงกันที่มักตัดเซ็นเซอร์ตัวนี้ออกไป ทำให้ต้องมาคอยปรับความสว่างอยู่บ่อยครั้งจนรำคาญกันไปเลยก็มี
จุดเด่นอีกจุดของ Nokia X ก็คือปุ่มสั่งงานที่มีอยู่เพียงปุ่มเดียวเท่านั้น ผิดไปจากมือถือ Android ทั่วๆ ไปที่จะมีมาให้ 3 ปุ่มเป็นมาตรฐาน แต่ใน Nokia X จะมีแค่ปุ่ม Back อย่างเดียว สำหรับการใช้งานเมื่อกดปุ่มก็จะมีลักษณะดังนี้
- ในหน้าโฮม: ไปยังหน้า Fastlane เพื่อเข้าถึงแอพที่ใช้งานล่าสุด
- ในหน้า Fastlane: เพื่อกลับไปยังหน้าโฮม
- ในหน้าแอพ: ย้อนกลับไปหน้าจอก่อนหน้านี้ ถ้าอยู่ที่หน้าแรก ก็จะกลับไปที่หน้าโฮมของเครื่อง
- ถ้ากดค้าง: ย้อนกลับไปหน้าโฮม
“สำหรับปุ่ม Back ของ Nokia X แอ๋มคิดว่าบางครั้งก็ใช้งานลำบากนิดหน่อยค่ะ เพราะแอ๋มชอบสับสนระหว่างการใช้งานเป็นปุ่ม back และการใช้งานเป็นปุ่มโฮมในปุ่มเดียวกัน แต่พอใช้งานไปซักพักก็เริ่มชินมือแล้วค่ะ ส่วนการจะเรียกดูเมนูในแต่ละแอพ ก็ให้ใช้การปาดจากขอบจอด้านล่างขึ้นมาด้านบน ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวแอ๋มว่าถ้าเป็นผู้ใช้มือใหม่อาจจะไม่ทราบเลยจริงๆ ก็ได้ “
Nokia X นั้นก็รองรับการใช้งานสองซิม สามารถเปิดสแตนด์บายได้พร้อมกันทั้งสองเบอร์ ไม่พลาดทุกการติดต่อแน่นอน จะใช้งาน 3G ก็ทำได้สบายๆ (ใช้งานได้ซิมใดซิมหนึ่ง) รองรับการเพิ่มหน่วยความจำด้วย MicroSD ได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะกับการเก็บไฟล์เพลง รูปภาพ ใช้เป็นแหล่งเก็บข้อมูลเวลาเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงยังใช้ย้ายแอพจากเครื่องมาลง MicroSD ได้อีกด้วย ช่วยแก้ปัญหาพื้นที่รอมไม่พอได้เป็นอย่างดีทีเดียว โดยทั้งช่องใส่ซิมและช่อง MicroSD จะซ่อนอยู่ในตัวเครื่อง ต้องแกะฝาหลังออกมาถึงจะเจอนะ
ส่วนภายนอกก็จะมีพอร์ตเชื่อมต่อแค่ช่อง Micro USB สำหรับชาร์จแบตอยู่ด้านล่างของตัวเครื่องและช่องเสียบหูฟังอยู่ด้านบนสุด ปุ่มด้านข้างมีเพียงปุ่ม Power และแถบปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงเท่านั้น
Feature
อีกจุดเด่นของมือถือ Nokia ในช่วงหลังมานี้ก็คือเหล่าบรรดาแอพพลิเคชันเสริมที่ติดมาให้ อย่างเช่น Nokia MixRadio ที่มีมาใน Nokia Lumia รุ่นหลังๆ มาทุกรุ่นเลย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถฟังเพลงจากทั่วโลกได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส โดยอาศัยการสตรีมมิ่งเพลงผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ซึ่งเหมาะมากกับผู้ที่ใช้งาน WiFi หรือเน็ต 3G/4G เร็วๆ เสถียร และใช้เน็ตได้ไม่จำกัด แต่ทั้งนี้ก็ไม่ต้องกังวลเลย เพราะ Nokia MixRadio มีความสามารถในการดาวน์โหลดเพลงจากรายการมาฟังแบบออฟไลน์ได้ด้วย จะโหลดจาก WiFi ที่บ้านมาก่อน เพื่อมาฟังระหว่างเดินทางก็ได้สบายๆ ถ้าเกิดเบื่อเพลงที่ดาวน์โหลดมาแบบออฟไลน์ ก็สามารถรีเฟรชเพื่อดาวน์โหลดเพลงใหม่ใน playlist นั้นๆ มาได้อีกด้วย
“อย่างแอ๋มเองก็ชอบดาวน์โหลดเพลงจาก playlist ที่มีคนจัดเอาไว้แล้วใน Nokia MixRadio มาฟังค่ะ มีเพลงเพราะๆ ให้เลือกเยอะเลย แถมยังได้ฟังเพลงใหม่ๆ ที่ไม่เคยฟังมาก่อนจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย ช่วยให้แอ๋มรู้จักเพลงเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย“
นอกจากจะสามารถฟังและดาวน์โหลดเพลงจาก playlist ที่มีให้เลือกแล้ว เรายังสามารถสร้าง playlist จากเพลงของศิลปินโปรดได้เองอีกด้วย เพื่อความสะดวกในการฟังเพลง โดยระบบจะสุ่มเพลงมาสร้างเป็น playlist ให้เราได้ฟัง ถ้าหากฟังจนเบื่อแล้วก็สามารถรีเฟรชเพื่อสุ่มเพลงใหม่ๆ มาได้อีกเช่นกัน ถ้าถูกใจเพลงไหนจริงๆ ก็สามารถกดซื้อเพลงได้จากในแอพเลย ซึ่งจะต้องล็อกอินด้วย Nokia account ด้วย (หรือจะใช้บัญชี Facebook / Hotmail ก็ได้เหมือนกัน) ราคาของเพลงก็ไม่แพงมากนัก ถ้าถูกใจเพลงไหน อยากได้มาฟังในเครื่องแบบเพราะๆ (บิทเรตสูงกว่าตอนสตรีมมิ่งใน MixRadio) ก็กดซื้อกันได้เลย สำหรับการใช้งาน MixRadio แบบฟรี จะมีข้อจำกัดที่สามารถกดข้ามเพลงในแต่ละ playlist ได้ชั่วโมงละ 6 ครั้งเท่านั้น ถ้าครบ 6 ครั้งแล้ว ก็ต้องฟังเพลงใน playlist นั้นๆ แบบกดข้ามไม่ได้นะ
Software
Nokia X เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Nokia X Platform ซึ่งก็คือ Android ที่ดัดแปลงมาแล้วนั่นเอง ภายในถูกถอดเซอร์วิสของ Google ออกเกลี้ยง จึงไม่มีให้ล็อกอิน Gmail และบริการต่างๆ ของ Google ก็จะไม่สามารถใช้งานได้ด้วย แต่แทนที่เข้ามาด้วยบริการของ Microsoft เองอย่าง Hotmail (Outlook), OneDrive และ Skype ซึ่งก็สามารถทดแทนบริการของ Google ได้อย่างไร้ปัญหา ซึ่งถ้าหากใครเคยใช้งาน Windows Phone มาก่อนก็สบายเลย เพราะเป็นเซอร์วิสเดียวกันเป๊ะๆ จุดไหนที่ขาดก็สามารถติดตั้งแอพเสริมอื่นๆ มาใช้แทนพอได้ การตัดเซอร์วิส Google ออกจึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ส่วนถ้าใครเล่น Ingress คงลำบากกันซักหน่อยนะ (แต่ก็ยังพอมีวิธีอยู่ นั่นคือต้อง root แล้วติดตั้งเซอร์วิสของ Google ลงไปในเครื่อง)
พื้นที่เก็บข้อมูลในตัว Nokia X เมื่อเปิดเครื่องมาจะเหลือให้ใช้ติดตั้งแอพ เก็บไฟล์รูปภาพไดัอีกประมาณ 1 GB และเหลือพื้นที่ Phone Storage อีก 600 MB ด้วยกัน แนะนำว่าควรหา MicroSD มาติดตั้งในเครื่องด้วย เพื่อเก็บไฟล์ต่างๆ เช่นไฟล์ภาพ แอพพลิเคชันที่พอย้ายมาลงในเมมได้ ก็จะช่วยเรื่องความจุในเครื่องน้อยไปได้ระดับหนึ่ง
ความเร็วและความไหลลื่นในการทำงานก็จัดว่าพอไปวัดไปวาได้อยู่ แต่การบูทเครื่องหลังเปิดเครื่องใหม่จะใช้เวลาค่อนข้างนานซักเล็กน้อยกว่าที่จะจับสัญญาณคลื่นมือถือได้ แต่พอบูทเสร็จ ความเร็วก็จัดว่าพอโอเคเมื่อเทียบกับเครื่องรุ่นอื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน จะมีหน่วงๆ บ้างก็ตอน back กลับจากหน้าจอของแต่ละแอพ แต่ถ้าใครใช้งานฟีเจอร์โฟนมาก่อนก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก เผลอๆ Nokia X จะเร็วกว่าด้วยซ้ำไป ส่วนระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ เท่าที่ลองใช้งาน+สแตนด์บาย ก็สามารถใช้งานได้เป็นวันอยู่เหมือนกันนะ แบตถือว่าอยู่ได้นานกว่า ZenFone 4 พอสมควรทั้งที่ตัวเลขความจุต่างกันแค่ 300 mAh
หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Nokia X ก็คือ Fastlane UI ที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถเข้าถึงแอพที่ใช้งานล่าสุด แอพที่ใช้งานบ่อยๆ ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปาดหน้าโฮมไปทางซ้ายหรือขวาเท่านั้นเอง ก็จะแสดงรายการแอพที่ใช้งานเรียงตามลำดับ ถ้าหากแอพไหนมีเมนูพิเศษ เช่นการพรีวิวภาพ, การแชร์, การเปิดแอพ, การควบคุมการเล่นเพลง ก็จะมีปุ่มพิเศษเพิ่มเข้ามาที่แอพเหล่านั้นด้วย เรียกว่าคล้ายๆ กับแถบ Notification ของ Android เลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานจริงได้ดี ทำให้ไม่จำเป็นต้องเลื่อนหน้าจอเพื่อไล่หาไอคอนแอพที่ต้องการบ่อยๆ อีกต่อไป เพียงแค่เลื่อนหน้าจอมาทางซ้ายหรือขวา ก็สามารถเลื่อนหาแอพที่ใช้งานบ่อยๆ ได้อย่างง่ายดาย
ส่วนเรื่องของแอพพลิเคชันนั้น ในเบื้องต้น Nokia X จะมาพร้อม Store ของ Nokia เอง ซึ่งแอพภายในก็คือแอพ Android ที่ได้รับการปรับแต่งโค้ดจากผู้สร้างแอพให้สามารถใช้งานได้บน Nokia X Platform แบบ 100% เรียบร้อยแล้วนั่นเอง ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าแอพที่ดาวน์โหลดจาก Store ในตัว Nokia X จะสามารถใช้งานได้แน่นอน โดยแอพเท่าที่มีในขณะนี้ก็มีแอพหลักๆ ค่อนข้างครบถ้วนในระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้าหากยังไม่พอใจ ก็ยังมี Store อื่นให้เข้าไปดาวน์โหลดแอพได้อีก (รูปขวาสุด) การจะใช้งาน Store อื่นก็เหมือนกับการลงแอพทั่วไปเลย สะดวกมากๆ เพียงเท่านี้ก็จะมีแอพให้เลือกมากขึ้นแล้ว?
Camera
กล้องของ Nokia X นั้นมีแต่เฉพาะกล้องหลังความละเอียด 3 ล้านพิกเซลเท่านั้น ชุดเลนส์ fixed focus ทำให้ไม่สามารถจิ้มเลือกตำแหน่งโฟกัสได้ เหมาะกับการถ่ายภาพวิว ถ่ายวัตถุที่มีระยะห่างจากตัวเครื่องพอสมควร จึงจะสามารถใช้การได้ดี ตัวอย่างภาพก็ตามด้านล่างนี้เลย สำหรับกล้องหน้า ต้องแสดงความเสียใจสำหรับผู้ชอบถ่าย selfie ด้วยนะ เพราะ Nokia X ไม่มีกล้องหน้า ถ้าอยากได้กล้องหน้าด้วย คงต้องขยับไป Nokia XL แทนล่ะนะ
Overall
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ Nokia X มือถือรุ่นเล็กรุ่นแรกของ Nokia ที่สามารถใช้งานแอพ Android ได้ ทุกๆ ท่านคงพอเห็นภาพรวมด้านการใช้งานของ Nokia X ไปพอสมควรแล้วล่ะนะว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง รองรับการใช้งานร่วมกับระบบ Android ได้ขนาดไหน รวมไปถึงดีไซน์ของตัวเครื่องที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถพกพาได้สะดวก หยิบใช้งานได้อย่างคล่องมือ ฟีเจอร์โดยรวมก็ครบถ้วนสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน แม้จะมีเรื่องขนาดหน้าจอที่เล็กไปซักหน่อย รวมถึงการขาดกล้องหน้า ก็อาจจะทำให้ขา selfie เซ็งกันเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกของ Nokia ที่ดีในการเริ่มเดินเข้าสู่โลก Android แล้วล่ะนะ
ข้อดี
- ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก
- งานประกอบดี ไว้ใจได้ตามสไตล์ Nokia
- Fastlane UI ช่วยทำให้เข้าถึงแอพใช้งานล่าสุดได้รวดเร็ว
- แอพ Nokia MixRadio ช่วยให้สามารถฟังเพลงผ่านเน็ตได้อย่างสะดวกง่ายดาย
- มีระบบปรับแสงสว่างหน้าจออัตโนมัติ
ข้อสังเกต
- มีปุ่ม Back อยู่เพียงปุ่มเดียว ใครที่คุ้นเคยกับ Android มาก่อนอาจจะไม่ชิน
- ไม่มีกล้องหน้า ส่วนกล้องหลังก็เป็นแบบ fixed-focus เลือกจุดโฟกัสไม่ได้