พรีวิว Samsung Galaxy S III : สุดยอดสมาร์ทโฟนตัวแรง (จากเว็บไซต์ต่างประเทศ)

แม้เครื่องรีวิวจะยังไม่ถูกส่งมายังเว็บไซต์ของเรา แต่เราก็ยังคงสรรหารีวิวมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน สำหรับ Samsung Galaxy S III ที่เราขอหยิบยกบทความรีวิวจากเว็บต่างประเทศมาแปลงเป็นพรีวิวในแบบฉบับของเรากันก่อน และรับรองว่าถ้าได้เครื่องรีวิวมาเมื่อไร เราจะจัดการรีวิวให้แน่นอน ก่อนอื่น เราไปดูสเปกของเจ้า Samsung Galaxy S III กันก่อนเลย

gsmarena_006

  • ชิปประมวลผล Samsung Exynos quad-core ความเร็ว 1.4 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-400MP
  • RAM 1 GB
  • หน่วยความจำภายใน 16 GB พร้อมช่อง microSD ที่รองรับความจุสูงถึง 64 GB
  • จอ Super AMOLED ขนาด 4.8 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 พร้อมกระจกกันรอย Gorilla Glass 2.0
  • รองรับการเชื่อมต่อ 3G ทุกเครือข่าย
  • กล้องหลังความละเอียด 8 MP พร้อมแฟลช LED สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 1080p @30fps
  • กล้องหน้าความละเอียด 2 MP
  • Android 4.0.4 + TouchWiz launcher
  • รองรับ NFC
  • แบตเตอรี่ความจุ 2100 mAh

ก็ต้องบอกได้ว่า Samsung Galaxy S III เป็นเครื่องที่มาพร้อมกับสเปกอันแรงเหลือเฟือแห่งปีนี้ สมกับเป็นรุ่นเรือธงของ Samsung ในปีนี้ จุดที่เป็นไฮไลท์ที่สุดก็คือตัวของชิปประมวลผล ที่เป็นชิปประมวลผลรุ่นแรกจาก Samsung ซึ่งเป็นแบบ 4 คอร์มาในตัว อันสเปกนี้น่าจะกลายมาเป็นมาตรฐานสำหรับสมาร์ทโฟนในอีกไม่นานแน่นอน โดยเฉพาะตัวจอที่มีพร้อมความละเอียดระดับ HD 720p ส่วนฟีเจอร์ต่างๆ ที่มาพร้อมกับ Samsung Galaxy S III ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ก็ได้แก่

  • S Voice : เป็นระบบสั่งการเครื่องด้วยเสียง (รูปแบบการทำงานแบบเดียวกับ Siri)
  • Smart Stay : จับสายตาของผู้ใช้ว่ามองจออยู่หรือเปล่า ถ้ามองอยู่ จอก็จะปรับความสว่างให้พอดีและคงที่
  • Social Tag : ช่วยในการแท็กภาพเพื่อนให้อัตโนมัติ พร้อมลิ้งค์ข้อมูลต่างๆ เช่น เบอร์โทร อีเมล ทำให้สะดวกต่อการติดต่อหาบุคคลในภาพ
  • S Beam : ทำให้การรับส่งไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟนสองเครื่องทำได้ง่ายขึ้น โดยเพียงแค่หันเอาด้านหลังเครื่องเข้าหากันเท่านั้น
  • AllShare Cast : ทำให้สามารถส่งภาพ วิดีโอ รวมไปถึงเกมที่กำลังเล่นอยู่ให้ภาพไปแสดงบนจอใหญ่ที่รองรับได้ โดยจะใช้ตัวเครื่องมือถือเป็นจอยควบคุมการทำงาน
  • Pop up play : สามารถเล่นวิดีโอเป็นจอเล็กในขณะที่ทำงานอื่นได้ ยกตัวอย่างก็เช่นสามารถรับชมวิดีโอไปพร้อมๆ กับการอ่านข้อมูลในหน้าเว็บ

ต่อมาเรามาดูหน้าตาของตัวเครื่องกันบ้าง

gsiii-vs-htc-1337907512

ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S III มาในรูปลักษณ์ที่ทาง Samsung บอกว่าเป็นการดีไซน์ออกมาเพื่อเน้นการใช้งานจริงๆ โดยยึดหลักเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้เป็นสำคัญ แถมยังเน้นการออกแบบให้ดูเรียบง่ายแบบ minimalist อันสะท้อนความหรูหราในระดับนึง เน้นความกลมมนของตัวเครื่อง ทำให้ดูน่าใช้งาน

gsmarena_001gsmarena_002 (1)

วัสดุที่ใช้เป็นหลักของ Samsung Galaxy S III จะเป็นโพลีคาร์บอเนตที่เคลือบด้วย Hyperglaze ทำให้มีจุดเด่นในด้านของความแข็งแรงที่สูงกว่าโพลีคาร์บอเนตธรรมดา แถมยังมีความสามารถในการป้องกันรอยนิ้วมือได้ดีกว่าด้วย โทนสีของตัวเครื่องมีให้เลือกด้วยกันสองสี นั่นคือสีขาว marble white และสีน้ำเงินอมเทา pebble blue ดังในภาพด้านบน

dsc1524

ขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 136.6 x 70.6 x 8.6 มิลลิเมตร ซึ่งเรียกได้ว่าบางกว่าสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน แม้ว่าจะหนากว่าตัวของ Samsung Galaxy S II อยู่เล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่ 0.1 มิลลิเมตรเท่านั้น และถ้าดูว่าปริมาณความจุแบตที่เพิ่มจากรุ่นเก่าค่อนข้างมาก ทำให้ลบจุดในเรื่องที่มีตัวเครื่องมีความหนามากกว่าตัวเก่าไปได้สนิทเลยทีเดียว ส่วนขนาดความกว้างและความยาวของตัวเครื่องก็เรียกได้ว่าเป็นขนาดมาตรฐานของสมาร์ทโฟนตัวระดับสูงๆ ในสมัยนี้ไปแล้ว โดยเฉพาะจอที่มาในขนาดถึง 4.8 นิ้ว ซึ่งน่าจะใหญ่ มองดูแล้วสบายตาดีเลย อีกทั้งกระจกของจอก็เป็นแบบ Gorilla Glass 2.0 ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่า Gorilla Glass รุ่นเก่า ทำให้มั่นใจได้ว่าความแข็งแรง ความคงทนจะต้องสูงกว่ารุ่นที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

ที่นี้เรามาดูกันที่รูปร่างโดยรอบของตัวเครื่อง Samsung Galaxy S III แบ่งออกเป็นด้านๆ ดังนี้

gsmarena_004gsmarena_005

ปุ่มด้านหน้าของตัวเครื่องจะมีมาปุ่มเดียว นั้นคือปุ่ม Home ส่วนปุ่ม Back และปุ่ม Menu จะใช้เป็นแบบ capacitive ส่วนด้านบนเหนือจอนั้นจะมีจุดดำสองจุดเป็นที่ตั้งของเซ็นเซอร์รับแสงเพื่อปรับความสว่างและการทำงานของจอ ส่วนใกล้ๆ กันนั้นก็จะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าความละเอียด 2 MP

gsmarena_013

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง

gsmarena_011

ด้านขวาจะมีเพียงแค่ปุ่มเปิด/ปิดเครื่องเท่านั้น ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่น่าจะถนัดมือใครหลายๆ คนไม่น้อย

gsmarena_015

เหนือตัวเครื่องก็จะมีช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ใกล้ๆ กันนั้นเป็นช่องรับเสียงของไมโครโฟน

gsmarena_017

ส่วนด้านล่างจะมีทั้งพอร์ต microUSB ที่มีหน้าที่ทั้งใช้ชาร์จไฟ ใช้เชื่อมต่อคอมเพื่อรับส่งข้อมูล อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ MHL ที่ใช้ในการส่งภาพขึ้นสู่ TV ในความละเอียดระดับ High Definition ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องหาซื้อสายต่อเฉพาะด้วย จึงจะสามารถใช้งานได้ นอกจากนี้ยังมีช่องรับเสียงของไมโครโฟนอีกหนึ่งช่อง ซึ่งการที่มีไมโครโฟนมากกว่าหนึ่งตัว จะช่วยทำให้ความสามารถในการตัดเสียงรบกวนภายนอกทำได้ดีขึ้น

gsmarena_019

ฝาหลังของตัวเครื่องจะมีส่วนที่เด่นขึ้นมาก็คือไฟแฟลช LED, กล้องหลัง และลำโพง

gsmarena_020

เมื่อเปิดฝาหลังออกก็จะพบกับแบตเตอรี่, ช่อง microSD และช่องใส่ซิมแบบ microSIM

2012gs3leadgalaxy-s-family-microscope-1337907717

gsmarena_026

ในด้านของจอนั้น Samsung Galaxy S III ใช้จอ Super AMOLED ที่มีการจัดเรียงเม็ดพิกเซลแบบ RGBG PenTile ซึ่งเจ้า PenTile นี้ Samsung ได้เคยนำมาใช้ใน Galaxy Nexus มาแล้ว แต่ใน S III จะมีการจัดเรียงแบบใหม่ ทำให้สีสันที่ได้คมชัด สมจริงกว่าเดิม แถมยังมีอายุการใช้งานที่ดีกว่าทั้งจอที่มีการเรียงเม็ดพิกเซลแบบ RGB และแบบ PenTile แบบเก่าด้วย โดย Samsung เคลมเลยว่าผู้ใช้จะสามารถใช้งานจอของ Samsung Galaxy S III ในประสิทธิภาพระดับสูงสุดไปได้ไม่ต่ำกว่า 2 ปีเลยทีเดียว

ss-graph

ซึ่งเรื่องสีสีนของจอนั้น ก็ได้มีการทดสอบแล้วพบว่าตัว Samsung Galaxy S III มีค่า contrast ratio ที่สูงถึง 3.419 ซึ่งจัดได้ว่าสูงสุดในบรรดาจอสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน สีสันที่ได้เสมือนจริง ดำเป็นดำตามลักษณะของจอ AMOLED

dsc1463-1337907762

ต่อมาเป็นส่วนของกล้องกันบ้าง ซึ่งความสามารถของตัวกล้องก็ได้เพิ่มขึ้นมาตามพลังประมวลผลของ CPU ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือความสามารถในการถ่ายภาพแบบรัวชัตเตอร์ (burst mode)ที่สามารถทำได้ถึง 6 ภาพต่อวินาที ที่ความละเอียด 8 MP เต็มๆ หรือถ้าเป็นในโหมดถ่ายภาพทีละรูปแบบธรรมดา ก็สามารถใช้งานแบบกดปุ๊ปถ่ายปั๊ปแทบจะทันทีหรือที่เป็นภาษาอังกฤษว่า shutter lag? คุณภาพของไฟล์ที่ได้จาก Samsung Galaxy S III จัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี เผลอๆ อาจจะดีกว่ากล้องจาก HTC One X ซะอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับโหมดการถ่ายภาพต่างๆ เช่น HDR และ panorama ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากความสามารถของ CPU ระดับ quad-core ในตัว Samsung Galaxy S III

gs3-comparison600iphone-4-comparison600

เมื่อจับภาพที่ได้มาเทียบกับ iPhone 4 ดังในสองภาพด้านบน จะพบว่าภาพที่ได้จาก Samsung Galaxy S III ค่อนข้างจะสว่างเกินไปเล็กน้อย (over expose) อีกทั้งความชัดลึกไม่ชัดเจนเท่ากับภาพที่ได้จาก iPhone 4 แต่ทั้งนี้ก็ยังมีจุดที่เหนือกว่าคือความคมชัดของภาพ ความเที่ยงตรง และความสามารถในการเลือกเก็บภาพทั้งในจุดที่สว่างและจุดที่มืดของภาพได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ทำให้เห็นรายละเอียดของภาพได้มากกว่าไม่ว่าจะทั้งในส่วนที่มืดหรือสว่างของภาพ

——-

ส่วนของการถ่ายวิดีโอนั้น จุดเด่นที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นก็คือความสามารถในการจับโฟกัสอัตโนมัติระหว่างถ่ายภาพที่ทำได้อย่างไหลลื่นกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมา รวมไปถึงการปรับความสว่างและความมืดของภาพแบบอัตโนมัติก็สามารถทำได้ค่อนข้างดี อีกทั้งแม้จะถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดคือระดับ 1080p ก็ยังได้ไฟล์วิดีโอที่คุณภาพจัดได้ว่าดีสำหรับกล้องมือถือเลยทีเดียว ดังตัวอย่างในคลิปด้านบน

ส่วนที่ต้องได้รับการพูดถึงอีกเรื่องหนึ่งเลยก็คือประสิทธิภาพของเจ้า Samsung Galaxy S III โดยผลจากการทดสอบของเว็บไซต์ต่างประเทศก็ได้ออกมาดังภาพด้านล่างนี้

perf-1

จะเห็นได้ว่าความแรงในส่วนของการประมวลผลด้วย CPU และองค์ประกอบของเครื่องโดยรวมอย่าง AnTuTu จะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy S III กินขาด HTC One X ที่ใช้ชิปประมวลผลเป็น NVIDIA Tegra 3 แต่ในการทดสอบที่เน้นไปด้านใดด้านหนึ่งอย่าง Quadrant ที่เน้นทดสอบ GPU โดยตรง จะพบว่า HTC One X สามารถทำได้ดีกว่า ทั้งนี้ก็เนื่องจากประสิทธิภาพที่ดีกว่าของตัว GPU ภายใน แต่ถ้ามาดูผลจากการเทสด้วย CF-Bench ซึ่งเป็นโปรแกรมทดสอบที่ทดสอบประสิทธิภาพของทั้งหน่วยความจำและ CPU แบบ multi-core จะพบว่า Samsung Galaxy S III สามารถทำได้ดีกว่า HTC One X พอตัวเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ผลทดสอบจากอีกเว็บปรากฎว่าผลการทดสอบส่วนใหญ่ Samsung Galaxy S III จะให้ผลทดสอบที่ดีกว่าเครื่องอื่นๆ จะมีแพ้บ้างก็ในเรื่องของกราฟิกที่อาจจะยังสู้ NVIDIA Tegra 3 ได้ไม่เต็มที่นัก
perf-2

คราวนี้มาเทียบประสิทธิภาพกับชิปใหม่ล่าสุดอีกตัวอย่าง Qualcomm Snapdragon S4 ใน HTC One S จะพบว่าความสามารถโดยรวมของ S III ที่ใช้ Exynos ยังน้อยกว่า Snapdragon S4 อยู่ค่อนข้างมาก โดยพลังในการประมวลผล พบว่าสามารถประมวลผลได้จำนวน MFLOPS ที่น้อยกว่าถึงร่วม 2 เท่าในทุกการทดสอบ

gsmarena_002

คราวนี้มาดูเรื่องของแบตเตอรี่กันบ้าง อย่างที่ทราบๆ กันแล้วว่า Samsung Galaxy S III มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุถึง 2100 mAh ซึ่งถ้าใช้งานทั่วไปก็สามารถใช้ได้จนหมดวัน ในสภาพการใช้งานพื้นฐานเช่นการซิงค์อีเมล, เล่นทวิตเตอร์ และใช้งาน Flipboard แต่ถ้าใช้งานฟีเจอร์การปรับความสว่างจอแบบอัตโนมัติ จะพบว่าระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะสั้นลงไปนิดหน่อย ซึ่งถ้าดูองค์ประกอบโดยรวมของเครื่องไม่ว่าจะทั้งชิปประมวลผล สเปกภายใน และที่สำคัญคือขนาดและความละเอียดของหน้าจอแล้ว ก็ต้องนับว่าสามารถใช้งานได้ค่อนข้างยาวนานแล้ว เผลอๆ ถ้าใช้ดีๆ ก็อยู่ได้เกินวันอย่างไม่ยากนัก

touchwiz

notif-togglesและอีกอย่างหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือหน้าตาของตัวเครื่องอย่าง TouchWiz UI ที่ได้รับการพัฒนามาให้เข้ากับ Android 4.0 ซึ่งหน้าตานั้นก็ไม่ได้หนีไปจากตัว launcher เดิมๆ ของ Ice Cream Sandwich ซักเท่าไร ทำให้สามารถใช้งานและทำความเข้าใจได้ค่อนข้างง่าย แม้จะเคยจับ Ice Cream Sandwich ของสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นมาก่อนแล้ว

gsmarena_062

ปิดท้ายด้วยอีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ Siri เอ๊ย !!! S Voice ในตัว Samsung Galaxy S III โดยในการทดสอบของหลายๆ เว็บพบว่าการทำงานของ S Voice ดูไม่เป็นธรรมชาติเท่ากับ Siri ไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบหรือการตัดคำที่ผู้ใช้พูดเข้าไป จึงทำให้บางครั้งระบบเข้าใจความหมายที่จะสื่อผิดไป แม้ผลการตอบโต้ในบางครั้งจะดีกว่า Siri ก็ตาม

vs04-25_08-51-57x_gallery_post

ก็เรียกได้ว่าน่าจะพอหนำใจกันเลยทีเดียวสำหรับการพรีวิว Samsung Galaxy S III ที่ทางเราได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ มาจากเว็บไซต์ในต่างประเทศ โดยถ้าให้สรุปคร่าวๆ จากตรงนี้ก็จะเห็นได้ว่ามันเป็นสมกับเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปีนี้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะทั้งประสิทธิภาพที่กินขาดหลายๆ เครื่อง ฟีเจอร์ที่ใส่มาอย่างมากมาย นี่ยังไม่รวมถึงอีกหลายฟีเจอร์ที่ไม่ได้พูดถึงอย่างการชาร์จไฟแบบไร้สาย (ซึ่งต้องหาซื้อแท่นวางเฉพาะด้วย) เมื่อมองจากส่วนต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็จัดได้ว่า Samsung Galaxy S III เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แถมราคาเครื่องศูนย์ยังเปิดมาในระดับที่รับได้ นั่นคือ 21,900 บาทอีกต่างหาก ดังนั้น ใครที่อยากได้มือถือแรงๆ ดีไซน์ล้ำๆ ฟีเจอร์เหลือเฟือ Samsung Galaxy S III ก็เป็นเครื่องที่น่าสนใจไม่น้อย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก