[Review] รีวิว ASUS Zenfone Deluxe Special Edition รุ่นย่อยใหม่ที่ไม่ได้เพิ่มแค่ชื่อ ดีไซน์อลังการ มากับความจุ 256 GB !!

เมื่อกล่าวถึงมือถือยี่ห้อ ASUS Zenfone เชื่อว่าทุกคนต้องนึกถึงสมาร์ทโฟนที่คุ่มค่าตัวหนึ่ง เพราะจากการเปิดตัวของตระกูล Zenfone ในแต่ละครั้งนั้นได้ให้สมาร์ทโฟนที่มีความคุ้มค่าในราคาที่ไม่แพงมาโดยตลอด อย่างเครื่อง ASUS Zenfone Deluxe ที่โดดเด่นเรื่องการดีไซน์และราคาที่จับต้องได้ง่ายในสเปคที่มีประสิทธิภาพจนได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม จนทาง ASUS เองต้องเพิ่มรุ่นย่อยออกมาอีกเพื่อให้สมกับกระแสตอบรับให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยรุ่นนี้มีชื่อที่ยาวมากๆ นั่นก็คือ ASUS Zenfone Deluxe Special Edition แต่ไม่ใช่ว่าจะเพิ่มแค่ชื่อยาวๆ เท่านั้นยังมีการอัพเกรดสเปคขึ้นมาให้ดีขึ้นอีก โดยสเปคของตัวเครื่องนั้นก็เหมือนกับยกเอาตัวสเปคของ ASUS Zenfone Deluxe มาอัพเกรดเพิ่มประสิทธิภาพและการออกแบบใหม่ที่ทำให้สมเป็น Special Edition ในราคาที่เพิ่มขึ้นอีก 2,000 บาท จะแตกต่างกันตรงไหนบ้าง คุ้มไหมกับการจ่ายเพิ่มอีก 2,000 บาท ติดตามกันได้เลยครับ

สเปคของ ASUS Zenfone 2 Deluxe Special Edition

  • ชิปประมวลผล Intel Atom Z3590 Quadcore 64-bit ความเร็ว 2.5 GHz
  • ระบบปฏิบัติการ Android  5.0 มาพร้อม Zen UI 2.0
  • แรม 4 GB
  • หน่วยความจำภายใน 128 GB รวมกับการ์ดความจุ 128 GB มากับเครื่อง รวมเป็น 256 GB !!
  • กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชคู่แบบ LED Real Tone
  • กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมและ 3G/4G LTE (อีกช่องใช้ได้ 2G เท่านั้น)
  • แบตเตอรี่ Li-Polymer 3000 mAh แบบไม่สามารถถอดได้
  • ราคา 14,990 บาท
  • สเปคของ ASUS Zenfone 2 Deluxe Special Edition แบบเต็ม

Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00012

จากสเปคของตัวเครื่องนั้นเห็นว่ามีการเพิ่มประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์เล็กน้อย นั่นก็คือ ชิปประมวลผลจากเดิมใช้ชิปประมวลผล Intel Atom Z3580 Quad Cores 64-bit ความเร็ว 2.3 GHz อัพเกรดเป็นชิปประมวลผล Intel Atom Z3590 Quad Cores 64-bit ความเร็ว 2.5 GHz เร็วขึ้น 0.2 GHz ยังไม่พอ ยังเพิ่มขนาดความจุของตัวเครื่องโดยใส่การ์ด ความจุขนาด 128 GB ให้อีกจากเดิมที่มีความ 128 GB อยู่แล้ว สรุปแล้วเครื่องนี้มีความจุ 256 GB !! พอ ๆ กันกับโน๊ตบุ๊คเลยใครใช้หมดนี่ขอนับถือจริง ๆ ครับ สำหรับการออกแบบภายนอกนั้น จะให้เหมือนเดิมก็คงไม่เหมาะกับคำว่า Special Edition เอซุสเลยจัดฝาหลังดีไซน์พิเศษให้ถึง 2 แบบ ให้ไปเปลี่ยนกันได้หลายลุค ทั้งแบบคริสตัลสวยงามที่มีสวยเงิน ออกแบบให้เป็นเหมือนเพชรที่ได้รับการเจียระไนมาแล้วอย่างประณีต และฝาหลังอีกชิ้นออกแบบเป็นลวดลายเคฟล่า ให้อารมณ์แบบสปอร์ตดุดัน ตัดกับขอบสีแดงแล้วดูดีมาก ๆ

จุดเด่น

– ความจุตัวเครื่อง 128 GB และ ให้การ์ดความจำอีก 128 GB รวมเป็น 256 GB !!
– แรมขนาด 4 GB สามารถสลับแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว
– การออกแบบฝาหลังที่สวยงาม มีให้เลือก 2 แบบ ทั้ง Crystal Cut สีเงิน และ Kevlar
– งานประกอบดี ทำได้แน่นหนา
– ราคาในระดับกลาง ๆ ในสเปคที่มีประสิทธิภาพ
– ฟีเจอร์ชาร์จแบตเตอรี่ BoostMaster ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 60% ภายใน 39 นาที

ข้อสังเกต

– ฝาหลังแกะยากไปหน่อย
– ถอดแบตเตอรี่ไม่ได้
– ปุ่ม Power ด้านบนและปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง ใช้งานจริงค่อนข้างลำบาก
– ขอบหน้าจอหนาเกินไป
– ไฟปุ่มที่หน้าจอยังไม่มีมาให้

บทสรุป

Asus Zenfone Deluxe Special Edition ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความคุ้มค่าสำหรับคนที่ยังมองหาสมาร์ทโฟนในราคาระดับปานกลางแต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าเรือธง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้ถือว่าเอาใจคนที่ใช้งานที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมาก ๆ เพราะให้พื้นที่เก็บข้อมูลมาจากโรงงานถึง 256 GB (ความจำตัวเครื่อง 128 GB + MicroSD Card 128 GB) ซึ่งถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนให้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะมาก ๆ ในราคาหมื่นกลาง ๆ และด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Special Edition ให้ฝาหลังดีไซน์ Crystal Cut สีเงินที่ดูสวยงาม และยังมีฝาหลังแบบเคฟล่าให้อีก ชิปประมวลผลอัพเกรดให้ดีขึ้นเล็กน้อย และแรมขนาด 4 GB เอาไว้ใช้งานแบบสลับแอปพลิเคชั่นได้อย่างรวดเร็ว โดยทั้งหมดนี้มีราคาจำหน่ายเพียง 14,990 บาทเท่านั้น ซึ่งเพิ่มมาจากรุ่น Asus Zenfone Deluxe 2,000 บาท ซึ่งอยู่ที่ผู้ใช้งานเองแล้วว่าจะยอมเพิ่มเงินหรือเปล่า เพื่อแลกกับความจุที่เยอะขึ้นอีกเท่าตัว ชิปประมวลผลที่เร็วขึ้น และการออกแบบฝาหลังที่เป็น Special Edition
Editor : Nayvardar
93
BEST PRICE

Design

แตกต่างอย่างดูดีให้สมกับชื่อ

“Special Edition”

Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00009

Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00008

มาถึงเรื่องดีไซน์ของตัวเครื่อง ถ้าพูดกันตามตรงก็คือเอารุ่น Asus Zenfone 2 (ZE551ML) มาเพิ่มรุ่นย่อยให้มีดูแตกต่างที่ดีไซน์และเพิ่มความจุเป็นรุ่น Zenfone 2 Deluxe แล้วเอามาอัพเกรดอีกทีเป็นรุ่น Asus zenfone Deluxe Special Editionเรียกได้ว่าโมเดลนี้มีหลายรุ่นย่อยเลยทีเดียว ด้านหนัาของตัวเครื่องมากับจอแสดงผลแบบ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ที่ความละเอียด Full HD (1080 x 1920) ความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 401 ppi มาพร้อมกับเทคโนโลยีกันรอยขีดข่วน Corning Gorila Glass 3 ซึ่งการแสดงสีสันแสดงได้ดีคมชัดสมกับความละเอียดแบบ Full HD แต่โมเดลนี้มีขอบหน้าจอที่หนาไปหน่อยทำให้ลดความสวยงามลงไปเล็กน้อย ซึ่งพื้นที่ของหน้าจอคิดเป็นประมาณ 72 % พื้นที่ด้านหน้า ด้านบนของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยช่องสนทนาสีเงินโครเมียมเข้ากันกับสัญลักษณ์ ASUS สีเงิน ถัดมาเป็นกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซลที่มีเทคโนโลยี PixelMaster 2.0 ใกล้กันเป็นเซ็นเซอร์ Proximity Sensor ทีจะช่วยปิดหน้าจอเวลามีการสนทนาแล้วเราเอาแนบหูนั่นเอง

มาถึงด้านล่างบริเวณหน้าจอกันบ้าง จะเห็นปุ่ม 3 ปุ่มนั่นก็คือ ปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่ม Multitasking เป็นที่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ก็ยังไม่ได้ใส่ไฟไว้ให้ อาจทำให้การใช้งานตอนกลางคืนต้องอาศับความเคยชิน ด้านล่างเป็นพลาสติกขัดเงาให้ความรู้สึกคล้ายโลหะซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Zenfone ไปแล้วแต่ก็ให้ความสวยงามหรูหรา ด้านข้างตัวเครื่องไม่มีปุ่มอะไรเลยนอกจากช่องเอาไว้แกะฝาหลังออก ด้านบนของตัวเครื่องมีปุ่มใช้สำหรับเปิดปิดเครื่องซึ่งการใช้งานจริงแอบใช้งานยากเพราะต้องกดจากนิ้วชี้ แต่ก็มีระบบแตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อช่วยแทนการกดปุ่มได้ ใกล้ ๆ ปุ่มจะเป็นช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร และไมค์ตัดเสียงรบกวน ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีพอร์ต MicroUSB เพื่อชาร์ตแบตเตอรี่และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ใกล้ๆ กันเป็นไมค์สนทนา

ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นออกแบบที่ดูเด่นดึงดูดสายตาก็คงเป็นฝาหลังแบบ Crystal Cut ลายโพลีกอนที่มีสีเงินเปล่งประกายดูสวยงามมากๆ และยังสามารถเปลี่ยนเป็นฝาหลังลายเคฟล่าได้อีกด้วย ให้ทั้งอารมณ์หรูหราและสปอร์ตได้ในเครื่องเดียวมีกล้องขนาด 13 ล้านพิกเซลพร้อม Dual Led Flash และปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงซึ่งเวลากดต้องจับให้ดีเพราะแรงดันจะดันมาข้างหน้าต้องระวังไม่ให้หลุดมือ ด้านล่างเป็นลำโพงเป็นแถบยาวให้เสียงแบบธรรมดา ๆ ตัวเครื่องโดยรวมมีการประกอบที่แน่นหนาดี ชนิดที่เปลี่ยนฝาหลังหรือเปลี่ยนซิมนี่เจ็บนิ้วกันทีเดียวเพราะฝาหลังแกะออกยาก เมื่อเปิดฝาหลังจะพบแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh แต่ถอดเปลี่ยนไม่ได้ จะพบช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Micro Sim 2 ช่องโดยช่องหนึ่งจะรองรับการใช้งาน 2G 3G 4G ทุกเครือข่าย แต่อีกช่อง จะรองรับแค่ 2G เท่านั้น และช่องใส่ MicroSD ที่ทางเอซุสใส่ MicroSD Card Class 10 ความจุ 128 GB ไว้ให้แล้ว ซึ่งการออกแบบโดยรวมก็ถือว่าทำได้ดี ผู้ใช้สามารถเลือกใส่ฝาหลังที่มีให้ได้ตามใจชอบ

Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00006

Software

Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00007

Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition  ใช้ระบบปฎิบัติการ Android 5.0 มาพร้อมกับ Zen UI 2.0 ตัวเครื่อง โดยในรุ่นนี้มากับ Theme แบบ Sport เพื่อให้เข้ากับฝาหลังแบบเคฟล่า ให้อารมณ์การใช้งานที่ดูรวดเร็ว โดยตัวเครื่องมาพร้อมกับแอปพลิเคชันพื้นฐานของ Google มาให้ครบ และมีแอปพลิเคชันที่ทางเอซุสจัดลงไว้ให้มากมายเช่น ไฟฉาย FileManager กระจก Cleanmaster Quickmemo เป็นต้น เรียกได้ว่าผู้ใช้งานไม่ต้องหาโหลดเพิ่มเลยทีเดียว

Screenshot_2016-02-22-10-41-54-side

สำหรับการเปิดหน้าจอเพื่อปลดล็อคเข้าสู่หน้าเมนูนั้น สามารถทำได้โดยแตะที่หน้าจอสองครั้งได้เลย โดยไม่ต้องกดปุ่มด้านบน ถือว่าสะดวกมาก ๆ เพราะปุ่มด้านบนนั้นแอบใช้งานยากอยู่เหมือนกัน การเข้าสู่ Google Now ก็สามารถทำได้รวดเร็วจากการกดปุ่ม Home ค้างไว้ และการแคปหน้าจอก็มีปุ่มลัดโดยการกดปุ่ม Multitasking ค้างไว้ เช่นกัน

Feature

Touch Gesture ที่สามารถเปิดแอพได้ด้วยการวาดลงบนหน้าจอแม้เครื่องจะปิดหน้าจออยู่โดยสามารถเข้าถึงได้หลายโปรแกรมแล้วแต่ตัวอักษรที่เราวาด ดังนี้

Screenshot_2016-02-22-21-18-03

  • แตะที่หน้าจอขณะล็อคหน้าจอไว้เพื่อเปิดการทำงานจากโหมด Sleep
  • วาด W เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น Browser
  • วาด S เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น ข้อความ
  • วาด E เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น E-mail
  • วาด C เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น กล้อง
  • วาด Z เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น Asus Boost
  • วาด V เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น โทรศัพท์

โดยเราสามารถเปลี่ยนรูปการเข้าแอปพลิเคชั่นได้เลยเช่นการวาด C เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชันฟังเพลงเป็นต้น

Power Saving Mode สามารถปรับแต่งการใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งแต่ละโหมดนั้นจะจัดสรรทรัพยากรของเครื่องให้ตรงกับการใช้งาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานแบตเตอรี่ให้ดีขึ้น และยังมีโหมด Customized ที่สามารถปรับแต่งการทำงานต่าง ๆ ของตัวเครื่องได้เองอีกด้วย

Screenshot_2016-02-22-13-34-41

Mini Movie เป็นแอปพลิเคชั่นที่ทำให้เรานำรูปมาตัดต่อวิดิโอได้ทันที มีวิธีการใช้งานง่าย โดยจำทำการเอารูปจากอัลบั้มที่เราถ่ายมาทำเป็นวิดีโอโดยสามารถปรับแต่งได้มากมาย เช่น ใส่ข้อความ ใส่เพลง แล้วบันทึกเป็นวิดีโอได้ทันทีเพื่อว่ายต่อการแชร์

Screenshot_2016-02-22-13-38-10

One Hand Mode เป็นโหมดที่เหมาะกับคนมือเล็ก หรือผู้ที่ใช้งานที่สะดวกใช้งานมือเดียว โดยจะย่อหน้าจอให้มีขนาดเล็กเพื่อสะดวกต่อการใช้งานมือเดียว ซึ่งจากการใช้งานจริงถือว่าเหมาะมาก เพราะมือถือขนาด 5.5 นิ้วนี้ก็ถือว่าใหญ่เอาเรื่อง เวลาในการถือของหรือโหนรถไฟฟ้าแล้วมีความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์นี่ถือว่าสะดวกมาก

one-hand-product

ZenUI Theme เป็นคลังเก็บ Theme ของ ZenUI โดยมี Theme ให้เลือกสวยงามมากมาย มีทั้งแบบเสียเงินและแบบฟรีให้เราเลือกเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ซึ่งมีหลากหลายแบบให้เลือกให้เปลี่ยนบ่อยแบบไม่เบื่อกันเลยทีเดียว

Screenshot_2016-02-22-13-49-05

Easy Mode เป็นการเปลี่ยนลักษณะการทำงานให้มีลักษณะง่าย เหมาะสำหรับผู้สุงอายุ หรือผู้ที่ต้องการใช้งานแบบง่าย ๆ ไม่หวือหวา

Screenshot_2016-02-22-13-51-56

BoostMaster  เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ซึ่งเอซุสได้กล่าวว่าสามารถชาร์จได้ถึง 60% ในเวลาเพียง 39 นาทีเท่านั้น และจากการใช้งานดูนั้นแบตเตอรี่ชาร์จเร็วขึ้นจริงๆ ครับ ถือว่าสะดวกมากสำหรับคนที่เล่นโทรศัพท์ก่อนนอนแล้วหลับไปแบบลืมชาร์จ เพราะตื่นขึ้นมาแล้วทำธุรกิจส่วนตัวเสร็จแบตก็เหลือเฟือต่อการใช้งานแล้ว แต่ช่วงเวลาชาร์จนั้นตัวเครื่องอาจจะมีอุณภูมิสูงอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นกลไกการทำงานของ BoostMaster

Techhypermart-Feature13ZenFone-2-Deluxe

 

Camera

Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00017

ASUS Zenfone 2 Deluxe Special Editio มาพร้อมกับกล้อง 13 พิกเซลพร้อมเทคโนโลยี  PixelMaster 2.0 ที่เป็นเทคโนโลยีของเอซุสเอง ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภายให้ภาพถ่ายดีขึ้น เซ็นเซอร์รับแสงใหญ่ขึ้น และรูรับแสงกว้างขึ้นถึง f/2.0 รวมแสงได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มรายละเอียดให้กับภาพถ่าย กล้อง ASUS PixelMaster มาพร้อม 5 ชิ้นเลนส์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพดีเยี่ยม และลดแสงสว่างภาพถ่ายผิดเพี้ยน ส่วนกล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซล เรียกง่าย ๆ เลยก็คือยกมาจาก Zenfone 2 เลยทีเดียว ซึ่งมีทั้งหมดฟังก์ชัน อาจทดลองใช้ไม่หมด จะแสดงให้ดูเฉพาะฟังก์ชันที่น่าสนใจ

Screenshot_2016-02-22-10-43-02  Screenshot_2016-02-22-21-30-41

Low-light ช่วยให้ถ่ายภาพชัดเจนยิ่งขึ้น โดยผ่านการรวมตัวกันของการปรับขนาดพิกเซล และขั้นตอนการประมวลผลภาพ เพิ่มความไวแสงมากขึ้นถึง 400% ลดความหยาบของภาพ และยังเพิ่มสีสันค่าคอนทราสมากถึง 200% แต่กล้องจะถูกลดลงเหลือ 3 ล้านพิกเซล อันนี้ลองถ่ายภาพแบบใกล้ ๆ ในที่มืดให้ดูแบบเปิดแฟลช กล้องไม่โฟกัสซะงั้น เลยลองใช้โหมด low-light ช่วย ถือว่าดึงแสงขึ้นมาได้ดีมาก

Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00022

Panorama ช่วยให้ถ่ายภาพ 360 องศา แบบพาโนราม่าได้อย่างง่ายดาย ผ่านแอพพลิเคชั่น เพียงแค่แพนกล้องไปรอบๆ เพื่อจับภาพบริเวณที่คุณต้องการ เมื่อจับภาพครบ 360 องศา แอพลิเคชั่นจะหยุดการถ่ายโดยอัตโนมัติ

Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00001

 

Depth of Field อีกหนึ่งเทคนิคการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ คือการถ่ายภาพเบลอพื้นหลังนั่นเอง ช่วยสร้างความโดดเด่นให้ส่วนสำคัญของภาพ โดยกดถ่ายภาพต้องรอกล้องเก็บภาพก่อนประมาณ 5 วินาทีซึ่งควรจะถือกล้องไว้นิ่งเพื่อให้กล้องจับจุดสำคัญของภาพได้ เมื่อกล้องจับภาพได้แล้วประมวลผลเสร็จเราสามารถเลือกระดับความเบลอของพื้นหลังได้อีกด้วย

‘ Screenshot_2016-02-22-20-08-30  Screenshot_2016-02-22-20-06-49  Screenshot_2016-02-22-20-07-43

Super Resolution เป็นโหมดที่ถ่ายรูปให้มีความละเอียดสูงสุดถึง 52 ล้านพิกเซล ซึ่งการทำงานของมันจะทำการถ่ายรูปไว้หลาย ๆ รูปแล้วมารวมกันซึ่งก็ใช้เวลาเล็กน้อยในการเก็บภาพ จึงทำให้ภาพมีความละเอียดสูงให้ความคมชัดมาก แต่ขนาดของภาพก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน โดยมีขนาด ประมาณ 5 – 6 Mb จะทำการซูมให้ดูว่าเก็บความละเอียดได้ดีขนาดไหน

Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00009-side

Super HDR โหมดแบล็คไลท์พิกเซลมาสเตอร์ จับภาพได้หลายช๊อตในฉากเดียวกันอย่างอัติโนมัติ ใช้เทคโนโลยี ASUS Pixel Enhancing ในการประมวลผล ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างมากถึง 4 เท่า ส่งผลให้ภาพถ่ายสว่างขึ้นมากถึง 400% ซึ่งมาพร้อมกับความคมชัดและรายละเอียดของภาพและยังถ่ายภาพแบบย้อนแสงได้ดีอีกด้วย ไปดูภาพถ่ายตัวอย่างกันระหว่างใช้โหมด HDR และไม่ใช้โหมด HDR

ภาพซ้ายปิดโหมด HDR / ภาพขวาเปิดโหมด HDR

  Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00020

Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00021

Beautification เป็นโหมดที่เอาใจคนรักเซลฟี่เพราะสามารถปรับแต่งได้มากมาย เพราะว่าจะเป็นสีผิวที่เนียน ปรับโทนสีผิว ปรับหน้าเรียว ตาโต เรียกได้ว่าไม่ต้องแต่งหน้ามาถ่าย โหมดนี้ทำให้ได้หมดครับ

 Screenshot_2016-02-23-07-58-41[1]
ภาพตัวอย่างจากกล้องหลังของ ASUS Zenfone 2 Deluxe Special Edition

Performance

Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00016

Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition  มาพร้อมกับชิปประมวลผลของ Intel Atom Z3590 64-bit  ที่ความเร็ว 2.5 GHz  ซึ่งอัพเกรดจากรุ่น Asus Zenfone 2 Deluxe  เล็กน้อย โดยทำงานร่วมกับแรมถึง 4 GB ทำให้การใช้งานนั้นลื่นไหล สามารถสลับการใช้แอปพลิเคชันอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องโหลดใหม่บ่อยครั้งให้เสียเวลา สำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต สามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE ความเร็วสูง และใช้อินเตอร์เน็ตผ่าน 3G ได้ทุกเครือข่าย การรับสัญญาณ Wifi จับสัญญาณได้ดีไม่มีปัญหา

p8_performance_new

 

สำหรับแบตเตอรี่ของ Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition มีขนาดอยู่ที่ 3000 mAh  จากการทดสอบก็ถือว่าใช้งานเพียงพอต่อ 1 วันแบบไม่ต้องง้อ Powerbank แถมยังมีโหมดประหยัดพลังงานให้เลือกใช้ และถึงแม้จะเล่นเกมหนัก ๆ จนแบตเตอรี่หมดไว ก็ยังมีเทคโนโลยี BoostMaster ที่ทำให้การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้เร็ว

ส่วนการเล่นเกม Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition ได้ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก PowerVR Rogue G6430 ซึ่งจากการใช้งานด้านกราฟฟิกหนัก ๆ อย่างการเล่นเกม Asphalt 8 ที่ติดมากับเครื่องนั้น เล่นได้อย่างลื่นไหล แต่ก็มีอาการกระตุกอยู่บ้างในช่วงที่รันกราฟฟิกหนัก ๆ แต่ก็ถือเล่นได้สนุกไม่เสียอารมณ์อย่างแน่นอน

Gallery

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก