เปรียบเทียบ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 ต่างกันตรงไหน รุ่นไหนเหมาะกับใครและจะซื้อรุ่นไหนดีในปี 2023

เปรียบเทียบ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 ต่างกันตรงไหน รุ่นไหนเหมาะกับใครและจะซื้อรุ่นไหนดีในปี 2023

ในปี 2023 นี้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาทาง Apple ก็ได้มีการเปิดตัว MacBook ออกมาถึงสองรุ่นหลักๆ ไปแล้วนั่นก็คือ MacBook Air M2 รุ่นหน้าจอ 15” ที่เปิดตัวกันไปล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา และก็เมื่อต้นปีคือ MacBook Pro M2 Pro หรือ M2 Max รุ่นหน้าจอ 14”/16” โดยทั้งสองรุ่นนี้ถ้าดูจากรูปแบบการใช้งาน ความแรงของชิป และสเปคอื่นๆ รวมไปถึงราคาที่ต่างกันเกือบครึ่ง ก็จะมีความแตกต่างกันเยอะพอสมควรอยู่แล้ว แต่อาจจะมีหลายคนที่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อรุ่นไหนดี หรือว่าจะซื้อรุ่นไหนให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด รวมไปถึงรายละเอียดสเปคต่างๆ ของทั้งสองรุ่นนี้มีความแตกต่างกันตรงไหนบ้าง สำหรับคนที่ยังเลือกซื้อไม่ถูก วันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบสเปคแต่ละจุดให้ว่า MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 ต่างกันตรงไหน รุ่นไหนเหมาะกับใครและจะซื้อรุ่นไหนดีในปี 2023

เปรียบเทียบสเปค MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16

• เปรียบเทียบตัวเครื่อง
• เปรียบเทียบสเปคหน้าจอ
• เปรียบเทียบชิปประมวลผล
• เปรียบเทียบกล้องและลำโพง
• เปรียบเทียบแบต และการเชื่อมต่อ
• เปรียบเทียบราคา
• สรุป

ขนาดตัวเครื่องและความเบาต่างกันเยอะ

เริ่มต้นกันที่การเปรียบเทียบ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 ตรงส่วนของดีไซน์ตัวเครื่องกันก่อนเลย ที่ต้องบอกว่าทั้งสองรุ่นนี้มีความแตกต่างหลักๆ ในด้านการใช้งานเป็นอย่างมาก อย่างแรกเลยก็คือรูปแบบตัวเครื่องของทั้งสองรุ่นนี้ จะมีความคล้ายกันในด้านของดีไซน์ที่มีความโค้งมนที่ฐานด้านล่างเหมือนกัน แต่ว่าความหนาของตัวเครื่องนั้นต่างกันมาก เพราะ MacBook Air M2 15” ที่ออกมาใหม่ล่าสุดนี้เรียกได้ว่าทำออกมาได้บางที่สุดในโลกในตอนนี้แล้วก็ว่าได้ในรุ่นหน้าจอ 15 นิ้ว ถึงแม้ว่า MacBook Pro M2 Pro/Max จะมีหน้าจอ 16 นิ้วก็ยังหนากว่ากันพอสมควรเลย ที่สำคัญก็คือน้ำหนักที่ MacBook Air นั้นเบากว่าเยอะมาก สำหรับใครที่ต้องพกพาไปไหนมาไหนตลอด และชอบน้ำหนักเบารุ่น Air จะเหมาะกว่า ในส่วนอื่นๆ อย่าง Magic Keyboard หรือ Touch ID จะเหมือนกัน ยกเว้นส่วนฐานที่รุ่น Pro ใหญ่กว่าและมีพอร์ตเยอะกว่าด้วย

ไม่เพียงแต่ขนาดที่ต่าง ความชัดและความลื่นก็ต่างกัน

มาดูที่ส่วนของหน้าจอของการเปรียบเทียบ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 กันบ้างที่ทั้งสองรุ่นนี้มีความแตกต่างกันในเรื่องของขนาดแน่นอนอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็มีจุดที่เหมือนกันอยู่ นั่นก็คือกล้องหน้าที่เป็นแบบรอยบาก (Notch) เหมือนกันทั้งคู่ รวมไปถึงขอบเขตสีแบบ P3 และหน้าจอ True Tone ที่เหมือนกัน นอกนั้นต่างกันหมดเลย เริ่มกันที่ MacBook Air M2 15” กันก่อนที่รุ่นนี้มีหน้าจอ IPS LED แบ็คไลท์แบบ Liquid Retina ขนาด 15.3 นิ้วมีความละเอียด 2880 x 1864 pixels ดีกว่าเดิม 2 เท่าและสว่างได้สูงสุด 500 นิตเท่านั้น ถ้าใช้งานแต่งรูปตัดต่อวิดีโอทั่วไปนั้นทำได้ดีมากอยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบกับรุ่นโปรแล้วก็ยังสู้ไม่ได้

เพราะว่า MacBook Pro 16” นั้นมีหน้าจอเป็นหน้าจอ Mini-LED แบ็คไลท์แบบ Liquid Retina XDR ที่มี Extreme Dynamic Range ระดับมืออาชีพสีสันสวยงานเนียนตา ขนาด 16.2 นิ้วพร้อมความละเอียด 3456 x 2234 pixels กับความสว่างปกติ 500 นิต และแบบ XDR 1,000 นิต กับแบบ HDR ถึง 1,600 นิตซึ่งมีความสว่างมากกว่า 1-2 เท่าจากรุ่น Air เลยทีเดียว ที่สำคัญคือรุ่นโปรนี้มีเทคโนโลยี ProMotion ที่ปรับความไหลลื่นได้อัตโนมัติสูงสุดที่ 120Hz ไม่ว่าจะเล่นเกม ตัดต่อวิดีโอ หรือเลื่อนหน้าจอปกติก็ทำได้ลื่นกว่าเห็นๆ ดังนั้นตรงจุดนี้ถ้าใครอยากได้หน้าจอระดับมืออาชีพอย่างแท้จริงต้องรุ่นโปรเท่านั้น

ชิปประมวลผลแรงคนละเรื่องเลย

จุดสำคัญอีกหนึ่งจุดสำหรับการเปรียบเทียบ เปรียบเทียบ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 เลยก็คือความแรงของชิป เพื่อนำไปใช้งานในด้านต่างๆ ที่ทั้งสองรุ่นนี้มีชิปต่างกันคนละแบบไปเลย เพราะว่าตัว MacBook Air M2 15” นั้นได้ใช้ชิปเป็นตัว M2 พร้อมหน่วยความจำสูงสุดที่ 24GB และความจุ SSD สูงสุด 2TB ต้องบอกว่าถ้าเทียบกันเองระหว่างรุ่น Air M1 นั้นรุ่นนี้จะแรงกว่าถึง 1.4 เท่าและแรงว่ารุ่นที่ใช้ Intel หลายเท่าด้วย เรียกได้ว่าใช้งานทั่วไป หรือหลายๆ หน้าพร้อมกันและการทำงานด้านกราฟิกนั้นทำได้ดีเยี่ยมอยู่แล้ว แถมยังมีความเงียบกว่าถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆ

ในขณะที่ MacBook Pro 16” นั้นมีตัวเลือกมาให้จัดสเปคกันถึงสองชิปด้วยกันนั่นก็คือชิป M2 Pro ที่มีหน่วยความจำสูงสุด 32GB และ M2 Max มีหน่วยความจำสูงสุดไปถึง 96GB กับความจุ SSD สูงสุดได้ 8TB เลยทีเดียว แถมยังระบายความร้อนเมื่อใช้งานหนักด้วยพัดลมความเร็วต่ำได้ด้วย จะเหมาะกับคนที่ใช้งานในระดับโปรมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อชิ้นงาน การแต่งรูปทีละหลายพันรูป หรือการเรนเดอร์ต่างๆ นั้นทำได้เร็วกว่าแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าจะใช้ M2 Pro หรือ M2 Max ก็ยังเหนือกว่าในหลายๆ ด้าน ถ้าใครที่ต้องใช้ทำงานจริงจังหรือว่าต้องใช้งานในระดับโปรก็ต้องเลือกรุ่นนี้ถึงจะเหมาะกว่า แต่ถ้าใช้ตัดต่อแต่งรูปทำงานทั่วไป MacBook Air M2 15” จะเหมาะกว่า

กล้องและลำโพงคล้ายกัน

จุดต่อมาสำหรับเปรียบเทียบ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 ก็คือเรื่องของกล้องหน้าและลพโพง ที่ทั้งสองรุ่นนี้มีความคล้ายกันหลายอย่าง แต่ก็มีจุดที่ต่างเล็กน้อยในเรื่องของความโปร อย่างแรกที่เหมือนกันก็คือกล้องหน้าที่เป็นกล้อง FaceTime HD ความละเอียด 1080p ที่มีความคมชัดเท่ากัน ทั้งสองรุ่นมาพร้อมลำโพง 6 ตัวพร้อมวูฟเฟอร์แบบตัดแรงสั่นเหมือนกัน แต่รุ่นโปรจะให้เสียงคมชัดกว่า รวมไปถึงไมค์ 3 ตัวที่มีบีมฟอร์มมิ่งตามทิศทางของเสียงเหมือนกัน แต่ว่ารุ่นโปรนั้นจะมีการตัดเสียงรบกวนได้ดีกว่าในระดับสตูดิโอ และยังมี HDMI รองรับสัญญาณเสียงออกแบบมัลติแชนเนลอีกด้วย นอกนั้นทั้งสองรุ่นก็มีเหมือนกันหมดคือเสียงสเตอริโอ, ระบบเสียงตามตำแหน่ง, Dolby Atmos

แบตและการเชื่อมต่อรุ่นโปรยังทำได้ดีกว่า

การเปรียบเทียบ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 ต่อมาก็คือแบตเตอรี่ในการใช้งาน ที่ทั้งสองรุ่นนี้มีความใกล้เคียงกันมากทีเดียว โดยทั้งสองรุ่นสามารถท่องเว็บแบบไร้สายได้สูงสุด 15 ชม.เท่ากัน แต่ว่ารุ่นโปรนั้นเล่นภาพยนตร์ได้นานสุด 22 ชม. ด้วยแบตขนาด 100 วัตต์-ชั่วโมง และชาร์จไวด้วย USB-C 140W ในขณะที่ MacBook Air M2 นั้นเล่นภาพยนตร์ได้สูงสุด 18 ชม. และมีแบตขนาด 66.5 วัตต์-ชั่วโมง รองรับอแดปเตอร์พอร์ตคู่ 35W และชาร์จไวด้วย USB-C 70W ตรงนี้รุ่นโปรจะทำได้ดีกว่าหน่อย

ส่วนในเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อรุ่นโปรจะมี Thunderbolt 4 (USB-C) 3 พอร์ต, MagSafe3, HDMI และ SDXC พร้อมเชื่อมต่อไร้สายได้แบบ WiFi 6E ส่วน MacBook Air M2 15” นั้นจะมีพอร์ตแค่ Thunderbolt / USB 4 จำนวน 2 พอร์ต, MagSafe และเชื่อมต่อไร้สายได้ Wi-Fi 6 นอกนั้นเหมือนกันหมดทั้งช่องหูฟัง 3.5 มม. และ Bluetooth 5.3 ตรงจุดนี้ถ้าต้องใช้งานระดับโปรก็ต้องรุ่นโปรเท่านั้นแหละ

ราคาต่างกันเกือบเท่าตัว

ปิดท้ายกันด้วยการเปรียบเทียบ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 จากราคาที่ทั้งสองรุ่นนี้ในรุ่นเริ่มต้นก็มีราคาที่ต่างกันเกือบเท่าตัวไปแล้ว โดย MacBook Air M2 15” นั้นมีราคาเริ่มต้นที่ 47,900 บาท และถ้าปรับแต่งถึงสเปคสูงสุดแล้ว จะมีราคาอยู่ที่ 106,880 บาท ในขณะที่ตัว MacBook Pro 16” นั้นจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 89,900 บาทสำหรับชิป M2 Pro ที่ปรับแต่งสูงสุดมีราคาถึง 204,880 บาท และราคาเริ่มต้น 124,900 สำหรับชิป M2 Max กับราคาที่ปรับแต่งสเปคสูงสุดไปถึง 246,880 บาทเลยทีเดียว เรียกได้ว่าการตัดสินใจตรงนี้ถ้าใครไม่ได้ต้องใช้งานระดับโปรขึ้นไปก็ใช้รุ่น MacBook Air M2 15” ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องใช้ระดับโปรที่เป็นมืออาชีพขึ้นไปก็เลือกตามสเปคและราคาที่ตัวเองรับไหวได้เลย

สรุป MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 รุ่นไหนเหมาะกับใครและจะซื้อรุ่นไหนดี

จากการเปรียบเทียบแบบจุดต่อจุดของ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 ทั้งสองรุ่นนี้จะเห็นได้ชัดเจนในหลายๆ อย่างเลยว่ารุ่น MacBook Air M2 15” นั้นเหมาะกับการพกพาไปทำงานนอกสถานที่ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว น้ำหนักเบา และใช้ตัดต่อแต่งรูปแบบทั่วไปได้ดีเยี่ยม รวมไปถึงการพกไปเรียนหรือว่าจะทำงานปกติก็ได้เหมือนกัน ที่สำคัญก็คือมีราคาที่ต่างกันเยอะพอสมควรเลยกับรุ่นโปร แต่สำหรับคนที่ต้องการใช้งานในระดับสตูดิโอ ใช้เพื่อทำงานตัดต่อแต่งรูป หรืองานอื่นๆ ในระดับโปรถึงมืออาชีพขึ้นไป แนะนำว่าต้องใช้รุ่นโปรเท่านั้นถึงจะเหมาะ เพราะสเปคหลายๆ อย่างไม่เพียงแต่ชิปที่มีความแรงเท่านั้น แต่หน้าจอและการเชื่อมต่อหรือว่าสเปคอื่นๆ ก็ยังเอื้ออำนวยต่อการใช้งานระดับโปรเท่านั้น แน่นอนว่าราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก ยิ่งถ้าปรับแต่งถึงสูงสุดก็เกือบไปเกือบสามแสนเลยทีเดียว ทั้งนี้การตัดสินใจในการซื้อก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความพึงพอใจของแต่ละคนด้วย แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพเปรียบเทียบ MacBook Air M2 15 vs MacBook Pro 16 จาก Apple TH